อยากปราบหัวหน้า

7 ความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 29 สิงหาคม 2010 เวลา 23:12 ในหมวดหมู่ จอมป่วน #
อ่าน: 1946

เสร็จจากภารกิจแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคณะพยาบาลฯ มช. ครูบาต้องกลับวันรุ่งขึ้น เลยอยู่ทานมื้อกลางวันร่วมกับครูบา (ท่านคณบดีฯ เป็นเจ้าภาพ)

ช่วงเช้าเลยไปชมหอศิลปวัฒนธรรมเมืองเชียงใหม่ แล้วไปกราบหลวงพ่อสมใจนึก ๙ หน้าที่วัดอุโมงค์มหาเถรจันทร์(วัดโพธิ์น้อย) พระครูวิโรจน์สีลาภรณ์ เจ้าอาวาสแนะนำและพาชมวัดเองเลย (น้าอึ่งกับอุ๊ยก็ต้องตามดูแลเป็นธรรมดา มีอาจารย์เป้ามาร่วมต้อนรับพาทัวร์ด้วย)

หลวงพ่อสาธิตให้เราดูหลวงพ่อสมใจนึก ๙ หน้าด้วยการใช้แสงไฟและแสงธรรมชาติช่วย จะเห็นพระพักตร์แตกต่างกัน ๙ แบบ มีทั้งยิ้ม ลืมและหลับพระเนตร มีอารมณ์ที่เคร่งขรึม ดุ หลวงพ่อบอกว่าเหมือนหน้าผู้บริหาร (แต่หันไปมองอาจารย์เป้า อิอิ ) ที่สำคัญคือหลวงพ่อสรุปว่า
…บอกตัวเองได้ ใช้ตัวเองเป็น เห็นตัวเองถูก จะเกิดปัญญา

อาจารย์เป้าติดใจที่หลวงพ่อพูดว่า อาจารย์ไม่เต็มบาท จำความหมายไม่ค่อยได้ ต้องให้อุ๊ยจั๋นตาช่วยอธิบายหน่อย

จอมป่วนติดใจ คำพูดของหลวงพ่อที่ว่า อยากปราบหัวหน้า
……….

หลวงพ่อเล่าให้ฟังว่า มีผู้บริหารของหน่วยงานหน่วยงานหนึ่ง (แต่ไม่ใช่เทศบาลนครพิษณุโลกแน่ๆ) มานิมนต์หลวงพ่อไปช่วยเทศนา สั่งสอนพนักงาน บอกว่าอยากให้หลวงพ่อช่วยไปปราบลูกน้องให้หน่อย หลวงพ่อก็บอกว่าไม่ว่าง มาหลายครั้งก็ยังไม่ว่าง สุดท้ายหลวงพ่อเลยบอกว่า หลวงพ่ออยากปราบหัวหน้ามากกว่า

ผู้บริหารก็เลยมาเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ แล้วก็พาพนักงานมาเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อด้วย เลยได้ดีกันไปทั้งหน่วยงาน

เคยได้ยินอาจารย์วรภัทร์ ภู่เจริญเล่าให้ฟังว่า ไม่ค่อยอยากสอนเด็กๆ หรือนักศึกษา เคยไปสอนสามเณรก็ไปตกม้าตาย อยากสอนครู สอนอาจารย์มากกว่า เพราะได้ประโยชน์มากกว่า เมื่อก่อนก็ไม่เข้าใจความหมาย แต่วันนี้…โดนๆๆๆๆๆๆ เลย ได้เก็บเอาคำว่า อยากปราบหัวหน้าไว้ในเรื่องที่อยากพูดแล้ว

ว่าแต่ว่าเราเองก็เป็นหัวหน้านี่นา คงต้องไปหาพระอาจารย์มาปราบตัวเองเสียแล้ว มิน่า อาจารย์ ดร. นิกร วัฒนพนมถึงได้มาตามตัวถึงพิษณุโลกให้ไปเข้ารับการอบรมที่อาจารย์จัด อิอิ

Post to Facebook Facebook


อยากเรียนกับอาจารย์คนนี้ ?

6 ความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 29 สิงหาคม 2010 เวลา 0:07 ในหมวดหมู่ จอมป่วน #
อ่าน: 1927

ทีมเฮฮาศาสตร์ไปร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับคณาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

มาครั้งนี้มีความสุขมากๆ  เพราะการติดต่อประสานงานดีมาก  การเตรียมตัวของทั้งสองฝ่ายก็สมบูรณ์แบบ  ทีมเฮฯได้ข้อมูลชัดเจนว่าต้องการอะไร  คาดหวังอะไร  ทางคณาจารย์ก็ได้รับการบ้านล่วงหน้า  แถมบอกด้วยว่า  ให้ทำแบบอิอิ  หรือถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำก็ได้  หลายๆท่านศึกษาทีมเฮฯ มาก่อนล่วงหน้า  โดยเฉพาะอย่างยิ่งครูบา

ทีมเฮที่ไปร่วมด้วยช่วยกันก็มี ครูบา  จอมป่วน  น้าอึ่งอ๊อบ นู๋อ้อ ครูอึ่งกับอาราม  อุ๊ยจั๋นตาเป็นลูกครึ่งเลยไม่ทราบจะนับเป็นฝ่ายไหน ?

สถานที่จัดพบปะ  แลกเปลี่ยนเรียนรู้กันก็เป็นที่ รวี-วารี รีสอร์ทแอนด์สปา  อ.แม่แตง เชียงใหม่  สถานที่สวยงาม  สระว่ายน้ำสวยมาก ฯ อ่านต่อ »

Post to Facebook Facebook


สุขภาพ

1 ความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 21 สิงหาคม 2010 เวลา 0:51 ในหมวดหมู่ จอมป่วน #
อ่าน: 1558

สุขภาพ
…………ในการเป็นวิทยากรให้กับบุคลากรคณะแพทยศาสตร์ในวันนี้ คุย กันแล้วว่าจะมาเจิมใจใส่ชูรสให้บรรยากาศในการทำงานให้เกิดกำลังใจ ถึงงานหนักก็เป็นสุขได้ ถ้าประเด็นอย่างนี้จะมีอะไรดีเท่าเอาเรื่องจริงผ่านจอมาขยาย>>……..
จากบันทึก เรื่องที่โม้ไว้ที่คณะแพทยศาสตร์? จากลานสวนป่า ของครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์

สุขภาพคือสุขภาวะที่สมบูรณ์ ทั้งทางกาย ทางจิต ทางสังคม และทางปัญญา สุขภาวะทั้ง 4 ด้าน เชื่อมโยงกันเป็นบูรณาการ เชื่อมโยงถึงกัน และอยู่ในกันและกัน……….
จาก สุขภาวะทางปัญญา โดยนายแพทย์ประเวศ วะสี อ่านต่อ »

Post to Facebook Facebook


เซียน

4 ความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 19 สิงหาคม 2010 เวลา 19:43 ในหมวดหมู่ จอมป่วน #
อ่าน: 3017

“คนเฉือนวัว” มนุษย์ที่แท้ มรรรควิถีของจางจื้อ ส.ศิวรักษ์ แปลและเรียบเรียง

พ่อครัวของเจ้าเวนหุย
กำลังเฉือนงัวเป็นชิ้นๆ
ตัดตีนหน้าออกก่อน
แล้วดึงกระดูกออกจากกัน
ดึงขาออกมาข้างหนึ่ง
เอาหัวเข่าออกมา
งัวแยกออกเป็นชิ้น
มีดปังตอส่งเสียง
ดังเสียงกระซิบ
ดุจลมพัดเบาๆ
เป็นจังหวะ เหมาะกะเวลา
ดุจดังการร่ายรำอันศักดิ์สิทธิ์ อ่านต่อ »

Post to Facebook Facebook


โลกทั้งสาม

3 ความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 14 สิงหาคม 2010 เวลา 15:43 ในหมวดหมู่ จอมป่วน #
อ่าน: 1531

อันนี้ก็เก็บตกมาจากการอบรมของเทศบาลนครพิษณุโลกโดยอาจารย์วิศิษฐ์ วังวิญญูครับ

……………..
โลกภายนอก  โลกภายใน  โลกที่ทุกสรรพสิ่งเชื่อมโยงกัน

ในโหมดปกป้อง  …..
โลกภายนอก  มีการควบคุมสั่งการ  ไม่มีพื้นที่ของตัวเอง  เทปม้วนเก่า  ตื้นเขิน  ฉาบฉวย
โลกภายใน ความคิดความเชื่อเก่าๆ  ความรู้ที่ตายแล้ว  ตกอยู่ในร่องอารมณ์  ความกลัว
โลกที่ทุกสรรพสิ่งเชื่อมโยงถึงกัน  ความหวาดกลัว  ไม่ไว้ใจโลกและตนเอง

ในโหมดปกติ…… อ่านต่อ »

Post to Facebook Facebook


รู้จิงป่ะ ?

1 ความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 14 สิงหาคม 2010 เวลา 15:28 ในหมวดหมู่ จอมป่วน #
อ่าน: 1493

เก็บตกจากการอบรมของเทศบาลนครพิษณุโลกโดยอาจารย์วิศิษฐ์ วังวิญญู

…..ศัตรูของการเรียนรู้ หรืออุปสรรคขัดขวางการเรียนรู้ โดยเฉพาะเรื่องปัญญาปฏิบัติ  …..
คำตอบสำเร็จรูป  แก้ไขด้วยการก้าวสู่สายธารแห่งความไม่รู้
ความกลัว  แก้ไขด้วยความกล้า
อำนาจ  แก้ไขด้วย  ความเท่าเทียม
ความชรา (คิดว่ารู้หมดแล้ว)  แก้ไขด้วย ความอ่อนเยาว์………….

เอามาทบทวนดูก็คิดถึงหนังสือ Learn how to learn ของ อาจารย์วรภัทร์ ภู่เจริญ

สงสัยอยู่ว่า  พวกเรามีปัญหาเรื่องการเรียนรู้หรือไม่ ?

เราคิดว่าเราเรียนเป็น  ก็เรียนมาจนจบตั้งหลายอย่าง  คะแนนก็ดีด้วย

บางทีเราเป็นครู  เป็นอาจารย์  เป็นวิทยากร  คอยสอนคนอื่น  แต่แท้จริงเราเรียนเป็นหรือไม่?

เรารู้จริงๆ  หรือว่าเราคิดว่าเรารู้  บางคนใช้คำว่าแกล้งรู้  ทำเหมือนรู้

แล้วการเรียนรู้จริงๆมันเป็นยังไง?  เราจะรู้ได้ไงว่าเราเรียนรู้เป็น  ?

*%@^**!(%+!_$+!_^#*&(@)(+

Post to Facebook Facebook


Default

3 ความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 8 สิงหาคม 2010 เวลา 14:49 ในหมวดหมู่ จอมป่วน #
อ่าน: 1408

Default
(Presets  ใช้ทั้ง Device,  Software application  และ  Computer program)

อีกคำหนึ่งที่จดจำได้ดีจากวงสนทนาที่ อ.วิศิษฐ์ใช้เปรียบเทียบก็คือคำว่า Default  ทำให้นึกถึงคำต่างๆที่จำได้  เช่น ….กรอบ  กำแพง  ไข่แดง  แปลงร่าง  โหมดปกป้อง  เทปม้วนเก่า  แผ่นเสียงตกร่อง  Ladder of Inference……

อาจารย์เปรียบเทียบให้ฟังว่าชีวิตของคนส่วนใหญ่พัฒนามาโดยไม่รู้ตัวจนเกิดเป็น Default  เวลาเกิดอะไรขึ้นมาก็จะเป็นไปโดยอัตโนมัติตามที่ชีวิตเราถูกอะไรไม่ทราบตั้งเอาไว้  เหมือนเราถูก set default  เอาไว้  โดยไม่รู้สึกตัว  แถมยังไม่ทราบว่าสามรถเปลี่ยนค่าที่ตั้งไว้ได้  ไม่ทราบวิธีที่จะไปเปลี่ยนค่า default

การศึกษาเรื่องจิตวิวัฒน์  การทำงานกับภายในของตัวเอง  หรือการพัฒนาตัวเองด้านจิตวิญญาณ  ก็เหมือนกับเราเริ่มศึกษาและเปลี่ยนแปลงตัวเราเอง  เหมือนกับทำให้รู้ว่า ค่า default ดังกล่าวสามารถเปลี่ยนแปลงได้  มีวิธี set ค่า default ใหม่

ที่ไม่เหมือนคอมพิวเตอร์ก็คือ  ในการ set ค่า default ของคอมพิวเตอร์ใหม่ เราทำไม่เป็น  ก็เอาไปให้คนอื่นทำให้ได้  แต่เรื่องของตัวเรา  เราต้องเป็นคนทำเอง  ให้คนอื่นทำแทนไม่ได้  คนอื่นอาจแนะนำวิธีให้ได้  แต่ถึงเป็นแฟนก็ทำแทนไม่ได้  อิอิ

วิชา set ค่า default ใหม่   วิชาออกจากไข่แดง  วิชาทะลายกำแพง  วิชาออกจากกรอบ  วิชาแปลงร่าง …….ฯ  น่าเรียนรู้นะครับ

Post to Facebook Facebook


ต้องการแค่คนรับฟัง

4 ความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 7 สิงหาคม 2010 เวลา 20:59 ในหมวดหมู่ จอมป่วน #
อ่าน: 1523

ในการอบรมเชิงปฏิบัติการของเทศบาลนครพิษณุโลกที่ อ. วิศิษฐ์ วังวิญญูมาช่วยเป็นวิทยากรให้เมื่อเร็วๆนี้  ถ้ามีเวลาว่างก็จะเข้าร่วมกิจกรรม

นั่งฟังวงสนทนาก็จะได้คำพูดดีๆ  สะกิดใจ  แบบว่าโดนๆก็จะจำเอามาเป็น Keyword  จำได้ไม่มากหรอกครับ  ต้องโดนจริงๆถึงจะจำได้

“ต้องการแค่คนรับฟัง”  ก็เป็นคำพูดที่ได้ยินในวงสนทนา  จำไม่ได้แล้วว่าใครพูด  น่าจะเป็นเมี่ยงพูด  แต่ไม่แน่ใจ  ก็ไม่สำคัญหรอกว่าใครพูด

คนพูดเล่าให้ฟังถึงความทุกข์ใจ  ความคับแค้นใจที่ได้รับมานานแล้ว  แต่จำได้ดีว่าตอนนั้นต้องการแค่คนรับฟัง  ไม่ต้องเก่ง  ไม่ต้องมาแนะนำอะไรๆดีหรอก  แค่รับฟังก็พอแล้ว

มีคนเสริมต่อยอดว่า  จริงๆแล้วเวลามีความทุกข์  เศร้า  ต้องการแค่คนรับฟังมากกว่าการปลอบโยน  การให้คำแนะนำดีๆ  แต่มักจะได้คำแนะนำที่(คนแนะนำคิดเอาเองว่า)ดีที่ไม่ต้องการในขณะนั้น  (เรื่องนี้นักจิตวิทยาจะเก่ง  เพราะฝึกเรื่องการฟังมาเป็นอย่างดี  บางคนก็นำไปใช้ได้ดีในการทำงาน  แต่เรื่องของตัวเอง  ชีวิต  ครอบครัวก็ตกม้าตายก็มี )

คนที่มีความทุกข์  ต้องการคนรับฟัง  จะประทับใจคนที่รับฟังเรื่องราวของเขาด้วยความรัก  ความเข้าใจ  เห็นอกเห็นใจ  และพร้อมที่จะรับฟังคำแนะนำ  การชี้แนะจากคนที่เขาประทับใจ  แล้วมีแนวโน้มจะเอาคำแนะนำไปใช้ในการตัดสินใจ

แต่ถ้าไม่พยายามรับฟัง  ไม่พยายามเข้าใจ  ไม่พยายามที่จะรัก  คิดแต่จะให้คำแนะนำที่(ตัวเองคิดเอาเองว่า)ดี  คนที่มีปัญหา  มีความทุกข์  คงไม่อยากฟังคำแนะนำเหล่านั้นมั๊ง?

นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ต้องฝึกสุนทรียสนทนา  เพราะเป็นการฝึกฝนการฟังเป็นอย่างดี  การที่จะเข้าใจเรื่องเหล่านี้และปฏิบัติได้ดีต้องผ่านการฝึกฝนอย่างตั้งใจเป็นเวลายาวนาน

“ต้องการแค่คนรับฟัง”….  โดนมากๆเพราะเดิมก็เป็นคนที่ยังไม่ทันฟังอะไรให้รู้เรื่องเลย  แต่มีคำแนะนำที่(ตัวเองคิดเอาเองว่า)ดีให้คนอื่นเสมอมา  ถ้าขาดสติก็ยังคงจะเป็นเหมือนเดิม  ต้องฝึกฝน  ปฏิบัติให้มากขึ้นๆๆแล้ว

Post to Facebook Facebook


ขั้นตอนที่จะพัฒนาตนเอง

2 ความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 7 สิงหาคม 2010 เวลา 20:24 ในหมวดหมู่ จอมป่วน #
อ่าน: 1485

คนเราถ้าโชคดี คงมีสักวันหนึ่งที่รู้สึกตัวและเริ่มอยากที่จะพัฒนาตัวเอง บางคนโชคดี ทางบ้าน ครอบครัว สถานศึกษา ที่ทำงาน เพื่อนฝูง สังคมก็ช่วยเกื้อกูล เรียกว่ามีคนจัดให้ เรียกว่ามีโอกาสมากกว่าคนอื่น ถ้าเข้าใจ เรียนรู้เป็นก็เป็นโชควาสนา

แต่บางคน โอกาสไม่ให้ ทั้งครอบครัว ที่ทำงาน เพื่อนฝูงเกือบไม่ช่วยอะไร แถมยังคอยชักจูง บีบบังคับไปทางอกุศลด้วยซ้ำไป

แต่ก็ไม่แน่นะครับ บางคนโอกาสดี แต่ไม่เรียนรู้อะไรเลย กลับเป็นคนไม่ดี แต่บางคนแทบไม่มีโอกาสที่ดีเลย แต่ก็เป็นคนดีได้ คงไม่ใช่เรื่องของบุญกรรม หรือโชควาสนาหรอกนะครับ

ไม่รู้ว่าเริ่มสนใจเรื่องการพัฒนาบุคคลกรตั้งแต่เมื่อไหร่ โดยเฉพาะการพัฒนาด้านจิตใจ โดนอบรมมาตั้งนานแล้ว เข้าอบรมมาก็มาก แต่ก็งั้นๆ เหมือนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา หรือฟังๆแล้วก็งั้นๆ รู้สึกว่าดี แต่ก็ไม่ทำอะไร

ต้องออกตัวก่อนนะครับว่าไม่ใช่คนดีอะไรมากมายหรอกครับ เอาเป็นว่าแค่สนใจศึกษาเรื่องพวกนี้ แต่ก็เริ่มชักชวนคนให้หันมาสนใจเรื่องพวกนี้ ชวนแล้วเชื่อ เริ่มศึกษาปฏิบัติก็ดีไป ฟังแล้วเฉยๆก็ไม่ว่ากัน

จากประสบการณ์ของตัวเอง แบบว่าโดนอบรมมามาก สนใจการอบรมที่ไม่ใช่ให้แค่ความรู้อย่างเดียว แต่ต้องนำไปสู่ปฏิบัติให้เกิดผล ก็เริ่มจับประเด็นว่าการพัฒนาตนเองนั้นควรจะมีขั้นตอนอย่างไร

แรกเริ่มเลยต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมต้องทำ? ไม่ทำมีผลเสียอย่างไร? ทำแล้วมีผลดีอย่างไร ? ต้องทำความเข้าใจให้เกิดความอยากทำก่อน เหมือนสอนหนังสือต้องให้ลูกศิษย์เข้าใจว่าวิชาที่จะเรียนนั้นเรียนไปทำไม มีประโยชน์ต่อชีวิต ต่อครอบครัว ต่อสังคม ต่อการทำงานอย่างไร? ทำให้อยากเรียน สนใจที่จะเรียน

ถ้าข้ามขั้นตอนนี้ก็จะเป็นยัดเยียดความรู้โดยที่ไม่เข้าใจ ไม่ทราบว่าจะนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิต กับการงานอย่างไร เกิดภาวะ รู้ แต่ไม่ทำ

ถ้าเข้าใจแล้ว อยากเรียนรู้ อยากปฏิบัติแล้วก็จะเป็นขั้นตอนต่อไปที่จะทำความเข้าใจว่าทำอย่างไร? อันนี้ก็ยากเพราะพวกเราอยู่ในสังคม ในระบบที่มีปัญหาเรื่องการเรียนรู้ คอยแต่จะหาคำตอบสำเร็จรูป คู่มือการปฏิบัติ โดยไม่พยายามศึกษาแก่นหรือพื้นฐาน แต่จะหลับหูหลับตาทำตามคู่มือหรือตามที่ครู อาจารย์จะสอน โดยเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ทำไปโดยที่ไม่เข้าใจว่าทำไปทำไม? ทำไมต้องทำแบบนี้ ทำแบบอื่นได้ไหม ? บางครั้งก็เข้าใจเอาเองทั้งครูทั้งลูกศิษย์ว่าต้องทำแบบนี้เท่านั้น ทำอย่างอื่นผิด ๆ ๆ ๆ ๆ

ในการเรียนรู้และปฏิบัติ ต้องให้เข้าใจแก่น หลักการ ว่าทำไปทำไม? ทำอยางไร? ทำไปแล้วได้ผลหรือไม่ได้ผล วิธีที่ทำ ใช่หรือไม่ใช่ ต้องรู้ด้วยตัวเองด้วย คือต้องเรียนให้รู้จริงๆ (คือประเมินผลด้วยตัวเองได้) แต่กว่าจะถึงขั้นนี้ก็คงต้องมีครู อาจารย์ กัลยาณมิตรแนะแนวทาง ให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดไปสักระยะหนึ่งก่อน (ซึ่งก็นานเหมือนกัน)

สำหรับคนที่รับผิดชอบการพัฒนาบุคคลกรก็ต้องเข้าใจเรื่องนี้ การพัฒนาบุคลากร ไม่ใช่แค่หาวิทยากรมาบรรยาย มาฝึกอบรมให้ เหมือนเป็นการชุบตัว แต่ต้องมีการปฏิบัติต่อเนี่อง ซึ่งต้องมีทีมงานภายในองค์กรที่เข้าใจคอยให้คำแนะนำและคอยจัดกิจกรรมที่เป็นการฝึกฝนการปฏิบัติที่สม่ำเสมอและต่อเนื่องให้ ไม่งั้นก็จะเป็นแค่ ทำให้อยาก แล้วจากไป คือหลังอบรมใหม่ๆก็จะมีความรู้สึกดีๆ อยากทำ อยากปฏิบัติ แต่ไม่นานก็ลืมสนิท กลับไปเหมือนเดิม

สำหรับแต่ละคนก็ต้องเข้าใจตรงนี้ ว่าการอบรมไม่ใช่การชุบตัว อบรมเสร็จก็จะเป็นคนใหม่ขึ้นมา ถ้าไม่มีการนำไปปฏิบัติก็จะเป็นแค่รู้ แต่ไม่ทำ ไม่เกิดประโยชน์

ดังนั้นการอบรมแต่ละครั้งต้องทราบว่าอบรมไปทำไม? ต้องหาแก่นหรือหลักการให้ได้ และต้องเรียนรู้เป็น ว่าจะต้องศึกษาอะไรต่อ ต้องฝึกฝนปฏิบัติอะไรต่อเนื่องอีก

เมื่อเร็วๆนี้ ทางเทศบาลนครพิษณุโลกก็ได้จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการขึ้น ก็เป็นก้าวที่สอง ที่สาม และยังต้องมีก้าวต่อๆไปอีก ไม่มีวันจบสิ้น

ที่ว่าเป็นก้าวที่สองที่สามเพราะเริ่มก้าวแรกมานานแล้ว ตั้งแต่ทำความเข้าใจกับท่านนายกเทศมนตรี แล้วก็จัดตั้งทีมงานขึ้นมาเริ่มศึกษาเรื่องเหล่านี้ เริ่มปฏิบัติจนได้โจรกลับใจมาหลายคน แถมออกอาละวาดไปช่วยอบรมให้ที่อื่น เป็นการชักชวนให้มาสนใจศึกษาและปฏิบัติแนวนี้ด้วยกัน เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสร้างเครือข่ายเอาไว้

ในการอบรมครั้งนี้ก็มีภารกิจสำคัญเลยไม่ได้อยู่ตลอด แต่ก็คอยสอบถามดู ได้ยินมาว่า ได้ตกลงกันจะทำกิจกรรมที่ต่อเนื่องเป็นการปฏิบัติและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แถมได้เชิญเครือข่ายจากหน่วยงานต่างๆมาร่วมพูดคุย ก็มีความคืบหน้าที่จะทำกิจกรรมของเครือข่ายในจังหวัดพิษณุโลกต่อไป

คราวนี้คงไม่ใช่ ทำให้อยาก แล้วจากไป อิอิ

Post to Facebook Facebook


กิจกรรมครอบครัว

10 ความคิดเห็น โดย จอมป่วน เมื่อ 5 สิงหาคม 2010 เวลา 14:26 ในหมวดหมู่ จอมป่วน #
อ่าน: 1946

พอเด็กๆโตขึ้น  เริ่มเรียนจบ  ก็เริ่มแยกย้ายกันไปทำงานต่างจังหวัด  ความจริงตอนเรียนหนังสือก็เริ่มออกจากบ้านกันแล้ว  ก็เตรียมตัวเตรียมใจจะอยู่กันสองตายายกับแม่นุอยู่แล้ว

ปกติชอบวิ่ง  วิ่งคนเดียวด้วย  เพราะไม่ต้องรอใคร  เวลาว่างลงตัวก็จะออกไปวิ่ง  เมื่อก่อนจะหงุดหงิดเมื่อต้องรอเพื่อไปทำกิจกรรมครอบครัวร่วมกัน  เช่นจะไปว่ายน้ำด้วยกัน  รอกันไป  รอกันมา  บางครั้งรอจนไม่ได้ไปก็มี…..แบบนี้จะรู้สึกจี๊ดๆๆๆๆๆๆ

ระยะหลังนี้เริ่มปรับตัว  แต่แม่นุกับน้องอ้ายก็ปรับตัวด้วย  เย็นๆจะออกบ้านไปว่ายน้ำด้วยกันเวลาประมาณห้าโมงครึ่งโดยประมาณ  ถ้าใครติดอะไรก็จะบอกกันก่อน  ถ้าสองสาวไม่ว่าง  ไม่ไป  ก็จะออกไปวิ่งหรือขี่จักรยานคนเดียว อ่านต่อ »

Post to Facebook Facebook



Main: 0.16597008705139 sec
Sidebar: 0.016891956329346 sec