ช่องทางที่จะเป็นแขกถั่ว
ถั่วคำเดียวสั้นๆแต่มีความหมาย เช่น “กำถั่ว” “ตาถั่ว” แต่ช่วงนี้จะลุยเรียนเรื่องถั่วสิลงเป็นหลัก ส่วนถั่วอย่างอื่นชะลอไว้ก่อน เอาไว้ตอนเข้าด้ายเข้าเข็มถึงจะไปชวนมาเรียงล่ายซ่าย เท่าที่ดูข้อมูลแวดล้อมแล้ว ถั่วน่าจะเป็นพืชที่มีอนาคตอย่างมาก นำไปแปรูปได้สาระพัด ทั้งอาหาร-เครื่องสำอางค์-ยา-และพลังงาน หลายประเทศในแถบใกล้เคียงเรามีการส่งเสริม ไล่มาแต่ประเทศจีน-เวียดนาม-ลาว และไทยเรา ซึ่งดูจะมีศักยภาพในการปลูกมากกว่าประเทศอื่น แต่พักนี้ก็ล้าๆกันไป เหลือไม่กี่จังหวัดที่ยังสนใจพวกถั่ว ส่วนมากจะเป็นเกษตรกรรุ่นเก๋าส์ ก็ ป ร ะ เ ภ ท โ ก๋ แ ก่ นั้ น แ ห ล ะ เ ธ อ
สมัยผมเป็นเด็กๆ ช่วงที่เตี่ยมาบุกเบิกทำไร่ หลังจากหักร้างถางพงก็จะปลูกถั่วลิสง-งา-เดือย-ข้าวไร่ ชั้นหลังถึงมาปลูกนุ่นจนเต็มพื้นที่ หลังจากนุ่นวายก็เปลี่ยนมาปลูกปอ-มันสำปะหลัง-ข้าวฟ่าง-ข้าวโพด และถั่วลิสงบ้าง แต่ไม่ได้ปลูกมากเหมือนในยุคแรกๆ ที่ว่าปลูกมากหมายถึงปลูกแต่ละฤดูกาลประมาณ 3-400 ไร่ ได้ฝักถั่วที่ตากแห้งแล้วกองเป็นภูเขาย่อมๆ สมัยนั้นไม่มีไฟฟ้า ต้องใช้แรงงานคนสีถั่ว คัดถั่ว บรรจุใส่กระสอบป่านส่งเข้ามาขายในกรุงเทพนี่แหละ ขายผ่านบริษัที่ปั๊วอีกที ปีหนึ่งๆ 4-5 รถ 10 ล้อ
แปลงปลูกถั่วจะมองเห็นต้นถั่วเขียวปูพื้นลิบๆ ช่วงที่ถั่วออกดอกจะมีผึ้ง-แมลงต่างๆบินมาตอมผสมเกสรให้ถั่ว ช่วงที่ถั่วแก่ต้องรีบถอน ไม่ยังงั้นหนูกระแตมาคุ้ยกินถั่วเหมือนกัน ..ยายจะถอนถั่วต้นที่แก่จัดมาหมกเตาไฟ เรียกว่าถั่วหมก เแกะกินร้อนๆจะหอมมันส์อร่อยกว่าต้มมากนัก กินไม่หมดก็เอาไปตากแห้ง เป็นการถนอมอาหารแบบง่ายๆ เอามาแกะเนื้อถั่วจะแข็งแต่มีรสมันส์มาก บางครั้งยายก็เอาถั่วที่ว่านี้ต้มใส่ขาหมู อร่อยมันส์ยกกำลัง2 เชียวแหละ สมัยนี้เรารู้จักแต่ถั่วต้ม ถั่วโก๋แก่ หรือไม่ก็ถั่วบดเนื้อละเอียดที่ฝรั่งทำขายเอาไว้ป้ายขนมปังเจี๊ยะ
ประชากรหลายประเทศนิยมบริโภคถั่ว
คนที่ขายถั่วเก่งที่สุดในโลก
น่าจะได้แก่แขกขายถั่ว
แบกกะบะที่ทำเป็นช่องๆใส่ถั่วหลายชนิด
ตักใส่ซองกระดาษเล็กๆขาย5บาท 10 บาท แถมเกลือเค็มๆมันส์ๆ
ปัจจุบันไม่ค่อยเห็นแล้ว
ส ง สั ย ห นี ไ ป ข า ย ก ล้ ว ย แ ข ก
ปล่อยให้พี่ไทยหิ้วตระกร้ายึดอาชีพขายถั่วต้มแทน
ถั่วเป็นพืชที่มีไรโซเบี้ยมที่ปมรากช่วยบำรุงดิน ต้นถั่วเป็นอาหารอาหารสัตว์ได้ดี เปลือกถั่วผสมดินปลูกไม้กระถาง ทุกส่วนของถั่วเป็นประโยชน์ แต่เกษตรกรลดความสนใจหันมาทำสวนยางสวนอ้อยกันมากกว่า ทั้งๆที่ถั่วใช้เวลาปลูกสั้นๆ 110 วันเท่านั้น อุปสรรคน่าจะมาจากความแห้งแล้ง เพราะถั่วต้องอาศัยน้ำฝนช่วยให้แทงรากสร้างผล ถ้าช่วงที่กำลังติดฝักไม่มีฝนโอกาสที่จะเจ๊งจะมาเยือนทันที อนึ่ง โรคแมลง และความเสื่อมโทรมของสภาพดินน่าจะเป็นปัญหาสมทบที่ทำให้เกษตรกรท้อถอย พื้นที่ปลุูกถั่วจึงลดลงอย่างมาก เกษตรกรยุคนี้จะต้องมีวิธีการปลูกถั่วที่พัฒนาการ ต้องจัดการนับต้ังแต่พันธุ์ถั่ว การเตรียมดิน บำรุงดิน ดูแลรักษา ให้น้ำช่วยตามความจำเป็น ใช้เครื่องจักรเบาช่วยปรับปรุงคุณภาพสินค้า
ปีนี้จะทดลองปลูกถั่วที่จังหวัดนครพนมเป็นส่วนใหญ่
ที่สวนป่ากจะปลูกบ้างเพื่อเป็นการเปรียบเทียบ
ใช้พันธุ์ กข.6 และ และพันธุ์ที่รู้จักกันทั่วไปว่า ถั่วพระราชทาน
อีก 3-4 เดือน ก็คงจะทราบผลว่า
จะเป็นแขกขายถั่ว หรือ ถั่วขายแขก
ชิมิ ชิมิ
Key word . “เกิดมาไม่อยากเรียนรู้ ไม่รู้ว่าเกิดมาทำซากอะไร “
Next : จดหมายรักถึงเจ้าหลานเท่ห์ » »
3 ความคิดเห็น
ผมโทษ นักวิชาการไทยอีกแล่ว ..พวกเขาไม่วิจัยให้ดีว่า อะไรดี ไม่ดี ต้องให้ชาวบ้านมาคิดมาลองกันเองให้เปลืองเวลา
ผมเป็นคนชอบกินถั่วมากๆ (สงสัยเลยทำให้ตาถั่ว มองคนไม่ออก มาจนป่านนี้ ถูกเขาหลอกมาเรื่อย)
ถั่วลิสงเมกา ที่ว่าดังๆ ส่งขายทั่วโลก มาจากเวอร์จิเนีย กินมาเป็นยี่สิบปี ผมว่าไม่ได้เรื่อง สู้ถั่วไทยไม่ได้ ยกเว้นมันพะยี่ห้อ “ทองการ์เด้น” นึกว่าของไทย เปล่า ของมาเลย์ ที่เข้ามาใช้วัตถุดิบไทย …ต้องยอมรับว่า ทอง เขาทำถั่วนานาชนิดได้หร่อยจริงๆ แม้พิตัชชิโอเขาก็หร่อยที่สุดเท่าที่เคยกินมา
ถั่วลิงสงนั้น คุณแม่ผมมักเอามาต้มไชโป๊กับกระดูกหมู หร่อยหลายเมื่อวัยเด็ก ตอนหลังผมเอามาประยุกต์ต้มกับจับฉ่ายเจ ก็อร่อยครับ
ถ้าเราขุดร่องน้ำไว้ริมรอบนา กักน้าไว้ พอเกียวข้าวเสร็จก็ปลูกถั่ว แล้วใช้น้ำในร่องรดถั่วไปพลาง ในขณะที่ปลาที่เลี้ยงไว้ก็โตไปพลาง บาท่านว่าพอมีทางเป็นไปได้ไหมครับ
เท่าที่ติดตามเรื่องปลูกถั่ว หลังจากถั่วพันธุ์พระราชทานเป็นที่นิยม มีผู้ใส่ใจปลูกถั่วอย่างประณีต ในร่องสวนภาคกลาง เป็นอย่างที่ท่านจอหงวนอยากเห็น แต่ยังไม่มากนัก น่าจะขยายได้อีก อิ
ผมว่าน่าสนมากครับ เป็นระบบชลประทานที่เหมาะกับนาข้าว ทำให้ได้ผลผลิตเป็นสองเท่า แถมได้ดินดีจากถั่ว กลายเป็นสามเท่า นานๆไปคิดต่อยอดไปเรื่อยอาจเป็น 10 เท่า …เอ้าเดี๋ยวรวยกันใหญ่แล้วไม่ยอมขายเสียง ..ว้า..แล้วแบบนี้นักการเมืองเขาจะหนับหนุนหรือ ?