ตอนเจ๊คนสวย
อ่าน: 1743ถึงดอนเมืองช่วง 10 โมง ขาใหญ่มารับ คุยกันว่าจะยังไม่เข้าโรงแรม ขอลุยตลาดไทก่อน ตั้งใจไปดูการจำหน่ายถั่วลิสงพันธุ์พระราชทาน.. ถ้าเราสังเกตุช่วง1-2ปีมานี้ จะมีแม่ค้าย่อยหิ้วตระกร้าขายถั่วลิสงต้มลูกโตๆ ตวงใส่กระป๋องนมข้นราคา 20 บาท ประเมินว่าถั่วต้ม 1 ก.ก.ขายปลีกได้ 100บาท คิดว่ารายได้คงดีและเป็นที่นิยมของผู้บริโภค ไม่งั้นจะมีถั่วต้มขายตรงแข่งกับรอตเตอรี่รึครับ จุดนี้เองที่ดึงความสนใจของขาใหญ่ บอกว่า..ถ้าปลูกไม้ยืนต้นแล้ว ช่องว่างระหว่างแถวควรจะปลูกพืชอายุสั้นควบคู่กันไปด้วย เรามีหลายตัวเลือก ที่คิดว่าจะปลูกไล่เลี่ยกันไปตามความยากง่ายของการหาเมล็ดและต้นพันธุ์ พืชที่หมายตาไว้เช่น
ถั่วลิสง-กระเจี๊ยบแดง-ขิงจากเมืองจีน-ข่าเหลือง-โล่ติ๊น
ส่วนไผ่กิมซุงหาซื้อต้นพันธุ์ได้แล้ว ต้นละ 50 บาทขาดตัว
สั่งซื้อ 1,500 ต้นX50บาท= 75,000บาท
เป็นการสนับสนุนชาวจังหวัดร้อยเอ็ดที่ตอนไม้ไผ่กิมซุงขาย
สมัยที่ท่านรอกอดส์ ซื้อมาฝากผมกิ่งละ 200 บาท
ถ้ารายเล็กปลูกกิมซุงครัวเรือนละ60กอ แล้วดูแลให้ดี
ในปีที่2แกจะมีรายได้จากการขายหน่อไผ่วันละ 200-300บาทตลอดปี
ช่วยให้มีรายได้ประจำวันสำหรับคนยากได้พอสมควร
ถ้าเป็นคนไม่นิ่งดูดายตอนกิ่งขายก็จะมีรายรับประจำวันเพิ่มขึ้นมาอีกทางหนึ่ง
ถ้าเห่อปลูกไม้ไผ่ตามกันเป็นบ้าเป็นหลัง..ก็ขนมาส่งตลาดไทนี่แหละ..
ตลาดไทยวันนี้ต่างกว่าเมื่อมาชมครั้งแรกมากมายนัก มีการจัดระบบจำแนกสินค้าขายส่งเป็นกลุ่มชนิดต่างๆ ติดป้ายตัววเบ่อเร้อว่าอาคารหลังไหนจำหน่ายสินค้าใด ผมคิดในใจ..ถ้าจะให้ชมอย่างที่ใจต้องการคงใช้เวลา 2 วัน เดินก็คงไม่ไหว ต้องนั่งขนเข็นไปชมที่่ละจุดละจุด ในฐานะเกษตรกรเห็นเรื่องพวกนี้ก็ตาโต อยากจะให้ชาวบ้านมาเห็นจังเลย จะได้รู้ว่าสินค้าพืชผลการเกษตรทั่วประเทศมาประชันกันอยู่ที่นี่ ทุกอย่างกองพะเนินเทินทึก แบ่งกันอยู่ในโซนของตัวเอง รถยนต์วิ่งเข้าวิ่งออกทั้งวัน เนื่องจากมีเวลาจำกัด เราจึงดิ่งไปหามุมที่ขายถั่วลิสงต้มและถั่วสิลงดิบ ถั่วดิบขายเป็นถัง ปริมาณ10ก.ก.ราคา 105 บาท
ตลาดไทนอกจากจะจำหน่ายสินค้าพืชผักพืชผลแล้ว
ยังมีหลายมุมที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์สืบเนื่องการทำมาหากิน
เอาไว้หน้าหนาวจะหาเวลามาลุยใหม่
วันนี้ต้องรีบไปต่อที่คลอง10อำเภอธัญบุรี จังหวัดประทุมธานี นานๆขาใหญ่จะได้มาแถบนี้ จึงหลงทางไปจนเกือบถึงจังหวัดนครนายก แต่ก็ดีครับ ได้ชมเรือกสวนไร่นาแถบนี้ เห็นแล้วก็อิจฉาคนที่ทำมาหากินในพื้นที่ระบบชลประทาน อยากได้น้ำเมื่อไหร่ก็ไขก๊อกเอาได้ แถมยังอยู่ใกล้ตลาดขนาดใหญ่อีก เกษตรกรภาคกลางจึงอยู่ดีกินดี แถวบ้านน้องจิ ปลูกผักกวงตุ้ง-คะน้า-มะระ-รับช่วงกินเจ แค่3-4ร่อง อย่างนึกว่าขี้ไก่นะครับ เขามาเหมาตัดทีรับเงินเข้ากระเป๋าเน๊าะๆเป็นล้าน ล้านบาทนะไม่ใช่ล้านกีบ
หลังจากหลงระเริงกับสภาพแปลกหูแปลกตา2ข้างทาง เราก็ย้อนกลับมายังคลอง10 ตามที่ต้องการ มองหาร้านปฎิพงษ์จักรกลการเกษตร (รังสิต คลอง10) จอดรถเอี๊ยด!หน้าร้าน วันนี้ไม่มีลูกค้าสักรายเดียว เจ๊เจ้าของร้านกำลังนั่งเปล่าเปลี่ยวหัวใจ เดินมายิ้มรับ แล้วพาชมเครื่องจักรกลการเกษตรต่างๆ ส่วนมากที่นี่จะชำนาญเรื่องเครื่องสับบดกิ่งไม้ เครื่องดายหญ้า เครื่องพรวนดิน เจ๊คนสวยพาเดินไปดูแผนกการผลิตที่โรงงานหลังร้าน ทดลองสับกิ่งไม้ใบไม้ให้ชมจะๆ เท่าที่ประเมินหยาบๆ สินค้าของบริษัทนี้คุณภาพและประสิทธิภาพดีมาก เหมาะกับเกษตรกรรายย่อย เครื่องพรวนดินราคาประมาณ 43,000บาท เครื่องสับกิ่งไม้ขนาดกลางราคา47,000บาท ถ้าขนาดใหญ่ราคาประมาณแสนเศษ
ตอนแรกๆคุยกันเจ๊แกวางท่าน่าดู
แต่พอคุยเจ๊าะแจ๊ะสักพัก เ จ๊ จ ะ ช ว น ใ ห้ เ ป็ น ตั ว แ ท น จำ ห น่ า ย
ชวนกินน้ำกินท่า หาเอกสารและแผ่นซีดีมาแจก
เปิดอกอธิบายประสิทธิภาพการทำงานที่มีจุดเด่นกว่าของเจ้าอื่น
ก่อนที่จะหลงคารมเจ๊คนสวย เราก็ขออำลา..ทิ้งสายสัมพันธ์ไว้ว่าวันหลังจะมาเยี่ยมเจ๊อีกแน่ๆ เพราะขาใหญ่มีความต้องการที่จะซื้อสินค้าหลายตัว เพลินกับเสน่ห์ของเจ๊ไปหลายชั่วโมง ดูนาฬิกาโฮ้โหจวนจะบ่าย2แล้ว ขาใหญ่นึกขึ้นได้ว่าที่คลอง10นี่มีร้านอาหารที่ดังมากชื่อ “เจ๊ดำ” ร้ า น เ จ๊ ดำ นี่ อ อ ก ที วี ห ล า ย ค รั้ ง ตามผนังร้านติดภาพคนใหญ่คนโตและดาราที่มาชิมสัก200ภาพได้ มีภาพเจ้านายเสด็จด้วยนะ ก่อนที่จะหิวชักดิ้นชักงอ รีบๆสั่งอาหาร เจ๊ดำตัวจริงมาจดรายการอาหาร อยากจะคุยหลายเรื่องแต่เวลาก็ไม่เหมาะไม่ควร จึงสั่งกุ้งแม่น้ำตัวโตขนาดแขนเผามาแบ่งกันคนละตัว ผ่าครึ่งมาเนื้อขาวมันปูเหลืองย่องเชียวแหละ เอามาคลุกข้าวกินเธอเอ๋ยเด็ดสาระตี่จริงๆ ตามด้วยผัดเผ็ดปลาดุก ต้มยำปลาบึก ตบตูดด้วยน้ำมะพร้าวอ่อนคนละลูก แค่นี้ก็อิ่มจนแทบคลานขึ้นรถ
วันนี้หลวงพี่ติ๊กโทรตามจะให้ไปยั่วระเบิดที่ปัตตานีวันที่ 10
โธ่หลวงพี่..ข้าน้อยก็นึกว่ายกเลิกก็เปลี่ยนโปรแกรมไปลาวสิครับ
หลวงพี่ท่านบอกว่าเขาเปลี่ยนสถานที่จึงส่งข่าวช้า
จึงแคล้วคลาดลูกระเบิด..ไม่ต้องใช้ บ ริ ก า ร ห ลว ง พ่ อ โ ก ย
ถึงโรงแรม อาบน้ำ แล้วนอนระโหยโรยแรง
หลับไปงีบหนึ่ง เจ้าหนูมิมโทรมาหา
บอกว่าจะขอนัดวันเวลาที่จะชาวโภชนาการมหาวิทยาลัยมหิดล
มาเที่ยวสวนป่าช่วงเข้าพรรษา วันที่ 15-16-17-18 เดือนกรกฎาคม 2545
มาช่วงฝนก็คงจะได้เจอผักเจอเห็ด
ส่วนจะจัดให้เป็นโภชนาการระดับไหนอย่างไร
ก็แล้วแต่ลูกหลานชูชกจะแสดงตามที่เธอต้องการ
key word : ” ความรู้ ซ่อนอยู่ในความไม่รู้ “
« « Prev : ร้อนวิชา
Next : ช่องทางที่จะเป็นแขกถั่ว » »
5 ความคิดเห็น
ตลาดไท ก็เหมือนเมือไท แหละครับ จริงๆแล้ว มีมาเฟียคุมการจัดคิว ใครจ่ายงาม ได้อยู่ทำเลดี ไม่ว่าสินค้าจะเลวปานใด ทางที่ดีควรทำเป็นแผนผังให้ลูกค้าเห็นได้ทั่วไปแล้วว่า วันนี้มีใคร มาขายอะไร ตรงไหน ไม่ใช่ให้เดินแกร่วมองหากันไปตามยถากรรม
เครื่องบด เครื่องสับ ทำกันมาก ครับ แต่มีแต่ข้อโม้ ข้อมูลมักไม่ค่อยมี เช่น อัตตราการใช้พลังงาน ความคงทน (ส่วนใหญ่ไม่ค่อยทน เพราะโลหะวิทยาไม่ค่อยถึง ทำกันแบบชาวบ้าน แล้วก็ผลิตขาย ไม่โทษเขาหรอกครับ โทษนักวิชาการมหาประลัยมากกว่า ที่ไม่ยอมลดตัวลงมาทำงานวิจัยแบบนี้กันหรอก)
น๊านนะสิครับ ทำไมไม่มาช่วยวิจัยเรื่องที่จำเป็น จะให้ช่วยกันฟื้นฟูภาคเกษตร อิ
ผมเป็น คกก. ตัดสินงานประดิษฐ์นวัตกรรม เพื่อให้รางวัลในระดับชาติ ที่พบประดิษฐ์กันมากที่สุดคือ เครื่องบด สับ ตัด นี่แหละครับ ส่งมาแข่งกันตั้งแต่ รศ.ดร. ถึงรากหญ้า ไม่จำกัดรุ่น ส่วนใหญ่ก็ไปดูและลอกฝรั่งมา แล้วเอามาปรับเล็กๆน้อย แต่พอถามลึกๆ ไม่มีใครคำนึงถึงเรื่องโลหะวิทยาและการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ (การประหยัดพลังงงาน)
การสับตัดนั้นโลหะจะสึกหรอได้เร็วมาก ถ้าไม่ออกแบบรองรับ รับรองว่าเปลี่ยนใบมีดกันบ่อยมากครับ และกระเป๋าสตังค์ก็อาจต้องเปลี่ยนบ่อยด้วย เพาะสึกหรอมากจากการควักบ่อย เพื่อจ่ายค่าไฟฟ้าครับ อิอิ
มีแบบหนึ่งที่เจ๊แกแนะนำใช้กับแก๊สได้ ถ้าเอาขี้วัวหมักทำแก๊สก็จะประหยัดเชื้อเพลิง
แกคุยว่าชั่วโมงละ 10 บาทเท่านั้น ไม่รู้จะจริงหรือจะคุย อิ
อยากได้พันธู์กาแฟที่ปลูกในเขตลาวใต้สักครึ่ง กก.
ท่านใดมีช่วยอุปการะด้วยครับ อิ