ก้างคาคอ ค๊อกๆแค๊กๆ

โดย sutthinun เมื่อ 5 เมษายน 2011 เวลา 13:39 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 1661

หมู่นี้มนุษย์ถูกสภาพแวดล้อมธรรมชาติขย่มไม่เว้นแต่ละวัน แผ่นดินไหว แผ่นดินแยก แผ่นดินร้าว โคลนถล่ม น้ำท่วม น้ำเน่า พายุ เกิดอาการลูกล่อลูกชนพลิกคว่ำพลิกหงาย วันเดียวมี3ฤดู เดี๋ยวฝน เดี๋ยวร้อน จู่ๆก็หนาวสะบั้นขึ้นมา ทำเอาคุณน้าแห่งชาติของผมทำตัวไม่ถูก จัดลำดับปกติวิสัยไม่ได้ เคยชอบกาแฟเย็นกินเล่น ก็ไม่รู้จะสั่งตอนไหนเพราะอากาศชวนวิกลจริต เรื่องที่ผิดปกติทั้งทางตรงทางอ้อมเยี่ยงนี้มีอิทธิพลมากมาย ส่งผลต่อรายจ่ายที่รอจังหวะเจาะกระเป๋าผู้บริโภค

ก ล ไ ก เ ถื่ อ น กำ ลั ง แ ส ว ง ห า ช่ อ ง โ ย ก ร า ค า . .

น้ำมันพืช น้ำตาล ผัก ปลา เนื้อ นม ไข่ ปุ๋ย เหล็ก น้ำมันเชื้อเพลิง ฯลฯ

แ ล บ ลิ้ น แ ผ ล็ บ ๆ

ถ้าเบิ่งตามองไปรอบๆ เราจะเห็นสภาพสังคมอ่อนแออ่อนไหวทุกกรณี ไอ้ที่โม้เรื่องไทยเข้มแข็งนั้นเป็นเพียงทฤษฎี ..ทำแล้วชักหน้าไม่ถึงหลังไม่ถึงไหน ยังยักแย่ยักยันอยู่นั่นแหละเธอ เรื่องอย่างนี้ใช่ว่าจะตุบตับกันง่ายๆ ถ้าไม่ผ่านการทำงานอย่างหนักและชอบธรรมของพรรคการเมือง ไม่บริหารบ้านเมืองแบบอีแอบ สร้างแต่กลอุบายตราบาปไว้ให้ประเทศ เอาแค่เรื่องกระจ๊อกๆ อย่างการออกบัตรสมารทการ์ด การสื่อสารระบบ3จี ก็ยังเซ่อเท่าทุกวันนี้

ถามว่า แล้วจะทำยังไงละ

มีบางความคิดเสนอว่า >>โนโหวต-โนโหวต ! !

แต่บางกลุ่มก็บอก..เดินหน้าเลือกตั้ง

ค น ห นึ่ ง ค น ทำ อ ะ ไ ร ไ ด้ ?

ใครมีความเห็นกับกลุ่มไหนก็อย่าไปเดินขบวนเลยครับ

ใช้สติสู้กันทางความคิด

กลุ่มโนโหวตก็หาเสียง ติดสติ๊กเกอร์ ประชาสัมพันธ์เหตุผลในรูปแบบต่างๆ

กลุ่มการเมืองก็หาเสียง แจกแจงเหตุผลถึงความสำคัญของการที่จะต้องเลือกตั้

ถ้าไม่มีทางออกทางเลือกใหม่ เราก็จะอยู่กับผลลัพธ์เก่า

เราอยู่อย่างหน้าแฉล่มแช่มชื่นได้จริงหรือ?

ป ร ะ เ ด็ น ก า ร เ มื อ ง

ถ้าจะเพ้อเจ้อต่อไปก็ไม่สมควรกับเป้าประสงค์ของลานปัญญา

เรื่องนี้มันต้องกอดกันคุยแล้วละเธอ ..

ข อ อ ภั ย ที่ ม า แ บ บ ยี่ ยั ก ยี่ ห ย่ อ น เ ห มื อ น ห ม า ห ย อ ก ไ ก่

ในชั้นนี้ ถึงเราจะส่งสินค้าอาหารได้ในราคาดีขึ้น แต่มันก็ตามไม่ทันราคาน้ำมันที่ค้ำคอและวิ่งออกหน้าไปเรื่อยๆ กลไกแนว...ฮึ.ฮึ.หอแหวแตก..ไม่มีน้ำยาอะไรหรอก เว้นแต่คนไทยจะสำนึกได้ ช่วยกันประหยัดกินประหยัดใช้อย่างเป็นระบบ และทำให้เกิดเป็นวาระครัวเรือนแห่งชาติอย่างแท้จริง

ไ ป ร่ ว ม ง า น เ ฮ ฮ า ศ า ส ต ร์ ก็ ช ว น กั น ไ ป ร ถ คั น เ ดี ย ว

เข้าห้องน้ำก็เข้าเป็นคู่ ถู ส บู่ ด้ า น เ ดี ย ว

เปิดฝักบัวซู่เดียว แ ต่ เ บี ย ด กั น อ า บ 2 ค น

กินข้าวจี่ ไ ม่ เ ป ลื อ ง จ า น เ ป ลื อ ง ช้ อ น

นอนห้องเดียว เ ตี ย ง บ น เ ตี ย ง ล่ า ง

จะเกิดวิสัยทัศน์อย่างนี้ได้มันต้องผ่านการฝึกหัด..อย่างหนักและสืบเนื่อง

ไม่ได้ยินคำว่า”ประหยัด” ออกจากปากรัฐบาล

ได้ยินแต่คำว่า “เงินกองทุน” “เงินชดเชย” “เงินประกันราคา”

ใจคอจะเทน้ำใส่โอ่งรั่วให้เต็มปริ่มยังงั้นแหละ

สังคมไทยตกอยู่กับการบ่มเพาะทางวัฒนธรรมงมโข่งมานาน ทำให้สภาพการเมืองทุกระดับปล้ำผีลุกปลุกผีนั่ง การเมืองภาคพลเมืองก็ยังง่อนแง่นเหมือนหลักปักขี้เลน การเมืองภาคปกติก็ตกในกัมมันตภาพรังสี คนไทยจึงอยู่ในอาการหงำเหงือกและสับสนมากขึ้น มีเรื่องเรียกร้องต่อรองดาหน้าไม่ขาดสาย ทุกคนคิดแต่จะเอาประโยชน์จากประเทศชาติให้ได้มากที่สุด ใครมือยาวสาวได้สาวเอาให้เห็นอยู่ในทุกวงการ

ใ ค ร ห น้ า ด้ า น ห น้ า มึ น เ จ ริ ญ ก้ า ว ห น้ า

ใครหน้าบางสนิมสร้อยถอยไปห่างๆ ก้ ม ห น้ า ก้ ม ต า ทำ ง า น อ ย่ า หื อ ..

สิ่งนี้แหละที่เป็นการเรียนเชิงประจักษ์ของสังคมไทย

รับรู้และเรียนรู้เรื่องนอกระบบมากกว่าการเรียนเรื่องดีๆ แม้แต่ในระบบเองก็ถูกขยะโสโครกแทรกซึมและแทรกซ้อน ระบบการศึกษาปนเปื้อนอะไรต่อไม่อะไรจนชำระล้างยาก เกิดความกังขาและถ่างขาจนเดินไม่ออก..

การค้าการขาถือโอกาสที่บ้านเมืองชุลมุน สร้างเงื่อนไขต่อเนื่องให้เกิดผลกระฉูดต่อราคาสินค้าทุกประเภทอย่างต่ำ10%-40% ก้วยเตี๋ยว ข้าวหมูแดง สั่งพิเศษชามละ50บาทขึ้น อาจจะโวยวายกันนิดหน่อยพอเป็นพิธี สุดท้ายคนมีกะตังส์ก็คุ้นชินควักๆกันไป ส่วนคนยากจนก็หาทางออกจนได้แหละ จะล่อมาม่าหรือหาเมนูเด็ดพลิกแพลงอย่างไรก็ว่ากันไป นี่ไงละที่เขาบอกว่า..วิ ก ฤ ติ เ ป็ น โ อ ก า ส ..กลไกเรื่องปากท้องตีฆ้องร้องป่าวกระหึ่มแล้วนะเธอ

วิชาเศรษฐกิจพอเพียงที่เล่นตลกกันมานาน

บัดเดี๋ยวนี้..ถึงเวลาที่จะเอามาปัดฝุ่นทำกันอย่างเต็มเหนี่ยว

ลับๆล่อๆแบบลิงหลอกเจ้าควรจะเลิกได้แล้วนะจ๊ะ

ระหว่างเดินทางกลับสวนป่า เจอลาวมุงขนาดใหญ่ รถยนต์จอดริมทางทั้ง2ฟากฝั่ง ล้นไปยังด้านหลังหมู่บ้านอีกมากโข ผู้คนเดินควักไขว่งานบุญบ้องไฟก็ไม่ปาน เอ๊ะมันงานอะไรกันนี่ จอดๆๆๆๆ..รี บ บ อ ก ส า ร ถี คู่ เ ตี ย ง รถช้าลงๆ..กว่าจะหาที่จอดได้ก็ต้องวกไปด้านหลังไกลโข ยังกะงานวัดจริงๆพี่น้อง มีรถขายลูกชิ้นปิ้ง รถขายอาหาร น้ำอัดลมน้ำปั่น ผลไม้ ขนมนมเนย

ลองทายดูสิครับ มั น เ ป็ น ม ห ก ร ร ม อ ะ ไ ร

คว้ากล้องได้ผมก็เดินฉับๆไปคุยกับชาวบ้าน

ได้ใจความว่า..ช า ว บ้ า น ล ง จั บ ป ล า ป ร ะ ม ง ห มู่ บ้ า น

ซึ่งเป็นบึงกลางหมู่บ้านขนาดใหญ่

อบต.ปล่อยพันธุ์ปลาจำนวนมาก

แล้ว>> ติดป้ายห้ามจับ

ชาวบ้านได้แต่มองดูปลาดำผุดดำว่าย

รอเวลาถึงวันลงจับปลาประจำปี

ยุคนี้มีโครงการประมงอาสา โครงการประมงหมู่บ้าน กันแทบทั้งนั้นแหละครับ เดี๋ยวนี้ทันสมัยเสียด้วย มีการประชาสัมพันธ์ผ่านหอกระจายเสียงและวิทยุชุมชนโหมโรงล่วงหน้าเป็นเดือน ข่าวคราวยังลอยไปถึงหมู่บ้านใกล้เคียง วันนี้จึงเฮโลมาอย่างทะมัดทะแมง ด้วยหวังว่าจะหว่านแหจับปลาตัวโตๆมาโชว์แม่ยาย ปลายี่สก ปลาตะเพียน ปลานิล ปลาไน ปลาหมอ ปลาดุก ปลาช่อน ปลาขาว ปลาซ่งฮือ ปลาหลีฮื้อฯลฯ บางหมู่บ้านปล่อยปลาบึกด้วยซะด้วย นอกจากนี้ยังมีปลาที่มาตามธรรมชาติยามน้ำหลากอีกต่างหาก

ตอนที่ผมไปถึง ชาวบ้านลงมือจับไปนานโข

เซียนปลาก้มหน้าก้มตาหว่านแหไม่น้อยกว่า 300-400 คน

นั่งเรือบ้าง นั่งแพโฟมบ้าง แพถังพลาสติกบ้าง

อากาศร้อนๆอย่างนี้เล่นน้ำจับปลาก็เข้าท่าดีนะครับ

ปะเหมาะได้ตัวใหญ่ๆเอาไปต้มโคล้งซดให้ซู่ซ่าส์ไปเลย

ถามแม่ใหญ่ท่านหนึ่ง

ทำไมคนถึงมามากมายอย่างนี้ละครับ แม่ใหญ่บอกว่าก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ อบต.จับปลาตัวใหญ่มาเป็นตัวอย่าง ปลายี่สก ปลาช่อน ปลาไน บิ๊กๆทั้งนั้นตัวละ4-5กิโล ทำเป็นเอามาอวดและขายให้ร้านอาหารในหมู่บ้าน พร้อมกับคุยโขมงโฉงเฉงออกเสียงตามสาย ชาวบ้านร้องโอ้โฮๆๆๆๆ ปากต่อปากตีไข่ใส่สีอึกกะทึก

คงเป็นเพราะการประชาสัมพันธ์ชั้นยอด ข่าวกระพือไปยิ่งกว่าไฟไหม้ฟาง เพื่อนบ้านจึงแห่กันมาอย่างที่เห็น แม่ใหญ่มาเชียร์ลูกชาย2คน โน่นๆ..หว่านแหตั้งแต่เช้าแล้ว ได้แต่ปลาขาวปลาสร้อยคนละ4-5ตัว ไม่เห็นใครได้ปลาตัวใหญ่สักกะตัว

ถ้าใ ค ร จั บ ไ ด้ ป ล า ตั ว โ ต

จะ ย ก โ ช ว์ โ ห่ บ อ ก เ พื่ อ น

บ ร ร ย า ก า ศ ล่ า ป ล า คึ ก คั ก ส นุ ก ส น า น

แต่วันนี้เงียบยิ่งกว่าอมสาก มีแต่เสียงถอนใจ เสียงบ่น เหนื่อย หิว และท้อแท้ ทั้งๆที่ซื้อบัตร200บาท/1ปากแห อบต.มีรายได้จากการขายบัตรนับแสนบาท ระหว่างล้อเคลื่อนเดินทางออกมาช้าๆ ได้ยินเสียงชาวบ้านเอะอะโวยวายเป็นกลุ่มๆ

บอกว่า..โดนหลอก

แบบนี้ต้องเอาเงินคืน

ไม่อย่างนั้นฉันไม่ยอม ..

ฉันจะจับอบต.มาต้มยำน้ำข้นแทนปลา เป็นไงเป็นกัน..!!!

เหตุการณ์จะเป็นประการใดต่อไปก็ไม่ทราบ

รู้แต่ว่า..ปี นี้ ช า ว บ้ า น โ ด น ก้ า ง ป ล า ค า ค อ

นี่ไง..สังคมศรีธนญชัย !

แหม..ถ้า เ อ า เ งิ น ไ ป ซื้ อ ป ล า ก ร ะ ป๋ อ ง

ก็คงไม่จั่วลม เ ห มื อ น ป ล า พั น ธุ์ แ ห้ ว ข อ ง อ บ ต .ห ร อ ก น ะ จ๊ะ

ชิมิ ชิมิ

« « Prev : ทำไม คนสวยอกหักระนาว

Next : O-NET ไม่ใช่โอยั๊วะ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 5 เมษายน 2011 เวลา 15:35

    ช่วงไปเฮย่าโม อยากจะโผล่ไปดูหนังเรื่องพระนเรศวร ภาค 3
    ใครสนใจยกมือขึ้น
    อิ อิ..

  • #2 ทวิช จิตรสมบูรณ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 6 เมษายน 2011 เวลา 4:05

    ไทยเข้มอ่อน

    เข้มคือสีผิว ที่ต้องตากตรำกรำแดดฝนมากขึ้น
    ที่อ่อนคือ ปวกเปียกเพระยิ่งทำมากยิ่งยากจน

    ทำนองว่าโง่แล้วขยันหรือเปล่าครับ

    ควรลดการปลูกข้าวลงให้เหลือเพียงพอกินในประเทศ แล้วหันมาปลุกป่าจะดีกว่าไหมครับ

    ทุกวันนี้สูตรเพื่อความยั่งยืน คือ ความกล้าของประชากลุ่มเล็กๆต้องนำการเมือง เพราะการเมืองเรามัน”ขี้ขลาดจนตรอกแล้ว”


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.088545083999634 sec
Sidebar: 0.053746938705444 sec