เพิ่งมาเยือน
อ่าน: 1743เลือกชื่อ”ลานโรงเรียน” ก็เพราะชีวิตคลุกคลีอยู่กับลานนี้มาถึง 34 ปีแล้ว แต่ขณะนี้ชีวิตก็ยังอยู่ไม่ไกลจากลานเดิม เป็นผู้ก่อตั้ง “โรงเรียนอนุบาลพัฒนาเด็ก” เมื่อปี 2520 โดยตั้งใจว่าจะให้เป็นโรงเรียนเล็กๆขนาดความจุนักเรียนเพียง 140 คน และมีความตั้งใจว่าจะให้เป็นโรงเรียนที่เด็กๆมาเรียนแล้วมีความสุข อยากมาโรงเรียน มาเล่นมากกว่ามาเรียน แต่จากการเล่นก็ได้เรียนรู้ไปด้วย ซึ่งแนวคิดในสมัยนั้น ถือว่าใหม่มาก แต่ก็ได้รับการตอบรับจากผู้ปกครองที่เป็นกลุ่มเพื่อนๆอาจารย์มหาวิทยาลัยขอนแก่นซึ่งเราลาจากมาพอสมควร เปิดเรียนวันแรก มีลูกเพื่อนๆสมัครมาเรียน 28 คน แต่เปิดได้เพียงเทอมเดียว เด็กก้เพิ่มมาเป็น 128 คน เกือบเต็มตามจำนวนที่ตั้งไว้เสียแล้ว
ขอกระโดดข้ามเรื่องมาเร็วๆเลยดีกว่า ว่าหลังจากเปิดไปได้ 20 ปี ก็ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ภายใต้คำขวัญว่า “โรงเรียนที่อบอุ่นเหมือนบ้าน มีครูอ่อนหวานเหมือนพ่อแม่”และแนวการสอนแบบ “ให้คิดมากกว่าจำ” ก็ให้มีอันได้ขยายเป็นโรงเรียนอนุบาลและประถม ในประเภท “Bilingual” หรือสมัยนี้เปลี่ยนมาเรียกว่า “English Program”ตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ในปี พ.ศ. 2540 ซึ่งเป็นปีวิกฤตเศรษฐกิจ ฟองสบู่แตก แรกๆผู้ปกครองก็ส่งลูกมาเรียนเต็มชั้น ป 1 แต่พอปลายปี หายกันไปครึ่งห้อง เด็กอนุบาลก้พลอยหายไปอยู่โรงเรียนรัฐบาลและเทศบาล เกือบร้อยคน เปิดเทอมมาใจหาย นึกว่าโรงเรียนจะไปไม่รอดเสียแล้ว แต่ด้วยมีครูดี มีน้ำใจ เราช่วยประคับประคองกันและกัน ครูเสนอให้ลดเงินเดือนตัวเอง แต่ไม่มีการให้ใครออก ทำกิจกรรมทุกอย่างที่ลดต้นทุนได้ แต่ไม่ลดคุณภาพ ฯลฯ ลูกๆก็ได้กลับมาช่วยแม่ที่กำลังซวนเซ ในที่สุดเราก็รอดพ้นวิกฤตนั้นมาได้ เพราะได้ลูกดี เพื่อนดี รวมทั้งครู และพนักงานที่ดี ที่ร่วมฝ่าฟันกันมาถึงปีนี้ ปีที่ 2554 ที่เราสามารถพูดอย่างเต็มภาคภูมิว่าเรามาถึงเส้นชัยแล้วอย่างมั่นคง ขณะนี้แยกเป็นสองโรงเรียน โรงเรียนพัฒนาเด็กภาคภาษาไทย ย้ายมาอยู่ที่ถนนประชาสโมสรมีนักเรียน 200 คน (เต็มแล้ว) ส่วนภาคภาษาอังกฤษ ตั้งอยู่ที่เดิมคือถนนศรีจันทร์ มีนักเรียน 300 คน (อนุบาลเต็มแล้ว ส่วนประถมรับเสริมได้เพียงบางชั้นเท่านั้น)
วันนี้เอาแค่นี้ก่อนนะคะ เพราะยังเป็นแค่น้ำจิ้มและตัวอย่าง เมื่อเข้าบล็อก “ลานโรงเรียน”ได้อย่างเต็มที่แล้ว คงจะได้มีเกร็ดต่างๆในรอบ 34 ปีที่ “ลานโรงเรียน” มาเล่าให้ฟังอีกแยะ
18 ความคิดเห็น
ลานโรงเรียนมาเยือนเป็นเพื่อนใหม่
จึงดีใจนักหนาอาจารย์เอ๋ย
จะรออ่านจดจ่ออย่ารอเลย
เขียน เขียน เขียน ให้เสบยสบายใจ
อิ อิ..
เห็นพ่อครูทักมาแต่เช้ามืด
คงไม่เคยนอนอืดเหมือนใครเขา
แม่ใหญ่ยังงุนงงอยู่ไม่เบา
เพราะเพิ่งเข้า”ลานปัญญา”มาเดี๋ยวนี้
มาต้อนรับแม่ใหญ่ค่ะ ยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบแม่ใหญ่ที่นี่อีก ขอบคุณโอกาสดีๆที่เราทั้งหลายได้มาพบกัน จะรออ่านบันทึกของแม่ใหญ่ค่ะ ขอบพระคุณค่ะ
ได้กำลังใจทันทีที่เข้ามาแบบนี้ ต้องบอกว่า ไม่เขียนไม่ได้แล้วค่ะ ถือเป็นภารกิจทุกยามเช้าเลยดีไหมคะ
สวัสดีครับแม่ใหญ่
คราวหน้าไปขอนแก่นคงต้องขอไปนั่งจิบกาแฟคารวะแม่ใหญ่ครับ
มินิเฮ+ฮัก ไม่ได้ไปเพราะติดภารกิจสำคัญ เสียดายมากครับ…..อิอิ
ด้วยความยินดีต้อนรับเสมอค่ะ
โฮ แม่ใหญ่ รูปสวยจังเลย ฝีมือขั้นเทพเลยครับ
ผมเคยทำงานกับฝรั่งคนหนึ่งที่มีภรรยาเป็นคนไทย ท่านใจดีมาก
คุณ Peter กล่าวว่า รู้ไหม มีงานวิจัยในอเมริกาพบว่าตลอดชีวิตของประชาชนในอเมริกาโดยเฉลี่ยพบว่า จะต้องเปลี่ยนงานถึง 8 ครั้ง และในจำนวน 8 ครั้งที่เปลี่ยนงานนั้น มี3 ครั้งที่เขาไม่คิดว่าจะต้องไปทำงานนั้น แต่ต้องทำเพราะเลือกไม่ได้…
Peter เลยสรุปว่า ดังนั้นคนเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานที่ไม่คิดว่าจะต้องทำ นั่นคือต้องมีพื้นฐานเบื้องต้น 3 ด้าน คือ 1 ความรู้วิชาชีพ 2 คอมพิวเตอร์ 3 ภาษาอังกฤษ และจะต้องมีวิชาชีพมากกว่า 1 อย่าง หรือสร้างความรู้ให้กว้างมากขึ้น เช่นรู้ภาษามากกว่า 1-2 ภาษา มีความถนัดเฉพาะมากกว่าวิชาชีพ เป็นต้น
เหตุผลนี้เองผมจึงส่งลูกสาวไปเรียน Bilingual school และเธอก็ก้าวไปได้ดีในอาชีพการงานของเธอครับ
ขอสนับสนุนแม่ใหญ่ทำ Bilingual school ครับ
เพิ่งหัดวาดค่ะได้ไม่นาน แต่ก็ภูมิใจนะ ภาพนี้ให้ชื่อว่า “หนทาง” มีความหมายสำหรับตัวเองมากๆค่ะ
ดีใจจริงๆ ค่ะ ที่ได้เห็นลานโรงเรียนของแม่ใหญ่ ที่มินิเฮที่ฮักสคูลไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับแม่ใหญ่มากนัก แต่ก็แอบหวังว่าจะได้อ่านเรื่องราวต่างๆ ของแม่ใหญ่ที่ลานปัญญา..
แวะมาทักทายค่ะ
ไม่ได้ไปขอนแก่นในมินิเฮ…แต่ก็ติดตามอ่านทุกบันทึกที่เกี่ยวข้อง..รู้สึกดีใจที่จะได้อ่านเรื่องราวจากประสบการณ์จริงของตัวจริงเสียงจริงค่ะ
รู้จักฮักสกูลผ่านน้องออตมาระยะหนึ่ง …ชื่นชมค่ะ
ยินดีต้อนรับครับแม่ใหญ่
ไปเที่ยวเว็บไซต์ของโรงเรียนพัฒนาเด็กมารอบหนึ่งแล้วอย่างรวดเร็ว
โห
แม่มาซะไม่ทันตั้งตัว
สวดยอดมากเลย
ครูที่ฮักรู้นี่ ต้องรีบแ่กันเข้ามาเขียนแน่ ๆ
ก็คนมันว่างงาน(อย่างเป็นทางการ) น่ะออต พอมีอะไรมากระตุก ก็เต้นขึ้นมาทันที เพียงแต่ต้องบอกตัวเองว่าให้เต้นนานๆหน่อย เพราะตั้งแต่มอบหมายงานจริงให้คนอื่นไปหมดแล้ว ก็หางานอดิเรกหลากหลายมาเล่นจนล้นตัวเหมือนกัน
ยินดีต้อนรับ และจะรออ่านครับ
อ่านเรื่องราวแล้ว ต้องเป็นกลุ่ม “สว. สสส.” แน่ ๆ เลยครับ
แล้วจะรอติดตามเรื่องราวของ “ลานโรงเรียน” ตอนต่อ ๆ ไปครับ
เก่งจังค่ะ ใส่รูปหัวบล็อก เปลี่ยนสีธีม และยังเอารูปขึ้นได้ด้วย ^ ^
ยินดีต้อนรับค่ะ จะรออ่านนะคะ
มาต้อนรับช้ากว่าเพื่อนเพราะมัวแต่ยุ่งกับงานไม่ได้เข้ามาลานปัญญานานมาก
เพิ่งเห็นว่ามีลานโรงเรียนเลยเข้าไปอ่าน รวดเดียว ๗-๘ บันทึก นึกในใจว่าพลาดของดีไปได้ไง
ชอบใจภาพเขียนสีน้ำมาก ผมยังหาอุปกรณ์ไม่เจอ เคยไปเรียนสีน้ำมาพักหนึ่ง ห่างหายไปนาน ไม่ได้แตะเลย
เห็นภาพของแม่ใหญ่แล้วคันมือครับ อิอิ
ขออนุญาตทำให้ครบเป็นทางการคือขอกล่าวคำว่า “ยินดีต้อนรับสู่ลานปัญญาครับ”