ไปกอดสาวใต้
วาระจรมาถึงตอนปลายเดือน เช้านี้จะนอนเซ๊าซี่อย่างเคยไม่ได้แล้ว โฉมยงมาปลูกให้อาบน้ำ จัดกระเป๋าเอาสัมภาระอะไรไปบ้างต้องรีบรายงาน เพราะคราวนี้จากนางไปหลายวัน ล้อเคลื่อนออกจากสวนประมาณ 7.00 น. วิ่งผ่าทุ่งกุลาร้องไห้ไปยังสนามบินร้อยเอ็ด ระยะทางประมาณ 100 กม. แปดโมงนิดหน่อยก็ไปปร๋อรอขึ้นเครื่องสายการบินอีแร้งแก่ ถามว่าทำไมไม่ขึ้นสนามบินข้างบ้าน มันมีแต่สนามบ่มีเครื่องบิน ทำให้ต้องถ่อสังขารมาที่ร้อยเอ็ดซึ่งมีเครื่องบินทุกวัน ทั้งๆที่เขยร้อยเอ็ดก็พอๆกัน แต่ทำไมไม่กำหนดตารางบินให้เท่ากัน 2มาตรฐานอยู่เรื่อย..เดี๋ยวนี้อีแร้งแก่ใช้เครื่องบินลำเล็กๆบรรจุผู้โดยสารได้ประมาณ 30 ชีวิต เหมาะกับการเดินทางในจังหวัดเล็กๆ ที่นั่งเต็มไม่ต้องบรรทุกอากาศบินไปบินมาเหมือนเมื่อก่อน ที่บุรีรัมย์ถ้าใช้เครื่องบินเล็กแบบแม่สอด-เชียงใหม่น่าจะเหมาะ บินที10คน ถ้าคนล้นก็ผ่องถ่ายไปขึ้นที่ร้อยเอ็ดได้ เพราะเวลาบินเลื่อมกันอยู่แล้ว ฮ้อ! พูดไปก็ไลพ์บอย ..เสียดายที่ไม่มีแม่ยายอยู่เมืองใหญ่ๆ มีเที่ยวบินขวักไขว้ให้เลือกขึ้นจนตาลาย อิอิ..
ผมมาถึงดอนเมือง 10 โมงเศษๆ
รับกระเป๋าแล้วหาเรื่องจัดการกระเพาะ
อิ่มแล้วเรียกแท๊กซี่ไปสนามบินสุวรรณภูมิ
เช็คตั๋วเรียบร้อยยังเหลือเวลาให้มานั่งเขียนบล็อกตั้งชั่วโมง
(ช่วงที่บินผ่านม่านฝน)
โทรถามขาใหญ่เมืองสงขลา ทราบว่าจะเข้าบางกอกเพื่อไปที่สถาบันพระปกเกล้าวันพรุ่งนี้ นึกว่าจะสวนกันที่สุวรรณภูมิ จะได้กอดเอากฤษ์เอาชัยสักกะหน่อย แม่คุณบอกว่า“กำลังประชุม” ยังไม่ได้บินมา คงมาไฟล์บ่ายละมัง พรุ่งนี้สัมภาษณ์แล้วจะรีบบินกลับ ยังหยอดคำหวานว่า อย่าพักโรงแรมเลยพ่อ พักบ้านใหม่หนูดีกว่า..จะได้ไปดูต้นไม้ที่พ่อให้มาด้วย เอายังไงดีละนี่ ทางมหาวิทยาลัยทักษิณเขาก็จองที่พักไว้เรียบร้อยแล้ว ..ก็คงยึดหลักการเดิม..
นอนไหนก็นอนได้ อย่านอนใกล้คนหลายใจก็แล้วกัน
ได้เวลาเดินทางต่อไปหาดใหญ่ด้วยเครื่องการบินไทยลำใหญ่ นึกถึงสมัยสงครามเวียดนาม ช่วงนั้นเดินอากาศไทยใช้เครื่องบินดาโกต้าเป็นเครื่องบินพานิชย์ บินแวะรับส่งตามค่ายทหารอเมริกาตั้งฐานทัพ เช่น ขึ้นจากเชียงใหม่ แป็บเดียวก็ปักหัวลงลำปาง-ลงอุตรดิตส์-โค้งไปอุดร-ค่อยวกเข้าดอนเมือง นั่งจนก้นแฉะ..เครื่องบินสมัยนั้นบินช้า จึงตกหลุมอากาศให้สะยิวหยืดก้นเป็นระยะๆ ไม่ได้บินเร็ว บิ น นิ่ ง เ ห มื อ น ไ อ พ่ น ส มั ย นี้ ห ร อ ก น ะ เ ธ อ ที่บอกว่า“งีบหนึ่งก็ถึงแล้ว” นั่นใช่เลย ..บินลงใต้มองเห็นแต่น้ำกับฟ้า เจอก้อนเมฆและกลุ่มฝนก่อนจะถึงหาดใหญ่ ลงสู่พื้นฝนโปรยปรายต้อนรับ หาดใหญ่วันนี้รถติดพอๆกับบางกอก กว่าจะคลานถึงโรงแรมลีการ์เด็นท์เสียเวลาเป็นชั่วโมง พักอยู่ชั้นที่ 23 ไม่รู้จะเอาภาพอะไรมาอวด จึงถ่ายวิวจากหน้าต่างโรงแรมมาให้ชม
ฝ่ายเลขานุการบอกว่า 6 โมงเย็นจะมารับไปงานเลี้ยงบนเขา
อยากจะนอนอ่านหนังสือมากกว่า..
แต่เราเป็นแขก..ไ ม่ ค ว ร ทำ ตั ว เ ป็ น ปั ญ ห า
เ จ้ า ภ า พ ใ ห้ ไ ป ไ ห น ก็ ไ ป ด้ ว ย ดี จะ ดี ที่ สุด
บางทีอาจจะได้เรื่องราวดีๆมาฝากชาวเฮก็ได้
จำได้ว่าโรงแรมนี้เคยมานอนแล้วครั้งหนึ่งปีไหนก็จำบ่ได้
มาคราวนี้ถือว่าเป็น..การแกะรอยเดิม
จะ เ ก า ะ แ ก ะ หรือ เป็น เ ด็ ก เ ลี้ ย ง แ ก ะ ก็บ่ฮู้ตื้อ
ข า ใ ห ญ่ ไม่ว่างต้องเข้าบางกอกเย็นนี้
ข า เ ล็ ก อาสาหาไกด์มาพาเที่ยว
แต่..เหนื่อยเหลือเกิน..ขอพักก่อนเถอะ..
สรุปว่าขี้เกียจไปงานเลี้ยง เลยขอรับประทานอาหารมื้อเย็นที่โรงแรม แล้วออกไปเดินหาซื้อผลไม้ ไปเจอแม่ค้าขายรังนกหลายเจ้า ขอนั่งชิมสักหน่อย รสชาติดีตรงใส่น้ำตาลหวานปะแล่มๆ แถมแป๊ะก้วยมาให้ด้วย ..เดินเข้าโรงแรม ระหว่างมองหาลิฟส์ อ้าว! ไปเจอทางขึ้นโรงหนัง ดูโปรแกรมดูเวลาประจวบเหมาะพอดี ตีตั๋วซะเลย ไปนั่งหลับๆตื่นๆพอปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ชอบใจตรงที่มีเรือใบ เป็นเรื่องเกี่ยวกับโ จ ร ส ลั ด ล่ า ส ม บั ติ เ ชิ ง ไ ห ว ชิ ง พ ริ บ มีนางเงือกด้วยนะ.. ดูเอาสนุกเข้าว่า..ชอบดูเรือใบแล่นในทะเล เคยวาดฝันว่าสักวันจะขึ้นเรือใบลำใหญ่ๆ ลำเล็กๆแถวเกาะสีชังเคยขึ้นแล้ว ก่อนหน้านี้เคยไปขึ้นเรือใบลำที่สวยที่สุดในโลกของชาติปอตุเกสกับรอกอด เรือมาทอดสมอให้ชมที่คลองเตย
แต่ก็นั่นแหละ..เรือจอดนิ่งๆ มันจะตื่นเต้นยังไงเล่า
มันก็เหมือนคนเหงาๆเฝ้าโหยหาคู่นั่นแหละ อิ อิ..
นอนก่อนะคร๊าบบบบบบบบบบบบ.
« « Prev : มาม่าวัว
Next : วิจัยใต้ได้ความรู้ความคิดความประทับใจ » »
3 ความคิดเห็น
เป็นหนังที่อยากดูค่ะ เห็นโฆษณาแล้วคงสนุก
เคยขึ้นไปบนเรือจักรีนฤเบศร์ (สะกดงี้ไหมนะ) เรือสวยมากค่ะ แต่ก็ อิอิ จอดเฉยๆ เหมือนกัน
หลงเสน่ห์เรือใบ หนังเรื่องนี้ดูเอาสนุกพอได้นะอุ้ย
หนังเรื่องนี้ไปดูแล้วสนุกตรงความหลากหลายของพฤติกรรมคน ที่บางตอนก็หักมุมไปจากมุมในหัวคิดของเราเอง และเพลินกับวิวสวยๆที่เขาไปถ่ายมาเป็นฉาก
พ่อครูค่ะ วันที่ ๑๑ มิย. ๔ส๒. จะมีแถลงข่าวที่สมาคมนักหนังสือพิมพ์บ่าย วันที่ ๑๒ คนกรุงเทพฯจะเดินทางเข้าโคราชกี่โมงค่ะ