เมามะม่วงอกร่อง
อกร่อง สุกพร้อมกัน อกกลวง กินไม่ทัน
ตื่นเช้าเห็นควันลอยอ้อยอิ่งออกจากเตาเผาถ่าน ย้อนไปถึงเมื่อครั้งอดีตยังปกติสุข บางวันจะมีน้ำหมอกน้ำค้างเย็นชื้น เกล็ดน้ำค้างจับอยู่ตามยอดหญ้า โดนแดดส่งประกายวับแววก่อนระเหิดหายไปในช่วงสาย ..สิ่งงดงามละเอียดอ่อนเหล่านี้หายไปเพราะมนุษย์ขี้เหม็นทำลายธรรมชาติ ต้องมาก่อไฟจำลองมองย้อนอดีต หลังจากฝนตกติดต่อกันหลายวัน ความชุ่มชื้นชวนให้เห็ดชนิดต่างๆผุดโผล่มาเหนือผิวดิน เมื่อวานยายฉิมเก็บเห็ดจึงกระจายว่อนทั่วสวน บางคนไม่เก็บเฉพาะเห็ด สับหน่อไม้ ต่อยมะม่วงเราไปมากโข
(ผลสุกผลร่วงนำไปเสริ์ฟวัวชอบมาก)
ผลไม้บ้านเราจะสุกจากเหนือลงใต้ มะม่วง ลำใย มะเฟือง มะไฟ คนภาคเหนือได้ชิมก่อน แล้วสุกไล่เรียงลงมาภาคกลาง-ภาคอีสาน-ต่อลงไปใต้ ข้อดีของการทยอยสุก ทำให้คนไทยมีผลไม้สดชิมยาวนานหลายเดือน ผมรับประทานมะม่วงสุกเป็นทั้งอาหารและยาระบาย หลายครั้งซื้อมาลูกสวยๆเหลืองอร่าม นึกว่าจะอร่อยสมใจนึก ที่ไหนได้เป็นมะม่วงจำบ่ม ที่ไม่จำบ่มก็ไม่อร่อยอย่างของเราเอง ผลที่สุกหง่อมจะมีแผลจากการเจาะของแมลง วิธีเลี่ยงแมลงต้องเก็บผลแก่จัดมาบ่ม ปีนี้อกร่องสุกหล่นรอบๆต้น แม่ครัวบอกจะเอามาทำมะม่วงกวน ผมบอกอย่ายุ่งยากเลยเธอ เอาไปเลี้ยงวัวแม่ลูกอ่อนเถอะ นึกถึงสัตว์เลี้ยงบ้าง วัวมันก็ชอบกินมะม่วงอกร่องสุกเหมือนกัน สัตว์ที่หากินในป่าจะวนเวียนกินผลไม้ป่า ถ้าเรามีอกร่องสุกให้วัวกินมันก็ฮ่อแรดมากเลยละครับบบบ..
อ้าว!แล้วที่เก็บมาเป็นเข่งๆนี่จะทำยังไง
เออ ! นั่นนะสิ กินไม่ทัน กินไม่ไหวแน่
พรุ่งนี้จะทิ้งสวนไปใต้ ไป กทม.หลายวัน
กลับมามะม่วงคงจะสุกจนแหละ
ต้นที่อยู่รอบบ้านก็อั้นสุกเต็มกลั้น
บอกโฉมยังอย่าเพิ่งเก็บก็แล้วกัน
นอกจากถ้าขั้วได้เวลาหล่นตุ๊บ! ก็เก็บให้แพะให้วัว
(อกร่องสุกหวานจัดโคอร่อยมาก)
คนที่มีชีวิตติดดิน ถ้าปลูก ปลูก อะไรใส่พื้นที่ดินลงไปเรื่อยๆ ช่วงระยะเวลาไม่กี่ปีก็แตกดอกออกผลให้เราชื่นชิมแล้ว แต่กระแสปลูกพืชขายเอาเงินแบบเป็นทาสเป็นบ้าเป็นหลังมาล้างสมองจนสิ้นคิด มุ่งก้มหน้าก้มตาทำๆกันไป อะไรที่ไม่มีมาตรฐานไม่มีระบบมารองรับ เกษตรก็เป็นเบี้ยให้เขาจับพลิกคว่ำพลิกหงาย ..บ่ายวานนี้มีโอกาสไปส่งลูกหลานชาวบ้านเข้าเรียนที่วิทยาลัยเกษตรกรรมบุรีรัมย์ เห็นเด็กๆหิ้วกระเป๋าพะรุงพะรังเข้าหอพัก ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับวิทยาลัยกลุ่มนี้ ทำไมเด็กไทยไม่สนใจเรียนเกษตร ทั้งๆที่เป็นวิชาเรียนที่อยู่กับใกล้ชิดกับธรรมชาติ อยู่กับเรื่องการผลิตอาหารการกินครบวงจร มีหลากหลายวิชาให้เลือกตามถนัดตามชอบ มีบริการทางการศึกษาค่อนข้างดี ที่อยู่ที่กินที่เรียนที่ฝึกงานสมบูรณ์ดี แต่ทำไมไม่มีชีวิตชีวาในการเรียน ต้องปรับ ต้องแก้ ต้องเติมอะไรลงไปอีก..โจทย์..ทำไมขายวิชานี้ไม่ออก รัฐบาลอุดหนุนเพียงพอหรือยัง
เด็กส่วนใหญ่มาเรียนอย่างซังกะตาย
คำตอบสุดท้ายมันจะเป็นอย่างไรไม่รู้นะ
ถ้าอาจารย์ที่สอน สอนอย่างซังกะตาย
วิชาเกษตรกรรมมันมิตายแหง๋แก๋รึครับ..
(มะม่วงกะล่อนสุกหวานหอมโคไม่เกี่ยงเจี๊ยะเกลี้ยงทุกที)
การศึกษาสอนวิชาทิ้งถิ่น
หัวดีหัวขี้เลื่อยจึงมาเดินตีนขวิดในบางกอก
เรียนไปแล้วทำงานไม่เป็น เกิดเป็นบัณฑิตเอ๋อมากมาย..
เมื่อสภาพการศึกษามันเซ็งเป็ดขนาดนี้ ถ้าเด็กเรียนจบมัธยมต้น แล้วช่วยพ่อแม่ทำมาหากินอยู่ที่บ้าน ช่วยกันปลูกไม้ติดแผ่นดิน ไม้ใช้สอย ไม้ผล ไม้ผักยืนต้น และสมุนไพร ภายใน2ปีก็ตัดแต่งกิ่งไม้เอาใบไม้มาเลี้ยงโค เลี้ยงโคขุน 4-10 ตัวตามอัตภาพ การเลี้ยงวิธีนี้ประหยัดต้นทุนมาก โคกินเท่าไหร่ก็ขี้ออกมาเท่านั้น มันไม่อั้นหรือมุบมิบไว้หรอกนะครับ เราขยันตัดใบไม้ให้กินมากเท่าไหร่ โคก็อ้วนท้วนลงพุงมากเท่านั้น แถมยังได้ปุ๋ยมูลโคตามสัดส่วนความขยันอีกด้วย กิ่งไม้ขนาดโตที่ตัดลงมา ทอนให้พอเหมาะเผาถ่าน ได้น้ำควันถ่านมาเป็นปุ๋ย ได้ถ่านวันละกระสอบปุ๋ย ใช้หุงต้มยังไงก็ไม่หมดหรอก รวบรวมไว้แต่ละเดือนขายประมาณ 20 ถุงปุ๋ย
ถ่านขายถุงละ 120 บาทX20ถุง = 2,400 บาท
มูลสัตว์ 10 ตัว ผลิตมูลโคแห้งให้วัน 1 ถุงปุ๋ย
นำไปใส่ต้นไม้หรือจำหน่ายตีราคาถุงละ 50 บาท
จะมีรายได้ 50 บาทX30 ถุง = 1,500 บาท
ใบไม้ที่เอามาสับถ้าตีราคากระสอบละ 20 บาท
วันหนึ่งๆใช้ 20 กระสอบx20=400 บาท
ลูกโคที่ผสมเทียมอายุ12เดือน ขายได้ตัวละ 12,000 บาท
ขายลูกโคปีละ 4 ตัวx12,000บาท=48,000บาท
แพะเลี้ยงด้วยใบไม้1ฝูง ต้นทุนต่ำ ออกลูกปีละ2ครั้งๆละ2ตัว
มีลูกแพะขายปีละ20ตัวX1,500บาท = 30,000 บาท
วิธีนี้จุดเด่นอยู่ที่การลดต้นทุนค่าอาหารและปัจจัยการผลิต
ช่วงที่ว่างนอกจากปลูกผักใส่ปุ๋ยต้นไม้แล้ว ยังนำกิ่งไม้มาทำสิ่งประดิษฐ์ ทำเครื่องเรือนอย่างที่เพิ่งอบรมไป ผลิตเครื่องเรือนใต้ทุนบ้านสร้างงานสร้างอาชีพต่อเนื่อง ถ้าเกษตรกรปลูกไม้อาคาเซียที่รอบตัดฟัน 7 ปีเป็นต้นไป ตัดสางขยายระยะมาใช้งานหมุนเวียนกันไป วัตถุดิบที่เป็นต้นทุนหลักเราผลิตได้เอง เมื่อนำมาสร้างงานย่อมมีรายได้หมุนเวียนตลอดไป ต้นไม้ปล่อยไว้ให้โต 7-10-15-20 ปี ย่อมมีมูลค่าสูงขึ้น
ถ้ารัฐฯอุดหนุนการศึกษาให้ลูกหลานเรียนกับครอบครัวและชุมชน
เหมือนกับอุดหนุนให้กับการศึกษาทั่วไป
ให้เด็กๆช่วยครอบครัวปลูกช่วยกันทำงานในพื้นที่ของตนเอง
ความมั่นคงในชีวิต ต้นทุนของชีวิตก็มั่งคั่งขึ้นได้
รัฐฯควรอุดหนุนการศึกษาทางเลือกอย่างจริงจัง
ยอมรับไหมว่าการจัดการศึกษาของรัฐฯเองก็ห่วยแตกหลายเรื่อง
แต่สู่รู้จัดการทุกสิ่งทุกอย่างทั้งๆที่บริหารนโยบายได้บ้องตื้นเต็มที
เด็กเรียนในวิทยาลัย/มหาวิทยาลัย4ปี ถึงจะสอนวิชาหางานทำ จบมาแล้วต้องวิ่งหางาน ตกงาน หรือไม่ก็ได้งานไม่ตรงสาขาที่เรียนไม่สมดุลกับเงินและเวลาที่เรียน บางคนพ่อแม่ต้องเสียเงินซื้อเก้าอี้ ถึงจะจบปริญญามาชีวิตก็ยังเสี่ยงและสับสน ยังตั้งต้นตั้งตัวไม่ได้ ต้นทุนความรู้ก็ง่อนแง่น ทักษะชีวิตก็ยังแง่นง่อน ล ง ทุ น ใ ห้ แ ล้ ว ไ ม่ จ บ .. ยังเป็นภาระหนักอกหนักใจ จึงขออนุญาต เ ส น อ แ น ว ท า ง ก า ร เ รี ย น ใ ห้ ลู ก ห ล า น เ ก ษ ต ร ก ร ถ้าจบมัธยมต้นแล้วเรียนอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่ ช่วยกันทำงานอย่างที่เล่าหยาบๆข้างต้น เยาวชนไทยส่วนนี้ก็จะตั้งต้นชีวิตได้ด้วยลำแข้งตนเอง เป็นการฝึกเด็กให้ทำงานเป็น เมื่อเป็นงานแล้วการต่อยอดความรู้ก็ง่ายกว่าเมื่อก่อนมากนัก ไปค้นคว้าค้นหาความรู้จาก..
ความรู้จากการฝึกอบรมตามศูนย์เรียนรู้ต่างๆ
ความรู้จากการอ่านหนังสือดูทีวี
ความรู้จากการฝึกฝนทดลองในไร่นาตนเอง
แนวคิดนี้ใช่ว่าจะเกิดขึ้นง่ายๆ
เด็กไทยลูกฝึกนิสัยให้เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ..
ถ้าสนับสนุน/สร้างกระแสการศึกษาในลักษณะนี้
ถึงเด็กไม่มีปริญญากระดาษ แต่เด็กจะมีปริญญาใจ
การศึกษา..จะผลิตเด็กให้ไปหางานทำ
หรือ..จะผลิตเด็กให้สร้างงานทำงานเป็น
เรื่องนี้ไม่มีผิดไม่มีถูก ..ถ้ากระดาษใบนั้นมีศักดิ์และสิทธิ์จริง
ถ้าไม่มี..มันก็เหมือนกระดาษกงเต๊ก
ต้ อ ง ถ า ม ตั ว เ อ ง แ ล้ ว ล ะ ค รั บ
จั ด พิ ธี ป ร ะ ส า ท ป ริ ญ ญ า ห ล อ ก เ จ้ า
หลอกตัวเอง ห ล อ ก ลู ก ห ล า น ไ ท ย รึเปล่า
ไทยฆ่าไทยอย่างเลือดเย็นส่วนหนึ่ง ก็มาจากการศึกษานี่แหละ
ไทยเหยียบตาปลาไทย ก็มาจากการศึกษานี่แหละ
ไทยกำลังหลอกผีประชาธิปไตย ก็มาจากการศึกษานี่แหละ
จะแก้ปัญหาประเทศไทยด้วยระบบการศึกษาอย่างนี้รึ!
ไทยแตกเป็นเสี่ยงๆจนมุมจนใจยังไม่พอรึไง
เฮ้อ ! เมามะม่วงอกร่องมันก็เป็นยังงี้แหละเธอ..
ชิมิ ชิมิ ..
« « Prev : เรื่องเล็กๆน้อยๆแต่สำคัญ
ความคิดเห็นสำหรับ "เมามะม่วงอกร่อง"