เมื่อต้องเขียนบทความวิชาการ

โดย cinshy เมื่อ March 18, 2009 เวลา 10:27 pm ในหมวดหมู่ Uncategorized #

หายจากลานไปซะเดือนนึงเต็ม ๆ เพราะมัวแต่วุ่นอยู่กับงานเขียนชิ้นนึง เพิ่งเขียนเสร็จไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง ตอนเขียนเสร็จคืนแรกว่าจะเข้ามาลานเลย แต่เผลอใจไปติดหนังจีนบูเช็คเทียนซะก่อน หุหุ ชอบมาก ดูตั้งแต่ต้นจนจบรวดเดียวในสามวัน จบละครและโน่นนี่แล้วก็มาเข้าลานตามที่ตั้งใจไว้ :-)

ที่ว่าตั้งใจจะเขียนเพราะอยากบันทึกประสบการณ์กับงานเขียนทางวิชาการที่เพิ่งเสร็จไป เมื่อเดือนที่แล้วอาจารย์ถามเราว่าอยากเขียน review มั้ย เอาล่ะสิ เขียน review เขียนยังไงล่ะเนี่ย เคยแต่อ่านไม่เคยเขียน แต่ก็ตอบตกลงไปเพราะอยากลองของ อิอิ

คำว่า review ในด้านวิชาการก็คือการอ่านงานวิจัยแล้วเอามาสรุปและวิเคราะห์ ดู ๆ แล้วก็คล้ายกับการเขียนหนังสือเล่มเล็ก ๆ เล่มหนึ่ง วิเคราะห์ลึกมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับหัวข้อและขอบเขตที่กำหนดไว้ คนที่จะเขียน review ต้องรู้ลึกรู้จริงรู้ดีชนิดว่าเป็นกูรูด้านนั้นถึงจะเล่าเรื่องออกมาได้เป็นฉาก ๆ ปัญหามันอยู่ตรงนี้นี่แหละ เรารู้แค่ 10-20% ของหัวข้อที่ต้องเขียนทั้งหมด ส่วนที่เหลือที่ไม่รู้นั้นทำไง ไม่ยากเลย คำตอบนั้นมีอยู่แล้วคืออ่าน อ่าน อ่าน และอ่าน แต่เวลาทำจริงแล้วไม่หมูอย่างที่คิด

เราเริ่มต้นด้วยการหารายงานวิชาการหรือเรียกแบบคุ้นเคยว่าเปเปอร์ (publication, literature, paper) ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เราจะเขียน งานนี้ก็ต้องพึ่ง google scholar แหล่งรวบรวมเปเปอร์ ค้นไปค้นมาก็จบลงด้วยกองกระดาษกองโตที่เราต้องอ่าน แต่นะ อ่านไปอ่านมาแล้วไม่รู้เรื่องเลยเพราะอย่างที่บอกไว้ว่าส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยเกี่ยวกับเรื่องที่เราวิจัยอยู่ ทำยังไงล่ะทีนี้ … อ่านใหม่ อ่านไปอ่านมาหลายรอบมาก กะว่าให้คุ้น ๆ เข้าไว้ก่อน เข้าใจไม่เข้าใจเดี๋ยวค่อยว่ากัน

หลังจากอ่านเปเปอร์ทั้งกองเสร็จไปประมาณ 2-3 รอบแล้ว ยอมรับเลยว่าไม่ค่อยรู้เรื่องแต่พอได้ไอเดียว่าจะแบ่งเป็นหัวข้ออะไรบ้าง ก็กำหนดหัวข้อย่อยขึ้นมาคร่าว ๆ ว่าจะแบ่งเนื้อหาเป็นกี่เรื่องแล้ววิเคราะห์อะไรบ้าง พอได้หัวข้อก็กลับไปอ่านเปเปอร์ใหม่อีกรอบแล้วขีดเสร็จใต้หรือระบายสีประเด็นส่วนที่จะเอามาใช้เขียน

ต่อมาก็คือการเขียนบันทึกย่อของแต่ละเปเปอร์ลงไปในหัวข้อย่อยที่เราวางไว้ ใช้วิธีบันทึกแบบ bullet ไม่ต้องมีรูปประโยค ไม่้ต้องมีรายละเอียด เอาแค่เนื้อหาสำคัญเป็นหลัก ตรงช่วงนี้ใช้เวลานานมากกว่าจะเสร็จ เพราะเนื้อหาในหัวข้อย่อยมาจากหลายเปเปอร์และแต่ละเปเปอร์ถูกจัดไปอยู่หลายหัวข้อย่อย คล้ายกับเล่นจับคู่เลย เล่นซะเหงื่อตก นี่คือเขียนรอบแรก

จากนั้นก็เริ่มเขียนให้เป็นประโยคเป็นย่อหน้า เป็นการเขียนรอบที่ 2 เขียนไปเขียนมาเหมือนเอาโน่นนี่มาแปะ ๆ ลงไป อ่านเองเขียนเองแบบเข้าใจครึ่ง ๆ กลาง ๆ เหมือนเข้าใจแต่ยังเข้าใจไม่หมดอะไรทำนองนั้น แต่ก็ยังเขียนต่อไปจนครบทุกหัวข้อ

แล้วก็เริ่มเขียนรอบที่ 3 คราวนี้เริ่มเข้าสู่การเรียบเรียงประโยคใหม่ เขียนและอ่านให้รู้เรื่องให้ดูเป็นเรื่องเป็นราว แต่ยังมีความรู้สึกว่าเรามันมีอะไรบางอย่างที่เรารู้สึกว่าขัด ๆ เป็นความรู้สึกที่คอยรบกวนอยู่เป็นระยะ และทำให้เราขาดความมั่นใจในสิ่งที่เรากำลังเขียน

มาถึงการเขียนรอบที่ 4 รอบนี้ตั้งใจว่าจะเป็นรอบสุดท้ายคือการอ่านทบทวน เรียบเรียงประโยคให้ดูสวยงาม เติมส่วนขาดลบส่วนเกิน กะว่าเสร็จรอบนี้ก็ส่งอาจารย์ได้เลย แต่แล้วก็มีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้น คืออ่านไปบ่นกับตัวเองไป เขียนอะไรออกมาไม่ได้เรื่องเลย จริง ๆ แล้วความรู้สึกนี้เกิดขึ้นมาเรื่อย ๆ จนถึงจุดหนึ่งที่เรารู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว เราต้องกำจัดจุดอ่อน

เรื่องของเรื่องคือ เราไม่เข้าใจเนื้อหาแบบขั้นเทพ เราเข้าใจเพียงผิวเผินแต่ไม่เพียงพอที่จะวิเคราะห์ได้ การที่คนคนหนึ่งจะเล่าเรื่องอะไรออกมาได้เป็นฉาก ๆ โดยไม่ตะกุกตะกัก หรือการที่จะวิเคราะห์อะไรได้แบบเป็นเรื่องเป็นราว คนคนนั้นต้องมีความเข้าใจในเรื่องนั้นถ่องแท้ในระดับหนึ่ง อาจจะไม่ต้องเข้าใจทุกจุดแต่ต้องเข้าใจมากพอที่จะมองเห็นภาพมองเห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ชัดเจน

และสิ่งที่คอยปิดกั้นไม่ให้เราเข้าใจแบบทะลุปรุโปร่งก็คือ การขาดความรู้พื้นฐานในเรื่องที่เราเขียน เราไม่เข้าใจว่าจริง ๆ แล้วเรื่องราวตั้งแต่ต้นเป็นมายังไง เรามาเริ่มอ่านตอนกลางเรื่อง การที่ไม่ไปอ่านตั้งแต่ต้นทำให้เราไม่เข้าใจตอนจบ และมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ งานที่เราเขียนออกมาเป็นสิ่งที่สะท้อนกลับให้เราเห็นว่า เราเขียนแบบไม่มั่นใจว่าจะ say yes or no

เมื่อรู้ว่าขาดอะไรก็ต้องเติมให้ถูกที่ เราเริ่มค้นหาเนื้อหาพื้นฐานมาอ่านแล้วพยายามเชื่อมโยงไปถึงสิ่งที่เราเขียน อ่านพื้นฐานแล้วอ่านสิ่งที่เราเขียนควบคู่กันไปให้มั่นใจว่าเราเข้าใจถูกหรือผิดยังไง พอเข้าใจแล้วก็หันไปหากองเปเปอร์ตั้งแต่ตอนแรกเอามาอ่านอีกรอบว่าตรงกับที่เราเข้าใจมั้ย ตอนอ่านก็จดบันทึกย่อ ๆ ไปด้วย … ได้ผล รอบนี้อ่านแล้วรู้เรื่องกว่าตอนที่อ่านรอบแรก ๆ ตั้งเยอะ ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเรารู้ส่วนกลางเรื่องถึงตอนจบแล้ว พอมาอ่านตอนต้นเรื่องทำให้เรามองภาพออกว่าเกิดอะไรขึ้นที่ไหนยังไงและทำไม

มาถึงเวลาเขียนรอบที่ 5 รอบนี้ไม่ต้องใช้เอกสารอะไรมาช่วยในตอนเขียนมากนัก เพราะเราเขียนจากสิ่งที่เราเข้าใจและเล่าเรื่องออกมาด้วยความมั่นใจ

นึกว่าจะเสร็จแต่ยังไม่เสร็จ ยังต้องตรวจทานอีกรอบเป็นรอบที่ 6 แล้วจึงใส่อ้างอิงว่าเนื้อหาส่วนในเอามาจากเปเปอร์ต้นฉบับอะไร สุดท้ายก็อ่านทบทวนอีกรอบก่อนที่จะเมลล์ไปให้อาจารย์อ่าน แต่เดี๋ยวมีแก้แน่นอนเพราะอาจารย์คงไม่ให้งานเขียนแบบนักเรียนของเราไปลงตีพิมพ์ในวารสารวิชาการได้ง่าย ๆ ถึงต้องแก้ก็ไม่เป็นไรเพราะอย่างน้อย ๆ เราก็ได้ทำตั้งแต่ต้นจนจบด้วยตัวเอง ประสบการณ์ครั้งนี้จะช่วยให้เราเขียนงานทางวิชาการในอนาคตได้ง่ายขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

บทความ review ทั้งหมดนี้ใช้เวลาประมาณเดือนกว่า มีความยาวประมาณ 10 หน้า และจะถูกตีพิมพ์ในวันดีวันปีใหม่ไทย แม้บทความนี้อาจไม่ใช่งานเขียนที่ดีที่สุดแต่เต็มไปด้วยความภูมิใจเป็นที่สุด



« « Prev : อื่น ๆ อีกมากมาย จากเฉลียง

Next : เมื่อเช้านี้ออกไปทิ้งขยะมาค่ะ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

9 ความคิดเห็น

  • #1 สิทธิรักษ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 March 2009 เวลา 1:25 am

    ร่วมสนุกตามบรรยากาศ ท่าน จิ๋นซี ขอบคุณมากๆครับ

  • #2 จอมป่วน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 March 2009 เวลา 2:04 am

    ได้เรียนรู้วิธีเรียนรู้มากเลยครับ ขอบคุณมากๆครับ แต่อ่านแค่ 2 รอบเองนะครับ อิอิ

  • #3 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 March 2009 เวลา 6:24 am

    ขออนุญาตเรียกน้องณิช นะคะ เพราะมั่นใจว่าเป็นน้องแน่ๆ 555

    น้องณิชเพิ่งจัดการอะไรกับบล็อกไปหรือเปล่าจ๊ะ และเห็นด้วยกับพี่ตึ๋งว่าน้องณิชเขียนบันทึกนี้ได้ดีมาก เห็นวิธีการเรียนรู้ได้ชัดเจน ชอบๆๆๆ ^ ^

  • #4 cinshy ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 March 2009 เวลา 10:28 pm

    #1 สิทธิรักษ์
    จิ๋นซีดูใจร้ายไปนิดนึง เลยมาเข้าข้างบูเช็คเทียนให้ผู้หญิงเป็นฮ่องเต้ค่ะ อิอิ

    #2 จอมป่วน
    อ่าน 2 รอบนี่แบบเป็นเรื่องเป็นราวหน่อยค่ะ แต่เอาเข้าจริงแล้วพลิกกระดาษอ่านไปมาจนเยินเลยค่ะ

    #3 น้ำฟ้าและปรายดาว
    ในลานปัญญานี้ณิชคงเรียกน้องได้แค่น้องจิคนเดียวค่ะ ฮ่าๆ ส่วนบล็อกนี่คือว่ากดไปกดมาแล้วแก้ไม่เป็น -_-’ รบกวนคุณรอกอดไปแล้ว เดี๋ยวคงปกติค่ะ

    บันทึกนี้เขียนเล่าเรื่องที่เพิ่งทำเสร็จไปสด ๆ ร้อน ๆ เลยเขียนได้ง่ายหน่อยค่ะ แต่วิธีที่ใช้ตั้งแต่ลงมืออ่านเปเปอร์ถึงเขียนบทความอาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีนัก เพราะถ้าอ่านให้เข้าใจตั้งแต่ตอนแรก ๆ ก็อาจจะทำให้อะไรง่ายขึ้น ไม่ลองไม่รู้ถึงต้องมาเรียนรู้ใช่มั้ยคะ :-)

    ขอบคุณทุกคนค่ะ

  • #5 BM.chaiwut ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 March 2009 เวลา 3:09 pm
    • วิชาการ      งานรีวิว        ชิวชิวแท้
    • ส่วนการแก้  งานวิจัย       ใครก็ทำ
    • งานอื่นอื่น   บ้างเครียด    บ้างอาจขำ
    • งานซ้ำซ้ำ   คืองานจำ      ไปสอนเอย

    เจริญพร

  • #6 cinshy ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 March 2009 เวลา 10:24 pm

    #5  BM.chaiwut
    สาธุค่ะ กลอนนี้มีทั้งรีวิวทั้งชิวชิว อิอิ
    ไม่ถนัดแต่งกลอนเลย ไม่ถนัดมาตั้งแต่จำความได้ -_-’

  • #7 » งานเขียน ลานเจ๊าะแจ๊ะ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 April 2009 เวลา 9:09 pm

    [...] เพราะไหน ๆ งานเขียนฉบับนี้จะมีชื่อเราอยู่ด้ว

  • #8 Lin Hui ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 April 2009 เวลา 1:11 am

    นับว่าเป็นประสบการณ์ ตรงที่เรียนรู้ด้วยการลงมือทำ Learn by doing ไงค่ะ เป็นวิธีสอนของโลกตะวันตกค่ะ ยิ่งอาจารย์ให้เกียรติลฏศิษย์เท่าไร ลูกศิษย์ยิ่งต้องทุ่มเททำงานให้ีที่สุด เราก็ต้องเริ่มต้นค้นคว้าศึกษาเพิ่มเติม และค้นหาแบบฉบับหรือต้นแบบที่ดี แล้วก็นำมาปรับใช้ให้เหมาะกับงานของเรา หนูโชคดีกว่านักวิชาการไทยมากมายเลยค่ะ งานอะไรที่เราทำเองเราจะมีความมั่นใจ และทำได้ดีที่สุด ที่สำคัญหนูดูหนังจีน….. รวดเดีนวจบใช้เวลาสามวัน เท่ากับพักสมองอย่างเต็มที่ จากงานวิชาการ ที่ดีทีเดียว รับรองว่างานเขียน review ของหนูต้องประสบคงามสำเร็จอย่างงดงาม “เริ่มต้นดี ย่อมสำเร็จไปกว่าครึ่ง” ค่ะ ขอให้กำลังใจค่ะ ไม่มีอะไรยากเกินกว่าที่หนูจะทำได้ค่ะ

  • #9 cinshy ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 April 2009 เวลา 9:54 am

    ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะคุณ Lin Hui :-)

    ใช่เลยค่ะ งานดีได้ค้นคว้าเพิ่มเติมแบบเต็มที่ เพราะถ้าไม่เข้าใจก็เขียนให้คนอื่นเข้าใจไม่ได้ และที่อ่าน ๆ ไปเอามาใช้ประโยชน์กับงานตัวเองได้เพียบเลย เพราะบางครั้งมัวแต่ทำงานทำแล็บจนลืมอ่านหนังสือ มีบางช่วงที่อาจารย์มาบอกว่าไม่ต้องทำแล็บแล้ว …. ให้ไปอ่านหนังสืออย่างเดียวเลย -_-”

    ส่วนเรื่องดูหนังนี่ ชอบค่ะ ปกติเวลาทำงานโน่นนี่เสร็จแล้วจะชอบดูละครดูหนังไปเรื่อย ดูจนสบายใจหายเหนื่อยแล้วค่อยเริ่มทำงานชิ้นใหม่ต่อ … ติดละครนั่นเอง อิอิ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.086465120315552 sec
Sidebar: 0.04234790802002 sec