หมาน้อยธรรมดา

โดย sutthinun เมื่อ 14 เมษายน 2011 เวลา 5:35 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 1337

ผู้รู้หลายท่านบอกว่า จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นหนอ หรือจิตนาการเป็นต้นธารของความรู้สึกนึกคิด หรือเป็นตัวบอกถึงศักยภาพแห่งตนของคนนั้นๆ แต่ที่แน่ๆในแต่ละวันคนเรามีเรื่องผุดพรายวนเวียนขึ้นมาตลอด บางคนเรียกปิ๊งแว๊บ คนที่ผิดหวังโอดกาเหว่าละ คงไม่ปิ๊งแน่ๆเลย ถูกความทุกข์กลุ้มรุมสะกรัมทางจินตนาการ เขาอย่างนั้น เขาอย่างนี่ ตั้งโจทย์เองเออเองสาละวน มนุษย์เราครุ่นคิดมากมาย..

ทำไงได้ละ ในเมื่อยังไม่มีวิธีห้ามขบคิด

มีเรื่องให้คิด>คิดเอง>คิดได้>ได้คิด..

คิดสิ่งดีๆเรียกว่า คิดบวก

จะบริหารความคิดติดเครื่องหมายบวกได้อย่างไร?

4เดือนก่อน จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาวซามูไร วิศวกรเทปโก้ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์จำลองสถานการณ์แผ่นดินไหวในระดับ8.6ริกเตอร์ และเกิดคลื่นสึนามิตามมา ระดับ8.6ริกเตอร์นั้นมาจากปรากฏการณ์แผ่นดินไหวที่ร้ายแรงที่สุดเมื่อ125ปีก่อน

ผลการจำลองสถานการณ์ดังกล่าวได้ข้อสรุปว่า หากเกิดแผ่นดินไหวสั่นสะเทือนระดับ8.6ริกเตอร์ การเคลื่อนตัวของเปลือกโลกทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิสูง5.7เมตร ซัดเข้าฝั่งโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ ฟุคุชิมา ไดอิจิ วิศวกรเทปโก้คาดการว่าจะไม่เกิดผลกระทบต่อโรงไฟฟ้าแต่อย่างใด เนื่องจากเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ตั้งอยู่บนแท่นสูง4.3-6.3เมตร น้ำท่วมไม่ถึง

เวลา14.46.วันที่11มีนาคม แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวที่เกิดห่างจากชายฝั่งเมืองฟุคุชิมาราว350กิโลเมตร ล่าสุดผู้เชี่ยวชาญสึนามิคำนวณพบว่าคลื่นสูงถึง13เมตร กัมมันตรังสีแพร่กระจายอย่างต่อเนื่อง ตรวจพบในน้ำประปา น้ำทะเล พืช ผัก ผลไม้ นมสดในปริมาณสูงขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการตรวจพบ”พลูโทเนียม”ซึ่งเป็นโลหะที่ปนเปื้อนรอบๆโรงงาน สิ่งนี้อาจหมายถึงแท่งเชื้อเพลิงของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์บางส่วนหลอมละลายด้วยความร้อนสูงเกินกว่า1,800องศาเซลเซียส ทำให้โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์เตาที่1-2-3-4ระเบิดไปเรียบร้อย

วิกฤติการณ์แห่งชาติครั้งนี้

คนญี่ปุ่นเขาตั้งรับอย่างไร?

สังคมแบบสโตอิกของญี่ปุ่น เน้นการนิ่งสงบ ความทรหดอดทน ความสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ชาวซามูไรทุกคน สร้างการยอมทนรับสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างเงียบสงบ

ย้อนมามองแดนสยามบ้านเรา แผ่นดินขวานทองที่คนทั้งโลกอยากมาท่องเที่ยว บ้านเมืองที่สวยงามและยิ้มสยามที่เลื่องลือ ผู้คนอยู่กันอย่างพี่อย่างน้อง มีอะไรก็หยวนๆกันได้.. แต่วันนี้เกิดวิกฤติทางการเมืองและสังคมไทย ที่บางทีจำต้องหยุดกล่าวโทษกันและกัน แล้วนำเอาการฝึกทำสมาธิมาเป็นตัวสงบปัญหา ยุบหนอ ไม่พองหนอ .. เพื่อสร้างอัตลักษณ์ทางสังคมไทย จะเป็นไปได้ไหมหนอ

การก่อหวอดทางการเมืองของทุกค่ายทุกสีในขณะนี้

มันเสมือนเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทางสังคมที่กำลังปะทุ

ถ้าระเบิดตูมๆๆๆขึ้นมา

ผลมันจะทำลายล้างบ้านเมืองเราอย่างไร

ตะกอนใจที่ตกค้างจะส่งผลกระทบทางสังคมและการเมืองไปกี่ปี

เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ญี่ปุ่นมีข้อสรุปออกมาเป็นระยะ

แต่ตะกอนทางการเมืองไทยมีข้อสรุปแล้วหรือยัง

ท่านใดจะจินตนาการว่าอย่างไรช่วยอุปการะความรู้ด้วยนะครับ

ก่อนที่คนไทยจะอกหักกันทั้งประเทศ

จะ ไ ด้ ฮื อ ๆ ๆ ๆ . . ไ ป ฟ้ อ ง ย่ า โ ม

ย่าครับ ..ลู ก ห ล า น ย่ า มั น ดี แ ต่ เ ห่ า แ ล ะ กั ด กั น เ อ ง

« « Prev : ซ้ำซากไม่เหมือนซ้ำซ้อน

Next : จดหมายรักลุงเอก » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

10 ความคิดเห็น

  • #1 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 เมษายน 2011 เวลา 6:44

    เลิกระบบประเมินและให้รางวัลเป็นเงินกับข้าราชการ ครู ตำรวจ ฯลฯ
    เลิกระบบการศึกษาที่ไปแยกเกรดว่าระดับนั้นนี้สำคัญว่าระดับโน้นนี้ และระบบที่หลอมให้ทุกภาคส่วนสอน(ติว)ให้เข้ามหาลัยอย่างทุกวันนี้

    ลงโทษพวกเอาป้ายคัดเอาท์นักการเมืองมาติดเป็นเจ้าเฝ้าถนนจนเกิดอาการหลอนหลงไปกับยาเบื่อที่โปรยบนคัดเอาท์

    ลองสามอย่างนี้แล้ว บางทีจะดีก็ได้ค่ะ

  • #2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 เมษายน 2011 เวลา 9:22

    น้อมรับไปพิจารณา ชิมิ ชิมิ

  • #3 พระจันทร์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 เมษายน 2011 เวลา 18:15

    อยากกดถูกใจเป็นพันครั้ง
    คนญี่ปุ่นเป็นคนที่มีวินัยสูงมาก
    ถึงเค้าจะถูกภัยพิบัติเข้ารุมเร้าขนาดไหน แต่เราก็ยังไม่เคยเห็นเค้าแย่งกัน รับความช่วยเหลือที่เข้าไป

  • #4 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 เมษายน 2011 เวลา 18:46

    กดๆๆๆเล๊ย อิอิ

  • #5 ทวิช จิตรสมบูรณ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 เมษายน 2011 เวลา 2:36

    ถ้าท่านย่าโมคิดจะกู้ชาติ แล้วมาประกาศหาเสียงขอให้เลือกท่านไปเป็นสส. ให้คนไทยไปลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้ง ป่านนี้ใครหลายคนในบอร์ดนี้จะได้เกิดเป็นอะไรหนอ (รวมทั้งผมด้วย)

    ประชาธิปไคย ไม่เหมาะกับคนตะวันออก แบบไทยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนญี่ปุ่น จีน อินเดีย ที่มีวัฒนธรรมแนวดิ่ง เพราะประชาธิปไตยมีพื้นฐาอยู่ที่ความเท่าเทียมกัน (วันแมนวันโหวต) ซึ่งเป็นวัฒนธรรมแนวราบ

    ผมพยายามบอกเรื่องนี้มานาน แต่โดนโห่มาตลอด ไม่โห่เปล่า แต่ด่าพ่อล่อแม่ผมเละไปเลยแบบหยาบคาย (ทั้งโดยวาจาและคิดในใจ) หาว่านิยมเผด็จการไปโน่น แสดงให้เห็นว่าสังคมเรามันแนวดิ่งจริงๆ ถ้าเป็นฝรั่ง..ผมแสดงความโง่อย่างไรมันก็ด่าแค่ผม ไม่ลามไปถึงบรรพบุรุษในแนวดิ่ง

  • #6 ทวิช จิตรสมบูรณ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 เมษายน 2011 เวลา 2:49

    สังคมแนวดิ่งแบบญี่ป่นนั้นไม่เหมาะที่จะใช้ระบบประชาธิปไตยเอาเสียเลย (เหมือนกะไทย) ญี่ปุ่นรวยมาได้เพราะระบบเผด็จการแบบจักรพรรดิแท้ๆ ตอนหลังสงครามโลก..เมกันบังคับให้เป็น ปชต. เขาก็พอทำได้ โดยมีวินัยเป็นกาวเชื่อม

    ไทยเราไม่มีใครบังคับแต่เห่อเป็นประชาธิปไตยเพื่อความ “เท่าเทียม” แบบฝรั่ง แต่ไม่มีวินัยแบบญี่ปุ่น ก็เลยโรคซ้ำกรรมซัด เพื่อรอความวิบัติกัดกิน จนจะสิ้นชาติได้ในเร็ววัน

    ที่น่าขำคือคนที่จะกินเราสิ้นชาติก็คือญี่ปุ่นนี่แหละ โดยมีนิคมอุตสาหกรรมริมทะเลเป็นแนวร่วม

    ของญี่ปุ่นตายกันเต็มเมืองแต่ไม่มีการฉกชิง ของไทยเราตายริมถนนคนเดียวมันยังไม่โทรเรียกตำรวจ หรือ รถพยาบาล แต่กลับปลดนาฬิกาแล้วเดินหนี โอ้..ประชาธิปตาย นี่ถ้าตายเต็มเมืองแบบญี่ปุ่นมันคงปลด sieko หรือ rado เรือนทอง กันสนุกข้อมือแน่ๆ

    ส่วนผมใส่ casio เรือนละ 500 ก็คงไม่แคล้วต้องแกล้งทำเป็นตายไปกะเขาด้วย ไม่งั้นมันคงทุบหัวปลดเอาไปขาย อย่างน้อยก็ได้ยาบ้าหนึ่งเม็ดและหวา…จากนั้นก็ไปรับอีก 500 เพื่อเข้าคูหากาเบอร์เดียว อิอิ

  • #7 ทวิช จิตรสมบูรณ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 เมษายน 2011 เวลา 2:59

    ว่าแต่ว่ามาโคราชสิ้นเดือนนี้ บาท่านอย่าลืมเอาน้ำเต้ายักษ์มาด้วยเด๊อขรับ ผมว่า เจ้าหมอนี่แหละอาจช่วยกู้โลกได้

    ต่อไปอาหารหลักของมนุษย์อาจคือน้ำเต้า พลังงานก็มาจากน้ำเต้า เสื้อผ้า ยารักษาโรคมาจากน้ำเต้าทั้งนั้น อาจรวมถึงที่อยู่อาศัยด้วยก็เป็นได้

    วันนี้ผมขออุบไว้ก่อนเพื่อโปรโมชั่นให้มาฟังคำเฉลยที่เมืองย่าโม มาพร้อมหน้ากันที่โคราชผมจะแสดงสูตรคำนวณ (แบบประมาณคณิตศาสตร์ปอสี่) ให้เห็นว่าผมไม่ได้โม้นะ อิอิ

  • #8 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 เมษายน 2011 เวลา 5:56

    ท่านจอหงวนสะท้อนมุมประชาธิปตายให้เห็น
    การเปรียบเทียบตรงๆไม่ค่อยมีให้รับรู้กัน
    การอธิบายแบบวิชาการ บางทีก็น่าถีบ เช่น
    คนไทยควรกินโซเดี้ยมไม่เกิน 2,400 มิลิกรรม /วัน
    โดยเฉลี่ยกินประมาณ4-5,000 มิลลิกรัม/วัน
    คนไทยความดันโลหิตสูงเกินคนละ 7 ถึง 8,000 มิลิกรัม/วัน
    ตาสีตาสาฟังไม่รู้เรื่องครับ อิอิ

  • #9 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 เมษายน 2011 เวลา 5:58

    จะขน ผัก-น้ำเต้าไปอวดเต็มรถ คร๊าบบบบบบบบบบ

  • #10 ทวิช จิตรสมบูรณ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 เมษายน 2011 เวลา 12:26

    ใช่เลยครับ บาท่าน ไอ้ มิลลิกรัม ไมโคแกรม อะไรเนี่ย
    แล้วถามว่ามันมีใครมาพิสูจน์กัน สุ่มตรวจว่าจริงไหม ตลอดเวลา รึก็เปล่า
    ก็ลอกๆ ฝรั่งมาตามประสานร.นอกแหละผมว่า

    พระป่า กินข้าวราดน้ำปลาร้า กับใบผักป่า อายุเกิน 90 ทุกคน ไม่เคยรู้เรื่องมิลลิ ไมโครข้างขวด ริมกระป๋องอะไรเลย มีแต่นะโมตัสสะเป็นที่ตั้ง


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.19660711288452 sec
Sidebar: 0.049710988998413 sec