เริ่มต้นกับสัตว์น้ำ
คืนนี้นอนไม่หลับเพราะมีความรู้สึกอยากเขียนบันทึกอย่างแรงกล้า ที่จริงปิดไฟนอนไปสักพักแล้วแต่กลิ้งไปกล้ิงมาจนสุดท้ายลุกขึ้นมาเขียนบันทึกดีกว่า เรื่องที่จะเขียนนั้นไม่มีอะไรมาก แค่อยากบันทึกชีวิตการทำงานใน 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ขอเล่าก่อนว่าตอนที่ได้รับทุนเรียนต่อป.เอก เป็นทุนที่ไม่ได้ระบุต้นสังกัด ดังนั้นเราสามารถเลือกได้เองว่าเรียนจบแล้วจะไปทำงานที่ไหน และเราก็เลือกมาอยู่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เรียกย่อ ๆ ว่าเพาะเลี้ยง ขอไม่เล่ารายละเอียดแล้วกันว่าทำไมเลือกมาอยู่ที่นี่ ไม่งั้นคืนนี้เล่าไม่จบแหง ๆ
ปกติแล้วนักเรียนทุนส่วนใหญ่เลือกที่จะไปทำงานในภาควิชาหรือสถาบันวิจัยที่เกี่ยวข้องกับด้านที่ตัวเองเรียนมา หลังจากที่เรียนจบก็สามารถสอนหรือทำงานวิจัยต่อเนื่องได้เลย ซึ่งก็เป็นข้อดีในแง่ของการได้ใช้ความรู้ที่เรียนมาให้เป็นประโยชน์ รวมทั้งความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน แต่เราเป็นพวกไม่ปกติ กลับเลือกมาอยู่เพาะเลี้ยงทั้ง ๆ ที่ไม่เคยรู้หรือเรียนอะไรที่เกี่ยวกับเพาะเลี้ยงหรือประมงเลย เลยกังวลพอสมควรว่าเราเรียนจบแล้วจะไปทำอะไรที่เพาะเลี้ยง ลองเปิดดูรายวิชาของแต่ละหลักสูตรในคณะก็พบว่าไม่มีวิชาไหนเลยที่เรารู้หรือสอนได้้สักวิชาเดียว
วันแรกที่มารายงานตัวที่คณะเราก็ได้บอกอาจารย์ท่านอื่น ๆ ทราบว่าเราไม่ได้จบมาทางด้านนี้ อาจารย์แต่ละท่านก็บอกว่าไม่เป็นไร ปัญหาที่ตามมาคือเราไม่สามารถสอนวิชาไหนได้ และไม่สามารถเปิดวิชาใหม่เพื่อสอนสิ่งที่เราเรียนมาได้ เพราะมันไม่เกี่ยวอะไรกับประมง และเทคนิคที่เรียนมาก็เฉพาะเจาะจงมากเกินไป แต่สุดท้ายก็ได้ไปช่วยสอนเนื้อหาบางส่วนในวิชาพันธุศาสตร์สัตว์น้ำ โดยสอนในส่วนของพันธุศาสตร์ที่เราเคยเรียนมา แต่ยังต้องหาข้อมูลว่าเนื้อหาเหล่านั้นถูกนำมาใช้ในการเลี้ยงสัตว์น้ำยังไง
หลังจากที่มัวแต่คิดในมุมเดียวว่าเราจะเอาสิ่งเรารู้เราเรียนมาทำอะไรที่นี่ได้บ้าง ไม่นานนักเราก็เกิดความคิดใหม่ ทุกวันที่เรามาทำงานเราจะเห็นบ่อดินขนาดใหญ่อยู่หน้าคณะ เวลาที่เราเดินไประหว่างอาคารเราก็จะเห็นบ่อปูนอยู่หลายบ่อ บางบ่อก็ใช้เลี้ยงกุ้ง บางบ่อก็ใช้เลี้ยงปลา บางบ่อไม่เห็นมีกุ้งปลาอะไรเลยมีแต่น้ำ หน้าห้องทำงานเราก็มีอ่างเลี้ยงปลาขนาดใหญ่พอควร มีปลาอยู่ในนั้นหลายตัว มีอยู่ครั้งนึงที่เรายืนดูปลาแล้วก็บ่นกับตัวเองว่าปลาก็อยู่หน้าห้องทำงานแท้ ๆ เห็นกันอยู่ทุกวัน ทำไมเรากลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับปลาพวกนี้เลย หลังจากนั้นเราก็เริ่มเปลี่ยนความคิดใหม่ เริ่มคิดที่จะหาความรู้จากสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรานี่แหละ
มีอยู่วันนึงเราเห็นนิสิตคนหนึ่งเดิน ๆ อยู่แถวอ่างปลาหน้าห้อง เลยเขาไปคุยด้วยแล้วชวนมาดูปลาด้วยกัน เราถามนิสิตคนนั้นว่ารู้จักปลาพวกนี้มั้ย เขาบอกว่ารู้จัก แล้วเขาก็เล่าให้ฟังว่าในอ่างนี้มีปลาอยู่ 3 ชนิด อันแรกเป็นปลาคาร์พ (ปลานี้รู้จักแต่ถามเพื่อความมั่นใจ) อีกอันเป็นปลาดุก (ปลานี้ก็รู้จักแต่ไม่แน่ใจ เคยเห็นแต่ตอนมันถูกเสียบไม้และย่างสุกพร้อมกิน) อีกอันปลาอะไรจำชื่อไม่ได้ (เริ่มต้นก็ลืมชื่อปลาแล้ว ฮ่าๆๆ) น้องเขาบอกว่าปลาพวกนี้อยู่มา 2-3 ปีแล้ว และบอกให้เราสังเกตดูตาปลาดุกว่ามันเป็นสีขาวขุ่นเพราะว่ามันตาบอด ปลาดุกจะตาบอดเมื่ออายุเยอะ แล้วก็เล่าอีกว่าปลาดุกที่ขายกันตามตลาดเป็นลูกผสมระหว่างดุกอุยกับดุกยักษ์ ปลาดุกอุยเนื้ออร่อยกว่าแต่โตช้า ปลาดุกยักษ์เนื้อไม่อร่อยแต่โตเร็วตามชื่อ เค้าก็เลยเอาสองพันธุ์นี้มาผสมกันซะ น้องคนนี้ทำงานวิจัยเรื่องปลาดุกและแยกรสชาติได้ว่าอันไหนดุกอุยแท้ อันไหนดุกลูกผสม เราเลยแซวไปว่าวันไหนเอาผัดเผ็ดปลาดุกมาให้กินหน่อย แล้วข่วยบอกด้วยว่าจานไหนเป็นดุกอุย จานไหนดุกลูกผสม (ที่จริงคืออยากกินผัดเผ็ดปลาดุกฟรี)
มีอีกครั้งตอนที่ให้นิสิตพาเดินดูบ่อปูน เป็นบ่อน้ำเค็ม เราเลยถามว่าเวลาเตรียมน้ำเค็มพวกนี้นี่คือเอาเกลือมาละลายน้ำรึเปล่า นิสิตก็หัวเราะแล้วบอกว่าเปล่า น้ำเค็มพวกนี้ไปเอามาจากฟาร์ม (เริ่มไม่แน่ใจว่าจากฟาร์มหรือจากทะเล มั่วอีกแล้ว) เอามาเก็บไว้ในถังพักน้ำ เวลาจะใช้ก็เอามาละลายให้ได้ระดับความเค็มตามที่ต้องการ (ไม่ได้เอาเกลือละลายน้ำอย่างที่ด๊อกเตอร์ที่จบจากนอกเข้าใจ) ก็เลยนึกสงสัยว่าน้ำเค็มที่ได้จากฟาร์ม (หรือทะเล) จะต่างจากน้ำเค็มที่ได้จากการผสมน้ำกับเกลือยังไง แล้วใช้น้ำเกลือแทนไม่ได้เหรอ ตอนนี้เลยได้ยืมหนังสือคุณภาพน้ำกับการเลี้ยงสัตว์น้ำมาเรียบร้อย (แต่ยังไม่ได้เริ่มอ่าน)
อีกครั้งคือเราขอให้นิสิตคนหนึ่งที่ทำวิจัยเรื่องกุ้งก้ามกราม พาเราไปดูกุ้งที่เค้าเลี้ยงไว้ แล้วก็ชำแหละกุ้งให้ดูอวัยวะภายในว่ามีอะไรบ้าง นิสิตคนนี้เลี้ยงกุ้งไว้หลายตัว ตัวที่จับมาชำแหละให้ดูมีขนาดใหญ่พอควร ขนาดก้ามก็น่าจะสักฟุตนึงเห็นจะได้ เค้าบอกว่าเลี้ยงตัวนี้มานานมากแล้ว เราถามว่าไม่เสียดายเลยเอามาชำแหละให้เราดู นิสิตบอกว่าไม่เสียดายและมีที่เลี้ยงไว้อีกหลายตัว (แต่เราเสียดายแทน อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน) กุ้งตัวนี้สีซีดเพราะถูกเลี้ยงแบบคุณหนู อยู่โดดเดี่ยวในอ่างที่ได้รับการดูแลอย่างดี ไม่เคยได้คลุกดินคลุกทรายผ่านร้อนผ่านหนาวแบบกุ้งทั่วไป นิสิตจับกุ้งใส่ถังน้ำแล้วเอาไปห้องแล็บ อธิบายรูปร่างหน้าตาภายนอก ขาว่ายน้ำ ขาเดิน วิธีนับขานับปล้อง แล้วก็ผ่าหัวให้ดูว่าในหัวกุ้งที่กิน ๆ กันมีอวัยวะอะไรอยู่บ้าง สุดท้ายไม่แน่ใจว่ากุ้งตัวนั้นลงถังขยะหรือว่าไปอยู่ในชามมาม่าใครรึเปล่า
ตอนนี้เราเลยพบว่ารอบ ๆ ตัวมีเรื่องที่น่าสนใจที่เรายังไม่รู้อีกเยอะ อาทิตย์ที่แล้วได้ไปแนะนำตัวกับอดีตคณบดี แล้วเห็นว่าในห้องทำงานของท่านมีตู้เลี้ยงปลาขนาดใหญ่อยู่สองตู้ น่าจะขนาดสัก 1×2 เมตรได้ ที่จริงแล้วที่คณะมีตู้ปลาเยอะมากอยู่ตามทางเดินในอาคาร ในห้องสมุดของคณะก็ยังมี เอาเป็นว่าเริ่มต้นหาความรู้ใกล้ ๆ ตัวด้วยการหัดเลี้ยงปลาก่อนเลยแล้วกัน ตอนอยู่ป.ตรีเคยลองเลี้ยงหลายทีแล้วก็ไปไม่รอดสักที คราวนี้ว่าจะลองใหม่ มาอยู่เพาะเลี้ยงแล้วเลี้ยงปลาไม่เป็นก็ให้รู้ไป … แต่สุดท้ายคิดว่าอาจจะไม่รอดเหมือนเดิม ฮ่าๆๆ
5 ความคิดเห็น
น่าสนใจจ้ะ เมื่อวานพี่เข้าเสวนา 750 ปีเมืองชร. มีกลุ่มเครือข่ายรักษ์เชียงของเอาหนังสือเรื่องพันธุ์ปลาในน้ำโขงมาขาย (สนใจมั้ย วันนี้พี่ต้องไปอีก จะหาซื้อให้) หน้าตาแปลกๆเยอะมากเลยล่ะจ้ะ การสร้างเขื่อนทำให้ปลาเหล่านี้หายไปเยอะเอาการ ชาวบ้านเลยลุกขึ้นมาจัดการตัวเองด้วยการทำวังปลาตามแม่น้ำสาขา และในน้ำโขงบางช่วง
พี่ว่าปลาตะเพียนอร่อยนะ แต่ก้างมันเยอะจัง ก้างละเอียดทั้งนั้นเลย
(พอมีทางทำให้มันก้างน้อยกว่านี้มั้ยเนี่ย อิอิอิ)
เพาะเลี้ยงแค่ชื่อก็น่าสนุกแล้วน่ะจ้ะ ประสบการณ์แมลงหวี่ของน้องณิชน่าจะเวิร์ค สู้ ! ลูกพระพิรุณซะอย่าง อิอิอิ
A ….. G……….G.. I …E
Aggie cheer Aggie cheer Aggie cheer we cheer.
To do we cheer for we will win.
Ha…Ha…Ha….Ha…Ha….Ha…
Zim…Boom…ba…Rah…Rib…Ree
Chi… Chi… Chi… we….win to day.
เกษตรศาสตร์ โร โฮ…โฮ ไชโย โห่ฮิ้ว รีบพริ้วนำชัยมา
เกษตรศาสตร์ รา ฮา ฮา พาใจชื่นบาน สนุกสนานสำราญเต็มที่
Zee…Zee…Zee…Zee Boom!
แหม เลือดเกษตรคึกแต่เช้า แต่จำผิดหรือเปล่าก็ไม่รู้ กั่กๆๆๆ (นึกถึงตอนผ่านสนามรับน้องทั้งน้องมหา’ลัย น้องคณะ น้องภาค น้องหอชะมัดเลยจ้ะ ลงแปลงนาซะมิดเลย)
ยกสองมือว่าสนใจหนังสือค่ะ ไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับปลาน้ำโขงเลย ที่ภาคมีนิสิตป.เอกจากพม่ามาทำวิจัยเรื่องปลาน้ำโขงเหมือนกัน แต่ยังไม่ได้ถามรายละเอียดว่าศึกษาด้านไหน เมื่อก่อนแม่เคยขายปลาค่ะ แม่ก็เล่าเหมือนกันว่าปลาตามทะเลสาบสงขลาที่เคยมีก็หายไปเยอะแล้วเหมือนกัน ที่มีให้เห็นอยู่บ้างก็ตัวกระจ้อยร่อย อ้อ ณิชไม่ชอบกินปลาตะเพียนค่ะเพราะขี้เกียจแกะก้างนี่แหละ แต่ถ้าทำให้ปลาตะเพียนไม่มีก้างแล้วมันยังจะเป็นปลาตะเพียนอยู่มั้ย น่าคิดเนอะ
พี่ิเบิร์ดจำเพลงเชียร์ได้ด้วยอ่ะ สุดยอดไปเลย ณิชลืมไปแล้วนะเนี่ย พอเห็น A ….. G……….G.. I …E เลยนึกขึ้นได้ ฮ่า ๆ ๆ ศิษย์น้องขอคารวะ
สิ่งที่ผมชอบดูมากที่สุดสิ่งหนึ่งในชีวิตคือ อาควอเรียม ที่ไปดูแล้วผิดหวังมากที่สุดในชีวิตคือ กรมประมง ที่ม. aggie แถวริมถนนสกุลสวยนี่แหละ
บึงฉวาก บึงบรเพ็ด ศิลปบางไทร ชาวบ้านเขาทำแท้ๆ ยังดีกว่าเยอะ
ปลากั้งรู้จักบ้างไหม (ตัวแดงเหมือนปลาช่อน แต่ซื่อกว่ามาก) ปลาอะไรที่กินเฉพาะต้นอ่อนหญ้า แต่ไม่กินต้นอ่อนข้าว นักวิชาการไทยด้านปลามันซื้อบื้อมาก ไม่เคยวิจัย เอาแต่ผลาญเงินไปวิจัยปลาต่างชาติ เช่น คาร์ป (ปลาบู่ชนิดหนึ่ง) แซลม่อน ฉลามหัวค้อน (ที่ร้อยปีจะโผล่มาริมสิมิลันสักหนึ่งวัน) ส่วนปลากระทิง หรด ไหล หมู ยอน เซือม แปบ (4 ชนิดหลังมีเฉพาะปากมูล) ไม่มีใครสนใจ นอกจากพวกฝรั่งที่เป็นนายเรามานานจนวันนี้
กุ้งฝอยไทยมีกี่สายพันธุ์ กินอะไรเป็นอาหาร กุ้งก้ามกรามที่ว่ามันวางไข่ปากแม่น้ำ น้ำกร่อย เช่นบางปะกง แล้วว่ายสวนกระแส ไปโตที่ต้นแม่น้ำ ตืนภูเขา จนแก่ แล้วว่ายมาปากแม่น้ำ มาไข่ ออกลูก ตาย
แม่ผมเล่าให้ฟัง (จบปอสี่ พอมีเส้น) ถามว่าท่านรู้ได้ไง อ้าว..ถามกลับว่า แล้วนักวิชาการ ป.เอก ขี้ข้าฝรั่ง ไม่รู้ได้ไง เรื่องของเราแท้ๆ ต้องรอให้ฝรั่งมันมาวิจัยแล้วถ่ายทำเป็น national geographic มาขายหลอกเราก่อนหรือไง
ปูมันกินอะไร ทำไมถึงได้พิสมัยกล้าต้นข้าวเสียหนักหนา
ปลาอะไรที่ symbiosis กับข้าว หญ้า …ไม่มีใครสนใจ เอาแต่ซื้อความรู้และกระเป๋าถือ ส้นสูง เดินกันดังก้อกๆ สนั่นทุ่งคอนกรีด ..อนาถหนอนักวิชาการเกษตร ประมง ไทย
รับทราบความคิดเห็นค่ะ