ระทึกระทวยใจในแผ่นดินจีน

อ่าน: 2585

บทที่ 1 มีอะไรในกอไผ่จีน

ในแผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาลของโลกที่ชื่อว่าจีน เป็นที่ก่อเกิดอารยะธรรมของมนุษยชาติที่สำคัญ มีเรื่องราวให้น่าศึกษามากมายจนยากที่จะเก็บเกี่ยวได้หมด ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน บ้างก็ฟันธงว่าจีนอาจจะจอดอีกครั้งตามวัฏรจักรที่เคยเป็นมา บางครั้งก็รุ่งโรจน์บางทีก็พังไม่เป็นท่า ถ้าเอาแค่ช่วงที่เราเกิดมาได้รู้เห็นก็มีข้อมูลท่วมท้นแล้ว

หลังจากเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากยุคที่จีนเสื่อมถอยขนาดหนัก ท้ายสุดถูกพี่ยุ่นรุกรานเข้ายึดเมืองต่างๆในช่วงสงครามโลก บาดแผลที่ญี่ปุ่นสร้างไว้ยังกระทบจิตใจชาวจีนมาจนเท่าทุกวันนี้ สินค้าทุกชนิดของพี่ยุ่นถูกต่อต้าน ทำให้ญี่ปุ่นขาดตลาดค้าขายจุดใหญ่และสำคัญมากไปอย่างน่าเสียดาย เราจะพบเห็นสินค้ายี่ห้อแจแปนน้อยมาก รถยี่ห้อเยอรมันวิ่งเกลื่อนถนน โตโยต้า โตโยต๋อย ฯลฯ นานๆจะเห็นโผล่มาวิ่ง แสดงว่าจีนเจ็บแล้วจำ

พระยาพระคลังหนเอาเรื่องสามก๊กมาแต่งเป็นตำราให้เราได้เรียนได้อ่านสนุกมาก ตัวเอกๆมีเต็มเรื่อง อ่านกันจนตาแฉะ สนุกจนวางไม่ลง จูล่งงี้ เตียวหุยงี้ จิวยี่งี้ กวนอูงี้ โจโฉงี้ ล้วนได้รับบทเด่นแบบไม่ซ้ำกัน นักประพันธ์แต่งออกมาได้อย่างอลังการ สอดแทรกจริตของมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง เราได้เห็นความเก่งของคนที่อยู่ในแต่ละบทบาทของตนเอง โดยเฉพาะขงเบ้งเก่งกาจครบถ้วนตำราพิชัยยุทธ สามารถเอาธรรมชาติ-ดิน-ฟ้า-อากาศ-มาเป็นอาวุธ ตรงจุดนี้ท่านที่สนใจเรื่องผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรือเพทภัยต่างๆรวมทั้งอุทกภัยที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก น่าจะนำมาพิจารณาวิธีจัดการกับปัญหาในอดีต แทนที่ขงเบ้งจะมองว่าเป็นวิกฤติกลับใช้ปัญญาหาทางเอามาใช้เป็นประโยชน์เป็นอาวุธสู้ศึกสงคราม ทัศนะคติแบบขงเบ้งคงจะไม่โดนใจคนยุคนี้แล้วกระมัง

ยกตัวอย่างเบื้องหลังและเหตุผลที่สร้างกำแพงเมืองจีน

กำแพงที่ว่านี้มีการใช้ประโยชน์แตกต่างกันไปตามเหตุและปัจจัยแห่งยุคสมัย

ทุกวันนี้กำแพงเมืองจีนเป็นเหมือนไข่ห่านทองคำ

กอบโกยเงินจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกวันละกี่ล้านหยวนก็ไม่รู้

ถ้าแรงงานก่อสร้างกำแพงรับรู้ได้

เขาคงจะดีใจที่หยาดเหงื่อแรงงานยังช่วยแก้วิกฤติให้ชาติได้ต่อเนื่องยาวนาน

(จีนโพ้นทะเลทุกคนปรารถนาที่จะมากราบไหว้บรรพบุรุษอย่างน้อยคนละครั้ง)

ตอนผมเป็นเด็กๆรับทราบข่าวคราวเมืองจีนจากอาก๋ง ที่แตกกระเซอะกระเชิงมาจากเมืองจีน ชาวจีนโพ้นทะเลจำนวนมากหนีตายกระจายไปทั่วโลก เมื่อเหตุการบ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ชาวจีนที่ไปทำมาหากินแข็งขันอยู่ทั่วโลกต่างมีฐานะดี ได้ระลึกถึงบ้านเกิดเมืองนอน คิดถึงญาติพี่น้องที่อยู่ในหมู่บ้านที่ตนจากมา ได้หวลกลับมาเยี่ยมยามบ้านเกิด กอดกันร่ำไห้ที่จากกันนานเกือบชั่วชีวิต เอาแค่ที่สายญาติจีนเดินทางมากราบไหว้บรรบุรุษ สายการบินไชน่าแอร์ไลน์ก็มีผู้โดยสารให้บรรทุกจนตุงไปตุงมาแล้วละครับ สถานการณ์เปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดี ชาวจีนโพ้นทะเลทั่วโลกต่างหวนกลับมาทำมาค้าขายกับแผ่นดินเกิดกันอย่างก้าวกระโดด จากภาษาและวัฒนธรรมเดียวกัน วันนี้จีนมีมืออาชีพเชิงรุกทางเศรษฐกิจทุกระดับ ที่ยากจะหาประเทศไหนเทียบได้ ที่มีต้นทุนทางสังคมและวัฒนธรรมที่ไม่ต้องไปส่งเสริม หรือสร้างเวทีการค้าขายให้ยุ่งยาก

(เข้าพบเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ตัวจริง)

วันนี้นักการค้าเชื้อชาติจีน นั่งลงเจี๊ยะเต้ เจี๊ยะโต๊ะจีนเพิ่อกระชับการค้าขาย

ไม่ได้เจี๊ยะโต๊ะจีนพร่ำเพรื่อตามงานแต่งเหมือนในบางประเทศ

ผมได้ไปพบเห็นกระบวนการที่ว่านี้ในมุมเล็กๆที่น่าประทับใจ

ได้เดินทางไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตเครืองมือการเกษตร

เมื่อคณะเราเดินทางไปถึง ทางบริษัทเชิญเข้าไปห้องรับรอง แจกยาซองยี่ห้อดังให้สูบ เอาน้ำท่าผลไม้มาเลี้ยง แล้วนั่งลงถามสารทุกข์สุกดิบกัน เว้าวอนเรื่องไกลตัวแล้วโยงเข้ามาหาเรื่องเฉพาะหน้า บอกเล่าว่าบริษัทแห่งนี้ดำเนินธุรกิจในด้านใดมีทิศทางอย่างไร หลังจากนั้นพาเราเดินชมสินค้าตัวอย่าง แจกแค๊ตตาล็อกให้กลับมาพิจารณา แล้วเชิญไปห้องอาหารของบริษัท มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆเข้ามาร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ประธานบริษัทลงมือเสริฟ์อาหารให้แขก ชวนยกถ้วยเหมาไถให้ดื่มกันเป็นระยะ อาหารจากห้องครัวบริษัททยอยมาไม่ขาดสาย แก้วพร่องเมื่อไหร่เติมๆ คุยกันหน้าแดงเหมือนลูกตำลึงสุก เสียงหัวเราะท่ามกลางความชื่นมื่น ความสนิทสนมเป็นกันเองภายใต้วัฒนธรรมเดียวกัน จุดนี้แหละที่การค้าขายขยายตัวของจีนแข็งโป๊ก ตอนจะกลับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายมาร่วมร่ำลา ท่านประธานแจกของที่ระลึกให้เราคนละกล่อง

เป็นของฝากที่ไม่เหมือนใคร

บริษัทนี้ผลิตเครื่องมือการเกษตรและปังตอชั้นดีส่งขายทั่วโลก

ผมนะเสียดายที่ไม่อาจนำมีดปังตอที่ว่านี้ผ่านด่านเอ๊กซเรย์มาฝากโฉมยงได้

แม้จะมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงช่วยเจรจา ..ว่านี่..เป็นตัวอย่างสินค้าเปิดตลาด

แต่เจ้าหน้าที่ก็ต้องยึดถือระเบียบ ล้งเล้งกันจนสนามบินแทบแตก

แล้วก็แห้ว ..ต้องทิ้งกล่องของฝากเจ้าปัญหาไว้ที่จุดตรวจ

ฝากไว้ก่อนเถอะโอราฬ..

(จีนสร้างงานให้รองรับแรงงานในประเทศอย่างกว้างขวาง)

จากการที่เคยทราบว่าจีนมีพลเมืองมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก จำนวนประชากรที่ว่านี้เป็นปัญหาทำให้เกิดความอดอยากไปทั่วทุกหัวระแหง คนจีนล้มตายไปจำนวนมาก ทำให้ประเทศชาติอ่อนแอทรุดโทรม กลายเป็นประเทศมีปัญหาจนยากที่จะฟื้นขึ้นมาได้ แต่..วันนี้ สิ่งที่เข้าใจว่าเป็นตัวปัญหาไม่ใช่แล้ว จีนได้ทุ่มเทงบประมาณสร้างสิ่งสาธารณูทั่วประเทศขนานใหญ่ ไม่ว่าจะไปเมืองไหนจะเห็นโครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัยผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ตอหม้อเรียงรายสุดลูกหูลูกตา ถนนหนทาง สะพาน ทางรถไฟสร้างกันเป็นว่าเล่น รถแล่นไปเจอภูเขาก็เจาะอุโมงค์ไม่รู้กี่พันกี่หมื่นอุโมงค์ ตรงไหนที่ต่ำก็สร้างสะพานพาดผ่าน ทำให้การสัญจรมวลชนแพร่กระจายไปทั่วทุกหัวเมือง รถไฟจีนวิ่งด้วยกระแสไฟฟ้าทั้งประเทศ เส้นทางเดินรถไฟไม่ใช่แค่มีรางคู่ให้รถวิ่งสวนกันเท่านั้น แต่มีรางรถไฟคู่ขนานหลายรางหลายระดับ มีทั้งรถไฟหัวกระสุนวิ่ง300กม./ชั่วโมง รถไฟธรรมดาวิ่ง 120 กม.บ้าง วิ่ง 140 กม./ชั่วโมงบ้าง มีให้เลือกโดยสารกันไม่อั้น แม้แต่รถเมล์วิ่งในเมืองสายตรงก็ใช้ไฟฟ้าเช่นกัน

(ไม่ต้องขี้ตามช้าง เปลี่ยนรางกว้างขึ้น สร้างรางคู่ วิ่งได้ 140 กม./ชั่วโมงก็ไปโลดแล้วเมืองไทย)

การที่จีนลงทุนสร้างงานขนานใหญ่ทั่วประเทศ

เลือกทำจุดที่สำคัญๆเช่นระบบการสัญจรมวลชน

จีนทุ่มเทลงทุนหางานให้คนในชาติทำกันอย่างทั่วถึง

เ ป็ น โ ค ร ง ก า ร จี น เ ข้ ม แ ข็ ง ที่ เ ห็ น เ ป็ น รู ป ธ ร ร ม ชั ด เ จ น

ดีกว่าโครงการหาความเข้มแข็งไม่เจอในบางประเทศ

ที่เอางบประมาณที่กู้มามากมายมาทำถนนปลอดฝุ่นแต่ไม่ปลอดหลุม

สุดท้ายก็ไอไม่ออกบอกไม่ได้ว่าความเข้มแข็งอยู่ตรงไหน

จัดอบรมบ้าๆบอๆกันเป็นว่าเล่น

ตั้งกองทุนลดแหลกแจกแถมสารพัด

ใช้วิธีอีแอบซื้อเสียงแบบถาวร

เรื่องค่าแรง 300 บาทก็บ้องตื้นเต็มที

ถ้ารัฐฯสร้างงานแบบเมืองจีน ค่าแรงมันจะไต่เต้าไปเองตามความสามารถและฝีมือ

ไม่ใช่มามัดมือชกด้วยข้อจำกัดแบบปัญญานิ่มๆ

เมื่อเป็นเช่นนี้

ถามว่า..เรากำลังยืนอยู่จุดไหนในแผนพัฒนาของชาติ

แผนที่ลดแหลกแจกแถมนี่นะรึ..แผนพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของชาติยุคนี้

โธ่ ๆ ๆ   ค ว า ย เ อ้ ย  ! !

นึกว่าขายไปทำเป็นลูกชิ้นหมดแล้ว

ใครจูงควายเข้าสภาช่วยดูแลรับผิดชอบให้ดีด้วยนะโว..

(รถไฟหัวกระสุนวิ่งพล่านไปทั่วจีน นั่ง400 กม.ค่าตั๋ว800 บาท)

การที่จีนมีประชากรจำนวนมาก รัฐบาลลงทุนสร้างสาธารณูปโภคไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด ก็มีผู้ใช้บริการเต็มเอี๊ยดรออยู่แล้ว ไม่ต้องพะวักพะวงว่าจะถึงจุดคุ้มทุนเมื่อไหร่ จีนไม่ต้องพะวงจุดคุ้มทุนหรอกนะครับ มี จุ ด ล้ น ทุ น รองรับอยู่แล้ว ผมคิดเอาเองตามประสาคนรู้น้อย.. ในอดีตที่ประชากรจีนอดอยากอย่างแสนสาหัส น่าจะมาจากการบริหารจัดการทางด้านการเมืองการปกครอง เมื่อท่านเมาเซตุงรวบรวมจีนเข้าเป็นปึกแผ่น จีนยุคใหม่ได้สร้างคนในชาติให้เป็นมนุษย์พันธุ์อึด ยอมสู้กับความเหนื่อยยากเพื่อหนีจากจุดที่ตกต่ำสุดขีด เมื่อไม่มีตัวถ่วงตัวแปรในสังคม พลังของจีนจึงโชติช่วงชัลวาลย์  ต ร ง จุ ด นี้ ท่ า น เ ม า เ ซ ตุ ง เ ก่ ง ก ว่ า ข ง เ บ้ ง อีกนะจิบอกไห่ ท่านขงเบ้งที่ว่าแน่ๆ ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้บ้านเมืองที่ตนเองดูแลได้สำเร็จ เรื่องนี้ผมไม่ได้ดูถูกท่านขงเบ้งหรอกนะ บางที่เรื่องราวมันต่างกรรมต่างวาระกัน เอามาเทียบกันไม่ได้หรอก พูดให้เห็นไปตามสไตล์แซ่เฮ..ก็แค่นั้น ..ไม่ต้องให้กวนอูลากง้าวออกมา ผมก็เผ่นแล้ว

เรื่องกระบวนทางสังคมมีท่านผู้รู้ออกความเห็นไว้ว่า..

สังคมเรานับตั้งแต่วิกฤติต้มยำกุ้งเป็นต้นมา ได้สร้างผลพลอยได้แห่งพลวัตรแห่งการแปรสภาพของชาวไร่ชาวนาและชาวบ้านที่สงบเสงี่ยม ภักดีต่อนายผู้รู้ดีและกุมชะตากรรมในกลไกอุปถัมภ์แบบดั่งเดิม ไปสู่ชาวบ้านผู้รู้โลกกว้างที่ต้องการมีส่วนร่วมอำนาจในพลังของตนเอง อย่างมั่นใจในพลังของตนเพื่อสร้างประชาคมใหม่ ที่ไม่มีใครมาสั่งการชี้นิ้วตามใจชอบได้อีกต่อไป เพียงแต่กระบวนการ “สร้างความฉลาดของฝูงชน” ยังอยู่ในช่วงเส้นโค้งแห่งการเรียนรู้ที่ต้องการเวลาอันยาวนานพอสมควรกว่าจะคุ้นเคย เรียกร้องความกล้าหาญมวลรวมที่พร้อมจะเดินสู่อนาคตที่คลุมเครืออย่างไม่หันหลังกลับ คุณค่าทางวัฒนธรรมที่เปลี่ยนไปอย่างลึกซึ้งเงียบเชียบเช่นนี้ หากจะมีใครขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยข้ออ้างความมั่นคงทางสถาบันหรือรัฐ หรือด้วยคำสาปแห่งอนาคตที่พิสูจน์ไม่ได้ใดๆ ยังจะควรมีสาระให้น่าเชื่อถืออีกหรือ จาก: วิษณุ โชลิตกุล

ผมยังติดใจเกี่ยวกับความก้าวหน้าของจีน ยุคท่าน เจียง เจ๋อ หมิง ประธานาธิบดีลำดับที่ 3 ต่อจากท่านเหมาเจอตุงและท่านเติ้งเสี่ยวผิง ท่านเจียงเจ๋อเหมิง ได้รับการแต่งตั้งเป็นเลขาธิการพรรคหลังเหตุการณ์เทียนอันเหมิน จากนั้นไม่นานได้ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีจีน ช่วงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ได้ปฎิรูปเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ได้ดึงพรรคพวกจากเซียงไฮ้เข้ามารับตำแหน่งในรัฐบาล ได้ยกเลิกสมาชิกที่ปรึกษากลางที่เป็นผู้อาวุโสของพรรค ตลอดเวลาการดำรงตำแหน่ง เป้าหมายแรกคือสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ และนโยบายหลักที่สำคัญที่สุดคือความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้ากับต่างประเทศ

การไปเซียงไฮ้ครั้งนี้ก็เพื่อจะดูฝีมือนักพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจ ที่ท่านเจียงเจ๋อเหมิงและพรรคพวกสร้างไว้ในช่วงที่เป็นนายกเทศมนตรีเมืองเซียงไฮ้ในปี พ.ศ.2528  เซียงไฮ้วันนี้เป็นมหานครในยิ่งใหญ่มโหราฬไม่แพ้นครใดๆในโลก ใครไปเดินที่สนามหน้าอ่าวของเมืองเซียงไฮ้จะได้คำตอบด้วยตัวเอง และถ้ามีเวลาไปชมอาคารแสดงร่องรอยทางวัฒนธรรมที่เสนอด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ก็จะทราบต้นสายปลายเหตุของความเปลี่ยนแปลงของแต่ละยุคสมัยของจีน อาคารที่ว่านี้ประมวลความเป็นจีนที่สามารถโชว์ได้ทุกมิติทุกด้าน นับแต่แบบแปลนอาคารสีแดงที่ออกแบบเป็นรูปไม้ไขว้กันเป็นชั้นๆ เห็นปุ๊บก็รู้ปั๊บ..นี่แหละจีน การแสดงภายในได้ปลุกสำนึกให้ชาวจีนได้ทราบแนวโน้มและแนวทางการพัฒนาชาติที่ทันสมัยในทุกแง่มุม เป็นสื่อแสดงที่ลึกซึ้งให้คนในชาติร่วมกันตระหนัก พากพูมใจในชาติของตน โดยไม่ต้องร้องเพลงชาติ

ตามข่าวเล่าว่าตั้งแต่เปิดอาคารนี้มาเมื่อปีที่แล้ว

มีผู้คนสนใจแวะเยียนมาชมอย่างล้นหลามทุกวัน

ช่วงที่เปิดใหม่ๆมีผู้คนมารอชมนาน6-8ชั่วโมง

แม้แต่ช่วงที่ผมไปก็ต้องเข้าแถวยาวเยียด

ยืนรอยืนไหลไปตามช่องที่เขาสร้างให้คนเดินหมุนเวียนฆ่าเวลา

ด้วยเวลาที่จะมองจีนอย่างจำกัด ก็นับว่าคุ้มค่ากับการที่ยอมยืนขาแข็งครึ่งวัน

ไปที่จีนจะต้องปรับตัวเป็นมนุษย์พันธุ์อดทนรอให้ได้

ยกเว้นบางเรื่องที่ต้องเร็ว เช่น

  • คนจีนเจี๊ยะเร็วกว่าเรา 3 เท่า
  • คนจีนพูดเร็วว่าเรา 2 เท่า
  • คนจีนพูดเสียงดังกว่าเรา 3 เท่า
  • คนจีนเดินเร็วกว่าเรา 2 เท่า
  • คนจีนอาบน้ำเร็วกว่าเรา 2 เท่า

ยังมีเรื่องกินเหล้า-สูบบุหรี-เล่นการพนัน ไม่สามารถประเมินได้ว่าอยู่ในระดับไหน โดยเฉพาะการสูบบุหรี่ ไปที่ไหนๆก็เหม็นแต่ควันบุหรี่ แม้แต่ในห้องพักของโรงแรม เจอหน้าเป็นควักบุหรีมาแจกกันพ่นควันยังกับปล่องโรงสี ก้นบุหรี่ทิ้งเกลื่อน นึกไม่ออกว่าทำไมรัฐบาลจีนไม่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องนี้ ราคาบุหรี่ก็แพงใช่ย่อย ยี่ห้อดีๆซองหนึ่ง50 บาท ถ้าคนจีนบุหรี 2-300 ล้านคน วันหนึ่งๆจะสูบหรี่ทั้งหมดกี่มวน โรงพยาบาลมีภาระเรื่องการดูแลรักษาโรคทางเดินหายใจมากกว่าประเทศอื่นหรือไม่ คิดแล้วปวดเฮดเปล่าๆ ความสุขของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สูบบุหรี่ยังดีกว่าสูบเลือดสูบเนื้อคนยากจน หรือดีกว่าพวกสูบงบประมาณแผ่นดินมาผลาญเล่น

ลองถามอาหมวยว่าทำไมคนจีนจึงนิยมสูบบุหรี่กันมากนัก

หมวยตอบว่า..เวลาอู้งานควักบุหรี่มาสูบหัวหน้างานไม่กล้าว่า ถือว่าพักเหนื่อย

ที่จริงน่าจะมีเหตุผลที่มากกว่านี้

เห็นทีจะต้องกลับไปถามหมวยใหม่

ทำไม ทำไม หมวยถึงติดบุหรี่

อย่างหมวยนี่..ต้องการอู้งานด้วยเรอะ

นั่งรถไฟ ไปเจอเด็กเล็กๆชั้นประถมเอาไพ่ขึ้นมาเล่นกัน โดยที่ผู้ปกครองไม่ได้ว่าอะไร สงสัยจะเป็นทายาทของพวกผีพนันก็ไม่รู้นะ แทบทุกเมืองที่ผ่านไปเห็นนักเลงพนันนั่งล้อมโต๊ะโจ้ไพ่กันหน้าร้านบ้าง ริมถนนบ้าง ในห้องบ้าง เล่นกันหน้าดำหน้าแดงทั้งหญิงทั้งชาย ตรงนี้ก็แปลกที่รัฐบาลให้เสรีภาพในการพฤติตนเอง รับผิดชอบตัวเอง คนที่ไม่ชอบการพนันก็ตั้งหน้าทำมาหากินกันไป แม้แต่เด็กหนุ่มสาวส่วนมากก็ทำงานขยันขันแข็ง ไม่ได้ไปหมกมุ่นเล่นการพนันทุกคนหรอกนะเธอ เป็นสิทธิเสรีภาพที่จีนยกให้ประชาชนตัดสินใจเลือกเอง จะประพฤติตนเป็นผีการพนัน หรือเป็นคนดีขยันขันแข็งก็เลือกได้ ไม่เดือดร้อนตำรวจ ไม่รบกวนห้องขัง ถึงจับไปก็ยังต้องเลี้ยงข้าวเป็นภาระเปล่าๆ

รึ รัฐบาลจีนตรงไปตรงมา

เห็นว่าบางเรื่องยากที่จะดัดสันดานด้วยกฎระเบียบ

สู้ปล่อยให้อิสระเสรีเล่นกันไปจนกว่าชีวิตจะเจ๊งไปข้างหนึ่ง

อย่างในบางประเทศ ถึงจะมีกฎหมายมีมาตรการบังคับมากมายก็ไม่ได้ผล

ทำไปก็ลูบหน้าปะจมูกเปล่าๆ

คนมันจะเล่นการพนัน

หมากัดกันยังเดิมพันเป็นหมื่นเป็นแสน

เรื่องนี้คิดเล็กก็เล็ก คิดให้ใหญ่ก็ใหญ่

ผ ม ยั ง เ ดิ ม พั น กั บ ตั ว เ อ ง ว่ า . .

อ่านมาถึงตรงนี้จะมีคนยิ้มไหมนะ คิ คิ ..

ถ้าตัวเองยิ้มบอกด้วย  จะส่งของฝากจากเมืองจีนไปให้ อิ อิ..

:: ข้อฉุกคิด

- ไม่ควรเอางบประมาณไปสร้างสนามบิน แต่ไม่มีเครื่องบินไปลง

- เรื่องการรถไฟควรจะแก้ไขเปลี่ยนรางให้กว้างขึ้น ทำรางคู่ทั่วประเทศ

- จะช่วยให้การเดินทาง การขนส่งมวลชน ก้าวหน้าอย่างเป็นรูปธรรม

« « Prev : ตอนจีนเตี๊ยะบุกจีนแผ่นดินใหญ่

Next : เศรษฐกิจพอเพียงสไตล์จีน » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

4 ความคิดเห็น

  • #1 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 กรกฏาคม 2011 เวลา 18:17

    เย้ มาอ่านๆๆ ค่ะ

  • #2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 กรกฏาคม 2011 เวลา 20:49

    อยากจะปลูกกล้วยหักมุกสัก 100 ต้น
    อุ้ยพอมีพันธุ์แบ่งไหมครับ
    ส่วนหนึ่งจะขอแบ่งที่โรงเรียนมิม
    แต่คงจะได้ไม่มากนัก ไม่ทราบว่าที่ไหนมีขายพันธุ์กล้วยหักมุกบ้าง
    จะปลูกไว้เจี๊ยะเองทุกวันๆๆๆๆ อิ

    คาดว่า กลางเดือนหน้าจะไปลำพูน-เชียงใหม่ อีกสักรอบ
    ถ้ามีพันธุ์กล้วยก็จะไปขนมาช่วงนั้น คร๊าบบบบบบบบบ

  • #3 withwit ให้ความคิดเห็นเมื่อ 29 กรกฏาคม 2011 เวลา 0:52

    วังแวร์ซาย บัคกิ้งแฮม กำแพงเมืองจีน ทัชมาฮาล ปิรามิดอีจิปต์ ต่างเหมือนกันที่สร้างมาด้วยหยาดเหงื่อและแรงงานทาสหลายแสน ล้าน …ผมว่ามันน่าหดหู่ นะบาท่าน

    ส่วน นเรศวรมหาราช ของเรา อำนาจล้นฟ้า จะตัดหัวสักแสนก็ได้ กลับสร้างแค่วังจันทรเกษม อันเล็กจิ๊ด …แต่วันนี้รัฐบาลไทยไม่รู้ประสา ไม่หากินกับสิ่งเล็ก ด้อยๆนี้ แถมสอนโลกได้อีก ให้สันโดษ พอเพียง ..เห็นของเขาใหญ่ๆ ก็ได้แต่อ้าปากหวอ

    …ไม่โทษใคร นอกจากนักเลือกตั้งไทย

    ฉลาดที่สุด..จีน โง่ที่สุด..จีน
    ขยันที่สุด..จีน ขี้เกียจที่สุด…จีน (มีมากกว่าคนขยันพันเท่า แต่สื่อเอาแต่เรื่องขยันมาแฉ)
    สกปรกที่สุด…จีน (ขาก ถุย ส้วมสุดเหม็น ได้ข่าวว่าวันนี้พอดีขึ้นหน่อย เพราะโดนด่ามามาก )

  • #4 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 29 กรกฏาคม 2011 เวลา 4:19

    เรื่องสุดโต้ง เรื่องพิเศษ เรื่องพิลึกพิลั่น หาได้ที่จีนไม่มีที่สิ้นสุด
    การที่ประชากรมาก สะสมปัญหาไว้มาก จีนยุคนี้้กำลัง สะสาง คลี่คลายปัญหา
    การศึกษาวิธีแก้ปัญหาด้านการเมือง-สังคม-เศรษฐกิจ ของจีน จึงน่าจับตามมอง
    เขาทำอย่างไร สิ่งที่ทำเกิดผลอย่างไร อะไรที่เป็นปรากฎการณ์ใหม่

    โจทย์ ของประเทศจีน ใหญ่และยุ่งยากกว่าของเรา 22 เท่า
    แต่จีนกำลัง เห็นทางออก แต่ของเรามองเห็นรูเข็มที่ปลายอุโมงค์แล้วหรือยัง

    ท่านจอหงวนงัดประเด็นออกมา ก่อกวน จิตใจของผู้ที่ไม่รู้จะ ทำยังไง

    …แล้วยังไงต่อละ ถึงจะมะรุมมะตุ้มรับปัญหา ใช้ปัญญามองร่วมกันอย่างไร?

    เมืองไทยมีคนคัน แต่ไม่มีคนเกา แถมยัง ทำท่าจะเป็นเกาเหลา เสียอีก

    อิอิ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 1.3367369174957 sec
Sidebar: 0.36057901382446 sec