Ryanair - the airline we love to hate

4 ความคิดเห็น โดย cinshy เมื่อ October 26, 2009 เวลา 4:28 am ในหมวดหมู่ Uncategorized #

เมื่อวานดูรายการทีวีว่าด้วยเรื่องสายการบิน low cost ยักษ์ใหญ่แห่งยุโรป พอบอกว่า low cost ของถูกใคร ๆ ก็น่าจะชอบ แต่รายการกลับใช้ชื่อตอนว่า Why Hate Ryanair?

อย่างที่บอกว่า Ryanair เป็นสายการบินราคาถูก ถูกขนาดไหน ก็ถูกขนาดบาทเดียวบินได้ บางครั้งค่าโดยสารฟรี จ่ายเพียงแค่ค่าภาษีสนามบิน บางครั้งค่าสนามบินฟรี จ่ายค่าโดยสารแค่เพนนีเดียว ราคาถูกอย่างเดียวอาจจะยังไม่หนำใจ แต่ Ryanair ยังมีเที่ยวบินครอบคลุมทั่วทั้งยุโรป เรียกได้ว่าอยากไปไหน Ryanair ไปถึงหมด ทุกวันนี้ Ryanair มีเส้นทางการบินกว่า 800 เส้นทางครอบคลุมเกือบ  150 สนามบินปลายทาง มีผู้โดยสารหลายสิบล้านคนต่อปี และมีส่วนแบ่งในตลาดยุโรปอยู่ที่ 30% เอ๊ะ เหมือนจะดี แต่ทำไมถึงมีคนพูดว่า It’s the airline we love to hate.

อ่านต่อ »


ปล่อยของ

2 ความคิดเห็น โดย cinshy เมื่อ October 11, 2009 เวลา 9:57 pm ในหมวดหมู่ Uncategorized #

ว่างเว้นจากการเขียนบล็อคไปซะนาน มีเรื่องอยากเขียนมิใช่ไม่มี แต่ไฟดันมอดก่อนจะเขียนจบ เขียน ๆ ลบ ๆ ไปซะงั้น บางเรื่องก็ยังวนเวียนแว๊บเข้ามาให้คิดบ้างเป็นพัก ๆ วันนี้เกิดอยากปล่อยของออกไปซักเล็กน้อย แต่ละเรื่องยังไม่ตกตะกอนแต่ก็ขอบันทึกไว้สักนิด

เรื่องแรกคือเมื่อหลายเดือนก่อนได้ดูละครไทยเรื่องนางสาวจริงใจกับนายแสนดี เป็นละครตลกเบาสมองและที่สำคัญพระเอกหน้าตาดี๊ดี อิอิ แต่ก็มีจุดที่ชวนให้คิดอยู่หน่อยว่า โอกาสกับความสามารถ อันไหนสำคัญกว่ากัน คนหลายคนพยายามพิสูจน์ความสามารถของตัวเองแต่ไม่เคยได้รับโอกาส และมีคนอีกหลายคนที่ได้รับโอกาสงามใส่พานมาวางให้ตรงหน้าแต่ก็ไม่ได้ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เรื่องต่อมาเกี่ยวกับเงิน ๆ ทอง ๆ ถ้าโลกนี้ไม่มีคำว่าเงิน โลกจะเปลี่ยนโฉมหน้าไปอย่างไร เรื่องนี้แว็บเข้ามาให้คิดหลังจากได้ดูหนังเชิงสารคดีเรื่อง Zeitgeist (สองตอน) เล่าเรื่องราวความเป็นมาและระบบการเงินที่เป็นอยู่ รวมทั้งเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ปิดท้ายด้วยภาพจำลองเรื่องราวและการดำเนินชีวิตเมื่อโลกนี้ไม่มีคำว่าเงิน Zeitgeist ไม่ใช่แค่หนังสารคดีแต่ยังรวมถึงกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่กำลังเคลื่อนไหวและถ่ายทอดแนวคิดนี้ ใครสนใจก็ลองเข้าไปอ่านรายละเอียดได้ที่ The Zeitgeist Movement

เมื่อไม่นานนี้ได้ดูหนังเรื่องสะบายดี หลวงพระบาง หนังเรื่องนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน เป็นหนังกึ่งสารคดีนำเที่ยวในลาว เนื้อเรื่องเรียบง่าย แต่บนความเรียบง่ายนี่แหละที่ทำให้เรานั่งอมยิ้มอยู่คนเดียวได้เป็นนานสองนาน เมื่อเราหยุดวิ่งตามโลกที่หมุนเร็วขึ้นทุกวัน หันกลับมามองสิ่งเรียบง่ายใกล้ ๆ ตัว ความสุขก็อยู่แค่เอื้อมแค่นี้เอง

เรื่องต่อมาไม่เกี่ยวกับหนังละครแต่เกี่ยวกับศิลปะ เมื่อไม่นานมานี้ได้ลงมือเรียนวิชาศิลปะเกี่ยวกับการระบายสีน้ำ นี่ถ้าเพื่อนสมัยเรียนม.ต้นรู้ว่าเรามาเรียนศิลปะคงขำก๊าก ความสามารถด้านศิลปะเราเข้าขั้นไอซียู ตอนอยู่ประถมอยู่ม.ต้นมีเพื่อนทำการบ้านวิชาศิลปะส่งให้ตลอด วันดีคืนดีดันนึกอยากจะมาเรียนศิลปะ ก่อนจะตัดสินใจไปสมัครเรียนก็ถูกเตือนมาว่าช่วงแรก ๆ ถ้างานออกมาไม่ดีอาจจะทำให้เราท้อและไม่อยากเรียนต่อ นี่เพิ่งเรียนไปได้สองครั้งก็แทบกระอัก เห็นรูประบายสีของตัวเองแล้วเหนื่อยใจ แต่ยังมีความฝันที่อยากทำ ภูเขาที่มีใบไม้สีเขียวส้มเหลืองน้ำตาลอมแดงตัดกับสีฟ้าครามสวยซะจนห้ามใจไม่อยู่ ภาพทะเลและท้องฟ้าตัดกับสียามพระอาทิตย์ตกดินก็ไม่สวยน้อยหน้า สิ้นปีนี้จะกลับเมืองไทย ตั้งใจไว้สุด ๆ ว่าอยากจะไปนั่งวาดรูปหาดสมิหรายามพระอาทิตย์ตกดิน ปีนี้อาจจะได้แค่รูปพระอาทิตย์ตกคลองมาเชยชมก่อน แต่ปีหน้าหรือปีถัดไปคงจะได้รูปในความฝันสมใจ

หลังจากไปวิ่งห้ากิโลเมตรแล้วก็ยังไม่ได้ออกวิ่ง อากาศหนาวบวกกับตัวขี้เกียจเป็นข้ออ้างที่เพียงพอ อิิอิ แต่ก็ไม่ได้ปล่อยให้ตัวเองอยู่เฉย ไปลงเรียนว่ายน้ำมาและเพิ่งเรียนไปได้ครั้งนึง เลยได้พบว่าโรคกลัวน้ำที่เป็นมาหลายสิบปีมันเป็นเรื่องของใจ ฝังจิตฝังใจมาแต่ไหนแต่ไรว่าว่ายน้ำไม่เป็น แต่พอเอาเข้าจริงก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้เอาซะเลย วันนี้ไปซ้อมดำผุดดำว่ายได้สองสามเมตรก็ถือว่าเป็นความสำเร็จขั้นหนึ่ง กว่าจะเรียนจบหลักสูตรว่ายน้ำพื้นฐานบวกกับซ้อมบ้างก็คงพอทำให้อีกหนึ่งความฝันเป็นจริง นั่นก็คือไปดำน้ำดูปะการังตอนกลับบ้านช่วงต้นปีหน้า เมื่อสองปีก่อนเคยไปทดลองดำน้ำทั้ง snorkel และ scuba แถวกระบี่ แต่ไปไม่รอด ว่ายน้ำไม่เป็น จะลงน้ำลงเรือแต่ละทีใจเต้นระทึก ปีใหม่นี้จัดทริปดำน้ำที่สตูลไว้เรียบร้อย แต่แค่ snorkel ก็พอ ถ้าว่ายน้ำได้บ้างเล็กน้อย ความฝันที่จะได้ดูกุ้งหอยปูปลาใต้ทะเลสนุกขึ้นหน่อยก็คงไม่ยากนัก

ปล่อยของไปได้ไม่กี่เรื่องก็รู้สึกเบาหัวขึ้นมาหน่อย ใจสบายเหมือนได้รับสารเอ็นโดฟินส์ วันไหนครึ้มอกครึ้มใจจะเอาของมาปล่อยอีกค่ะ  ^_^


เตรียมวิ่งมาราธอนฉบับย่อ..5 กิโลเมตร

4 ความคิดเห็น โดย cinshy เมื่อ July 15, 2009 เวลา 6:00 am ในหมวดหมู่ Uncategorized #

ต้นเดือนตุลาคมนี้จะมีการวิ่งมาราธอนกันที่ภาคเหนือของสก๊อตแลนด์ค่ะ จัดขึ้นที่ Loch Ness คำว่า loch อ่านว่า lock เป็นภาษาสก๊อตแปลว่าทะเลสาบ สก๊อตแลนด์มีทะเลสาบเยอะเลยทีเดียว สำหรับ Loch Ness เป็นทะเลสาบที่ยาวที่สุดของสก๊อตแลนด์

งานนี้คุณเหล็กโคนจะไปร่วมวิ่งมาราธอนด้วย และณิชก็ไปด้วยแน่นอนแต่ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจไปวิ่งอะไรกับใครนะคะ แรกเริ่มเดิมทีแค่ติดสอยห้อยตามไปเที่ยวเท่านั้น แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว โดนลูกยุจากคุณเหล็กโคนเข้าเลยกระโดดร่วมวงด้วยคน แต่ให้วิ่งแบบมาราธอนนี่คงไม่ไหวค่ะ เอาแค่พอหอมปากหอมคอก็พอ เลือกสมัครวิ่งแบบระยะทาง 5 กิโลเมตร แค่นี้ก็เรียกว่ามาราธอนสำหรับณิชแล้วล่ะค่ะ ปกติวิ่งอยู่แค่กิโลเมตรเดียวก็หอบแฮ่ก ๆ

จู่ ๆ จะให้ขึ้นเวทีแบบไม่ซ้อมก็คงไม่รอดแน่ คุณเหล็กโคนที่กำลังฝึกซ้อมสำหรับวิ่งมาราธอนจึงจัดตารางการซ้อมสำหรับวิ่ง 5 กิโลเมตรมาให้เรียบร้อย ระยะทางในตารางเป็นหน่วยไมล์ (1 กิโลเมตร = 0.62 ไมล์; 5 กิโลเมตร = 3.1 ไมล์)

(กดคลิกที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่)

ตารางซ้อมดูเป็นเรื่องเป็นราวมาก แต่เวลาทำจริงยืดหยุ่นได้ไม่มีปัญหา เริ่มจากฝึกวิ่งจากระยะทางสั้น ๆ ก่อนและเพิ่มระยะทางขึ้นเรื่อย ๆ แต่ละอาทิตย์ควรจะวิ่งให้ได้สัก 3 วันเป็นอย่างน้อย ควรจะวิ่งระยะทางสั้นสลับกับระยะทางยาว มีออกกำลังกายอย่างอื่นที่ไม่ใช่การวิ่งสักอาทิตย์ละครั้ง ถ้าใครสนใจตารางซ้อมวิ่งมาราธอนฉบับจริงลองดูได้ที่นี่ค่ะ คุณเหล็กโคนเลือกซ้อมตามตาราง Novice 2

เอาล่ะ มาเริ่มวิ่งกันดีกว่า ปกติจะวิ่งตอนเช้าก่อนไปแล็บ ตื่นก่อนเวลาปกติสักชั่วโมงนึง วิ่งจริงแค่สิบกว่านาทีเองแต่นั่งหอบอีกครึ่งชั่วโมง เป็นคนวิ่งค่อนข้างช้าถึงช้ามาก ตั้งเป้าไว้สำหรับวิ่งในวันจริงที่ 5 กิโลเมตร - 45 นาที ตอนนี้เริ่มวิ่งไปได้ 4 ครั้งแล้วค่ะ ไล่มาตั้งแต่

  • 0.9 ไมล์ (1.45 กิโลเมตร), 12 นาที
  • 1.1 ไมล์ (1.77 กิโลเมตร), 15 นาที
  • 0.85 ไมล์ (1.37 กิโลเมตร), 11 นาที
  • 1.26 ไมล์ (2.03 กิโลเมตร), 19 นาที

ในตารางการซ้อมมีให้เดินออกกำลังอาทิตย์ละครั้ง แต่ณิชไม่ได้ทำส่วนนี้ ปกติเดินไปกลับระหว่างบ้านและแล็บวันละชั่วโมงอยู่แล้ว ถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัว

เส้นทางที่วิ่งก็เลือกเอาที่ใกล้ ๆ บ้าน โชคดีที่บ้านอยู่ออกมานอกเมืองหน่อย บรรยากาศเหมาะกับการวิ่งชมนกชมไม้ซะเหลือเกิน มีเว็บไซต์ www.walkjogrun.net ที่ช่วยให้จัดการเส้นทางการวิ่งได้ง่ายขึ้น เราสามารถดูแผนที่และเลือกเส้นทางที่จะวิ่ง ระยะทางที่ต้องการ จะวิ่งแบบขึ้นเขาลงเขาได้ทั้งนั้น

รูปข้างล่างนี้เป็นเส้นทางที่ณิชวิ่งเมื่อเช้านี้ค่ะ 1.26 ไมล์ วิ่งไปหอสมุดของมหาวิทยาลัยแล้วก็วิ่งออกถนนอีกเส้นหนึ่งกลับบ้าน อันนี้เป็นความชอบส่วนตัวคือเลือกเส้นทางที่ไม่วิ่งกลับทางเดิมจะได้ดูโน่นดูนี่ไม่ซ้ำกัน เห็นไหมค่ะว่ามีแต่สีเขียว ต้นไม้ทั้งนั้น อากาศดีเลยทีเดียว

(กดคลิกที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่)

ตอนนี้ยังวิ่งระยะทางไมล์กว่า ๆ เพื่อให้ร่างกายพร้อมอีกสักหน่อยก่อนที่จะเริ่มวิ่งระยะทาง 2 ไมล์ขึ้นไป แต่ลองหาเส้นทางไว้บ้างแล้ว รูปข้างล่างเป็นเส้นทางสำหรับ 2 ไมล์นิด ๆ

(กดคลิกที่รูปเพื่อดูรูปขนาดใหญ่)

ส่วนอันนี้เป็นเส้นทางจริงสำหรับการวิ่ง 5 กิโลเมตรที่ Loch Ness ตื่นเต้นค่ะ ยังไม่เคยวิ่งไกลขนาดนี้มาก่อนเลย สู้ ๆ  :-)

##############################################

บันทึกการวิ่งในแต่ละครั้ง

  • 0.9 ไมล์ (1.45 กิโลเมตร), 12 นาที
  • 1.1 ไมล์ (1.77 กิโลเมตร), 15 นาที
  • 0.85 ไมล์ (1.37 กิโลเมตร), 11 นาที
  • 1.26 ไมล์ (2 กิโลเมตร), 19 นาที
  • 0.9 ไมล์ (1.45 กิโลเมตร), 10.30 นาที
  • 1.3 ไมล์ (2.1 กิโลเมตร), 18 นาที
  • 1.26 ไมล์ (2 กิโลเมตร), 19 นาที
  • 1 ไมล์ (1.6 กิโลเมตร), 13.30 นาที
  • 0.85 ไมล์ (1.36 กิโลเมตร), 8.30 นาที
  • 1.1 ไมล์ (1.77 กิโลเมตร), 15 นาที
  • 1.74 ไมล์ (2.8 กิโลเมตร), 22 นาที


ไปเที่ยววิมเบิลดันกันค่ะ

4 ความคิดเห็น โดย cinshy เมื่อ July 12, 2009 เวลา 6:05 am ในหมวดหมู่ Uncategorized #

มีใครในลานปัญญาชอบดูเทนนิสกันบ้างไหมค่ะ ถึงเวลาวิมเบิลดันทีไรเรานั่งเกาะหน้าจอดูเทนนิสทุกวัน โชคดีค่ะที่บีบีซีถ่ายทอดสดออนไลน์ แค่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ก็เลือกได้ว่าจะดูถ่ายทอดสดคู่ไหน นั่งทำงานไปดูเทนนิสไปทุกวันเลย อิอิ ว่าแล้วก็ไปให้ถึงวิมเบิลดันกันเลยดีกว่า

ตั๋วเข้าดูวิมเบิลดันจะแบ่งเป็นสองส่วนคือส่วนที่จองล่วงหน้าข้ามปี อีกส่วนคือสำหรับคนที่ไปต่อคิวซื้อแบบวันต่อวัน เป็นที่รู้กันว่าคิวยาวมากและตั๋วหมดแล้วหมดเลย คนที่เป็นแฟนเทนนิสจริง ๆ จะไปนอนตั้งแคมป์กันในสถานที่ที่ทางวิมเบิลดันจัดให้แล้วต่อคิวกันตั้งแต่หลังเที่ยงคืน คนในแล็บเล่าให้ฟังว่าเขาออกจากบ้านตั้งแต่ตีสี่ แต่สำหรับเราแล้วให้ไปตั้งแคมป์หรือตื่นตอนตีสามตีสี่นี่ท่าทางจะลำบาก เอาแค่พอประมาณละกัน

เช้านั้นตื่นมาตอนแปดโมงและขึ้นรถไฟเที่ยวเก้าโมงครึ่งเข้าลอนดอน อันนี้คือเช้าสุดที่พอจะทำได้ละ ใช้เวลาเดินทางรถไฟและรถใต้ดินรวมกันสักสองชั่วโมงก็ถึงวิมเบิลดัน ไปถึงวิมเบิลดัน 11 โมงกว่า แอบกลัวนิด ๆ ว่าคิวจะยาวไหมหนอ ปรากฎว่าโชคดีที่ไม่ต้องเข้าคิวค่ะ แต่ที่โชคร้ายคือ…ตั๋วหมด…เศร้าเลย (ก็เล่นมาถึงซะเกือบเที่ยง) แต่ไม่เป็นไรค่ะ ตั๋วเข้าดูเทนนิสใน court หมดก็ยังมีตั๋วให้เข้าไปนั่งดูได้จากจอใหญ่ อย่างน้อยได้เข้าไปร่วมบรรยากาศข้างในก็ยังดี นี่เลยตั๋วใบนี้เลยค่ะ

สำหรับที่วิมเบิลดัน court เทนนิสที่ใหญ่สุดเรียกว่า Centre Court รองลงมาคือ No.1 Court และ No.2 Court ส่วนที่เหลือจะนับเป็นตัวเลขไล่ไปเรื่อย ๆ court ที่เห็นในรูปนี้เป็น No.1 Court ค่ะ (มีนางแบบยืนประกอบฉากด้วย อิอิ)

พอเข้าไปข้างในวิมเบิลดันจะเจอเจ้าบอร์ดสีเขียวตัวอักษรสีเหลืองก่อนเลย บอร์ดนี้มีไว้สำหรับแสดงว่าวิมเบิลดันปีนี้ในแต่ละรอบมีใครแข่งกับใครและผลการแข่งขันเป็นอย่างไร รูปข้างล่างนี่ถ่ายไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วค่ะ Rafael Nadal นักเทนนิสขวัญใจได้แชมป์ซะด้วย ^_^

พอเข้าไปแล้วก็ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกเล็กน้อยและรีบตรงดิ่งไปยัง Henman Hill เพื่อหาที่นั่งดูเทนนิสจากจอใหญ่ สำหรับ Henman Hill เป็นสนามหญ้าอยู่ด้านข้าง No.1 Court และมีจอใหญ่ไว้คอยให้เราดูถ่ายทอดสด (ส่วนใหญ่จะถ่ายทอดสดมาจาก Centre Court) คำว่า Henman มาจาก Tim Henman อดีตนักเทนนิสมือหนึ่งของอังกฤษ แต่ปีนี้เริ่มมีคนเรียกสนามหญ้านี้ว่า Murray Field/Mount มาจาก Andy Murray นักเทนนิสชาวสก๊อตที่กำลังดังและมาแรงมาก

มีใครหาหนูณิชในรูปข้างบนเจอบ้างคะ :-) ได้ที่นั่งตรงกลางเห็นจอชัดแจ๋วเลยค่ะ แต่ถ้าลองสังเกตดูดี ๆ จะเห็นว่าตรงที่นั่งอยู่นั้นเป็นพื้นเอียง ๆ (เข้ากับชื่อที่เรียกว่า hill)  นั่งแล้วก้นจะไถลลงไปเรื่อย ๆ พอไหลลงไปสักพักเราก็จะขยับขึ้นไปนั่งข้างบนรอให้ไหลลงมาใหม่ นั่งอยู่แบบนี้สักชั่วโมงก้นก็เริ่มระบม ถ้านั่งดูเทนนิส 5-6 ชั่วโมงพร้อมกับเล่นสไลด์ไปด้วยตลอดก็อาจจะแย่ แต่โชคดีที่ทางเจ้าหน้าที่ประกาศว่าที่ No.2 Court มีจอพร้อมที่นั่งไว้บริการ เราเลยย้ายจาก Henman Hill ไปนั่งดูเทนนิสกันต่อที่ No.2 Court

No.2 Court มีจอสองจออยู่แทยงมุมกัน จอที่นี่เล็กกว่าจอใหญ่ที่ Henman Hill แต่ที่นั่งสบายกว่ากันเยอะเลยค่ะ รูปแรกเป็นจอที่อยู่ไกลตัวและอีกรูปเป็นจอที่อยู่ข้างหลังที่ที่เรานั่ง เลือกกันได้ตามสบายว่าจะนั่งหันหลังดูจอใกล้ตัว หรือนั่งหันหน้าดูจอข้ามสนาม

สำหรับคนสายตาสั้นแบบเรานี่ดูจอไหนก็ไม่ชัดเลยต้องหยิบแว่นออกมาใช้สักหน่อย ในรูปเหมือนจะไม่มีแดดแต่วันนั้นแดดแรงและอากาศร้อนมากเลยค่ะ ครึ่งวันกินน้ำหมดไปสามขวด จะใส่แว่นสายตาอย่างเดียวก็ไม่ไหวเพราะหันหน้าเข้าหาแดด จะให้ใส่แต่แว่นกันแดดอย่างเดียวก็มองไม่เห็นลูกเทนนิส ว่าแล้วเราก็ใส่แว่นทั้งสองคู่เลยดีกว่า วันนั้นนั่งดูเทนนิสทั้งอย่างนี้แหละค่ะ กันแดดได้ เห็นชัดดีด้วย อิอิ

ตอนที่คู่แรกเริ่มแข่ง คนใน No.2 Court ยังไม่เยอะเท่าไหร่ แต่พอคู่ที่สองระหว่าง Andy Murray และ Andy Roddick ลงสนาม คนก็แน่นเต็มเอี๊ยด Andy Murray เป็นนักเทนนิสเจ้าบ้านกองเชียร์เลยเพียบ ใน No.2 Court นี้คนดูดูจากจอนะคะ แต่มีทั้งเล่นเวฟ ปรบมือเป็นจังหวะกันทั้งสนาม มีตะโกนเรียกชื่อ Murray เหมือนกับว่าสองหนุ่ม Andy เล่นเทนนิสกันอยู่ใน court นั้นเลยค่ะ

ดูคู่สอง Andy ได้สามเซ็ตก็ขอลากลับเพราะท้องเริ่มร้อง นั่งรถใต้ดินกลับเข้าลอนดอน และแวะไปกินก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟที่ร้านอาหารไทย ตั้งใจมากินแค่เย็นตาโฟ แต่ก็ได้กินชาเย็นกับไส้กรอกอีสานพ่วงมาด้วย อิอิ ปิดท้ายด้วยการไปซื้อขนมจากไชน่าทาวน์และก็นั่งรถไฟกลับบ้าน จบการไปเที่ยววิมเบิลดันสำหรับวันนี้ค่ะ :-D


แล้วเราเป็นไผ ภาค(ก่อน)จบ

7 ความคิดเห็น โดย cinshy เมื่อ May 15, 2009 เวลา 5:49 am ในหมวดหมู่ Uncategorized #

เล่ามาถึงตอนที่เข้ามาเรียนต่อที่กรุงเทพ เริ่มต้นเรียนด้วยความขลุกขลักเล็กน้อยเพราะความรู้ของม.6 ที่มีมาด้วยคือความว่างเปล่า วิชาปีหนึ่งที่เราจำได้ขึ้นใจคือฟิสิกส์ คะแนนสอบกลางภาคออกมาต่ำมากจนเรียกว่าตกแต่เราก็เลือกเรียนต่อถึงปลายเทอม ผลสอบออกมาว่าได้เกรด D ตอนดูเกรดลุ้นแทบแย่ พอเห็นเกรดแล้วเป็นปลื้ม นึกว่าได้ประเดิมปีหนึ่งด้วยการสอบตกซะแล้ว ถึงแม้ว่าปีแรกอาจจะติดขัดไปบ้างแต่ก็ดีขึ้นในปีต่อ ๆ มาจนถูกสวมหมวกให้เป็นเด็กเรียน

อ่านต่อ »



Main: 0.62376999855042 sec
Sidebar: 0.27577900886536 sec