ขั้นตอนที่จะพัฒนาตนเอง
อ่าน: 1452คนเราถ้าโชคดี คงมีสักวันหนึ่งที่รู้สึกตัวและเริ่มอยากที่จะพัฒนาตัวเอง บางคนโชคดี ทางบ้าน ครอบครัว สถานศึกษา ที่ทำงาน เพื่อนฝูง สังคมก็ช่วยเกื้อกูล เรียกว่ามีคนจัดให้ เรียกว่ามีโอกาสมากกว่าคนอื่น ถ้าเข้าใจ เรียนรู้เป็นก็เป็นโชควาสนา
แต่บางคน โอกาสไม่ให้ ทั้งครอบครัว ที่ทำงาน เพื่อนฝูงเกือบไม่ช่วยอะไร แถมยังคอยชักจูง บีบบังคับไปทางอกุศลด้วยซ้ำไป
แต่ก็ไม่แน่นะครับ บางคนโอกาสดี แต่ไม่เรียนรู้อะไรเลย กลับเป็นคนไม่ดี แต่บางคนแทบไม่มีโอกาสที่ดีเลย แต่ก็เป็นคนดีได้ คงไม่ใช่เรื่องของบุญกรรม หรือโชควาสนาหรอกนะครับ
ไม่รู้ว่าเริ่มสนใจเรื่องการพัฒนาบุคคลกรตั้งแต่เมื่อไหร่ โดยเฉพาะการพัฒนาด้านจิตใจ โดนอบรมมาตั้งนานแล้ว เข้าอบรมมาก็มาก แต่ก็งั้นๆ เหมือนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา หรือฟังๆแล้วก็งั้นๆ รู้สึกว่าดี แต่ก็ไม่ทำอะไร
ต้องออกตัวก่อนนะครับว่าไม่ใช่คนดีอะไรมากมายหรอกครับ เอาเป็นว่าแค่สนใจศึกษาเรื่องพวกนี้ แต่ก็เริ่มชักชวนคนให้หันมาสนใจเรื่องพวกนี้ ชวนแล้วเชื่อ เริ่มศึกษาปฏิบัติก็ดีไป ฟังแล้วเฉยๆก็ไม่ว่ากัน
จากประสบการณ์ของตัวเอง แบบว่าโดนอบรมมามาก สนใจการอบรมที่ไม่ใช่ให้แค่ความรู้อย่างเดียว แต่ต้องนำไปสู่ปฏิบัติให้เกิดผล ก็เริ่มจับประเด็นว่าการพัฒนาตนเองนั้นควรจะมีขั้นตอนอย่างไร
แรกเริ่มเลยต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่าทำไมต้องทำ? ไม่ทำมีผลเสียอย่างไร? ทำแล้วมีผลดีอย่างไร ? ต้องทำความเข้าใจให้เกิดความอยากทำก่อน เหมือนสอนหนังสือต้องให้ลูกศิษย์เข้าใจว่าวิชาที่จะเรียนนั้นเรียนไปทำไม มีประโยชน์ต่อชีวิต ต่อครอบครัว ต่อสังคม ต่อการทำงานอย่างไร? ทำให้อยากเรียน สนใจที่จะเรียน
ถ้าข้ามขั้นตอนนี้ก็จะเป็นยัดเยียดความรู้โดยที่ไม่เข้าใจ ไม่ทราบว่าจะนำไปประยุกต์ใช้กับชีวิต กับการงานอย่างไร เกิดภาวะ รู้ แต่ไม่ทำ
ถ้าเข้าใจแล้ว อยากเรียนรู้ อยากปฏิบัติแล้วก็จะเป็นขั้นตอนต่อไปที่จะทำความเข้าใจว่าทำอย่างไร? อันนี้ก็ยากเพราะพวกเราอยู่ในสังคม ในระบบที่มีปัญหาเรื่องการเรียนรู้ คอยแต่จะหาคำตอบสำเร็จรูป คู่มือการปฏิบัติ โดยไม่พยายามศึกษาแก่นหรือพื้นฐาน แต่จะหลับหูหลับตาทำตามคู่มือหรือตามที่ครู อาจารย์จะสอน โดยเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง ทำไปโดยที่ไม่เข้าใจว่าทำไปทำไม? ทำไมต้องทำแบบนี้ ทำแบบอื่นได้ไหม ? บางครั้งก็เข้าใจเอาเองทั้งครูทั้งลูกศิษย์ว่าต้องทำแบบนี้เท่านั้น ทำอย่างอื่นผิด ๆ ๆ ๆ ๆ
ในการเรียนรู้และปฏิบัติ ต้องให้เข้าใจแก่น หลักการ ว่าทำไปทำไม? ทำอยางไร? ทำไปแล้วได้ผลหรือไม่ได้ผล วิธีที่ทำ ใช่หรือไม่ใช่ ต้องรู้ด้วยตัวเองด้วย คือต้องเรียนให้รู้จริงๆ (คือประเมินผลด้วยตัวเองได้) แต่กว่าจะถึงขั้นนี้ก็คงต้องมีครู อาจารย์ กัลยาณมิตรแนะแนวทาง ให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดไปสักระยะหนึ่งก่อน (ซึ่งก็นานเหมือนกัน)
สำหรับคนที่รับผิดชอบการพัฒนาบุคคลกรก็ต้องเข้าใจเรื่องนี้ การพัฒนาบุคลากร ไม่ใช่แค่หาวิทยากรมาบรรยาย มาฝึกอบรมให้ เหมือนเป็นการชุบตัว แต่ต้องมีการปฏิบัติต่อเนี่อง ซึ่งต้องมีทีมงานภายในองค์กรที่เข้าใจคอยให้คำแนะนำและคอยจัดกิจกรรมที่เป็นการฝึกฝนการปฏิบัติที่สม่ำเสมอและต่อเนื่องให้ ไม่งั้นก็จะเป็นแค่ ทำให้อยาก แล้วจากไป คือหลังอบรมใหม่ๆก็จะมีความรู้สึกดีๆ อยากทำ อยากปฏิบัติ แต่ไม่นานก็ลืมสนิท กลับไปเหมือนเดิม
สำหรับแต่ละคนก็ต้องเข้าใจตรงนี้ ว่าการอบรมไม่ใช่การชุบตัว อบรมเสร็จก็จะเป็นคนใหม่ขึ้นมา ถ้าไม่มีการนำไปปฏิบัติก็จะเป็นแค่รู้ แต่ไม่ทำ ไม่เกิดประโยชน์
ดังนั้นการอบรมแต่ละครั้งต้องทราบว่าอบรมไปทำไม? ต้องหาแก่นหรือหลักการให้ได้ และต้องเรียนรู้เป็น ว่าจะต้องศึกษาอะไรต่อ ต้องฝึกฝนปฏิบัติอะไรต่อเนื่องอีก
เมื่อเร็วๆนี้ ทางเทศบาลนครพิษณุโลกก็ได้จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการขึ้น ก็เป็นก้าวที่สอง ที่สาม และยังต้องมีก้าวต่อๆไปอีก ไม่มีวันจบสิ้น
ที่ว่าเป็นก้าวที่สองที่สามเพราะเริ่มก้าวแรกมานานแล้ว ตั้งแต่ทำความเข้าใจกับท่านนายกเทศมนตรี แล้วก็จัดตั้งทีมงานขึ้นมาเริ่มศึกษาเรื่องเหล่านี้ เริ่มปฏิบัติจนได้โจรกลับใจมาหลายคน แถมออกอาละวาดไปช่วยอบรมให้ที่อื่น เป็นการชักชวนให้มาสนใจศึกษาและปฏิบัติแนวนี้ด้วยกัน เป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และสร้างเครือข่ายเอาไว้
ในการอบรมครั้งนี้ก็มีภารกิจสำคัญเลยไม่ได้อยู่ตลอด แต่ก็คอยสอบถามดู ได้ยินมาว่า ได้ตกลงกันจะทำกิจกรรมที่ต่อเนื่องเป็นการปฏิบัติและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แถมได้เชิญเครือข่ายจากหน่วยงานต่างๆมาร่วมพูดคุย ก็มีความคืบหน้าที่จะทำกิจกรรมของเครือข่ายในจังหวัดพิษณุโลกต่อไป
คราวนี้คงไม่ใช่ ทำให้อยาก แล้วจากไป อิอิ
2 ความคิดเห็น
ตอนนี้ก็ฝึกตัวเองเหมือนกันค่ะ ฝึกแล้วฝึกอีก ..ดับกิเลสไม่ค่อยได้
http://lanpanya.com/jchrn/archives/579
รออาจารย์แถวๆนี้เขียนบันทึกให้ได้อ่านเอาไปพัฒนาตัวเองด้วยค่ะ
ชอบมากค่ะ