ก้างคาคอ ค๊อกๆแค๊กๆ
อ่าน: 1661
หมู่นี้มนุษย์ถูกสภาพแวดล้อมธรรมชาติขย่มไม่เว้นแต่ละวัน แผ่นดินไหว แผ่นดินแยก แผ่นดินร้าว โคลนถล่ม น้ำท่วม น้ำเน่า พายุ เกิดอาการลูกล่อลูกชนพลิกคว่ำพลิกหงาย วันเดียวมี3ฤดู เดี๋ยวฝน เดี๋ยวร้อน จู่ๆก็หนาวสะบั้นขึ้นมา ทำเอาคุณน้าแห่งชาติของผมทำตัวไม่ถูก จัดลำดับปกติวิสัยไม่ได้ เคยชอบกาแฟเย็นกินเล่น ก็ไม่รู้จะสั่งตอนไหนเพราะอากาศชวนวิกลจริต เรื่องที่ผิดปกติทั้งทางตรงทางอ้อมเยี่ยงนี้มีอิทธิพลมากมาย ส่งผลต่อรายจ่ายที่รอจังหวะเจาะกระเป๋าผู้บริโภค
ก ล ไ ก เ ถื่ อ น กำ ลั ง แ ส ว ง ห า ช่ อ ง โ ย ก ร า ค า . .
น้ำมันพืช น้ำตาล ผัก ปลา เนื้อ นม ไข่ ปุ๋ย เหล็ก น้ำมันเชื้อเพลิง ฯลฯ
แ ล บ ลิ้ น แ ผ ล็ บ ๆ
ถ้าเบิ่งตามองไปรอบๆ เราจะเห็นสภาพสังคมอ่อนแออ่อนไหวทุกกรณี ไอ้ที่โม้เรื่องไทยเข้มแข็งนั้นเป็นเพียงทฤษฎี ..ทำแล้วชักหน้าไม่ถึงหลังไม่ถึงไหน ยังยักแย่ยักยันอยู่นั่นแหละเธอ เรื่องอย่างนี้ใช่ว่าจะตุบตับกันง่ายๆ ถ้าไม่ผ่านการทำงานอย่างหนักและชอบธรรมของพรรคการเมือง ไม่บริหารบ้านเมืองแบบอีแอบ สร้างแต่กลอุบายตราบาปไว้ให้ประเทศ เอาแค่เรื่องกระจ๊อกๆ อย่างการออกบัตรสมารทการ์ด การสื่อสารระบบ3จี ก็ยังเซ่อเท่าทุกวันนี้
ถามว่า แล้วจะทำยังไงละ
มีบางความคิดเสนอว่า >>โนโหวต-โนโหวต ! !
แต่บางกลุ่มก็บอก..เดินหน้าเลือกตั้ง
ค น ห นึ่ ง ค น ทำ อ ะ ไ ร ไ ด้ ?
ใครมีความเห็นกับกลุ่มไหนก็อย่าไปเดินขบวนเลยครับ
ใช้สติสู้กันทางความคิด
กลุ่มโนโหวตก็หาเสียง ติดสติ๊กเกอร์ ประชาสัมพันธ์เหตุผลในรูปแบบต่างๆ
กลุ่มการเมืองก็หาเสียง แจกแจงเหตุผลถึงความสำคัญของการที่จะต้องเลือกตั้ง
ถ้าไม่มีทางออกทางเลือกใหม่ เราก็จะอยู่กับผลลัพธ์เก่า
เราอยู่อย่างหน้าแฉล่มแช่มชื่นได้จริงหรือ?
ป ร ะ เ ด็ น ก า ร เ มื อ ง
ถ้าจะเพ้อเจ้อต่อไปก็ไม่สมควรกับเป้าประสงค์ของลานปัญญา
เรื่องนี้มันต้องกอดกันคุยแล้วละเธอ ..
ข อ อ ภั ย ที่ ม า แ บ บ ยี่ ยั ก ยี่ ห ย่ อ น เ ห มื อ น ห ม า ห ย อ ก ไ ก่
ในชั้นนี้ ถึงเราจะส่งสินค้าอาหารได้ในราคาดีขึ้น แต่มันก็ตามไม่ทันราคาน้ำมันที่ค้ำคอและวิ่งออกหน้าไปเรื่อยๆ กลไกแนว..ห.ฮึ.ฮึ.หอแหวแตก..ไม่มีน้ำยาอะไรหรอก เว้นแต่คนไทยจะสำนึกได้ ช่วยกันประหยัดกินประหยัดใช้อย่างเป็นระบบ และทำให้เกิดเป็นวาระครัวเรือนแห่งชาติอย่างแท้จริง
ไ ป ร่ ว ม ง า น เ ฮ ฮ า ศ า ส ต ร์ ก็ ช ว น กั น ไ ป ร ถ คั น เ ดี ย ว
เข้าห้องน้ำก็เข้าเป็นคู่ ถู ส บู่ ด้ า น เ ดี ย ว
เปิดฝักบัวซู่เดียว แ ต่ เ บี ย ด กั น อ า บ 2 ค น
กินข้าวจี่ ไ ม่ เ ป ลื อ ง จ า น เ ป ลื อ ง ช้ อ น
นอนห้องเดียว เ ตี ย ง บ น เ ตี ย ง ล่ า ง
จะเกิดวิสัยทัศน์อย่างนี้ได้มันต้องผ่านการฝึกหัด..อย่างหนักและสืบเนื่อง
ไม่ได้ยินคำว่า”ประหยัด” ออกจากปากรัฐบาล
ได้ยินแต่คำว่า “เงินกองทุน” “เงินชดเชย” “เงินประกันราคา”
ใจคอจะเทน้ำใส่โอ่งรั่วให้เต็มปริ่มยังงั้นแหละ
สังคมไทยตกอยู่กับการบ่มเพาะทางวัฒนธรรมงมโข่งมานาน ทำให้สภาพการเมืองทุกระดับปล้ำผีลุกปลุกผีนั่ง การเมืองภาคพลเมืองก็ยังง่อนแง่นเหมือนหลักปักขี้เลน การเมืองภาคปกติก็ตกในกัมมันตภาพรังสี คนไทยจึงอยู่ในอาการหงำเหงือกและสับสนมากขึ้น มีเรื่องเรียกร้องต่อรองดาหน้าไม่ขาดสาย ทุกคนคิดแต่จะเอาประโยชน์จากประเทศชาติให้ได้มากที่สุด ใครมือยาวสาวได้สาวเอาให้เห็นอยู่ในทุกวงการ
ใ ค ร ห น้ า ด้ า น ห น้ า มึ น เ จ ริ ญ ก้ า ว ห น้ า
ใครหน้าบางสนิมสร้อยถอยไปห่างๆ ก้ ม ห น้ า ก้ ม ต า ทำ ง า น อ ย่ า หื อ ..
สิ่งนี้แหละที่เป็นการเรียนเชิงประจักษ์ของสังคมไทย
รับรู้และเรียนรู้เรื่องนอกระบบมากกว่าการเรียนเรื่องดีๆ แม้แต่ในระบบเองก็ถูกขยะโสโครกแทรกซึมและแทรกซ้อน ระบบการศึกษาปนเปื้อนอะไรต่อไม่อะไรจนชำระล้างยาก เกิดความกังขาและถ่างขาจนเดินไม่ออก..
การค้าการขาถือโอกาสที่บ้านเมืองชุลมุน สร้างเงื่อนไขต่อเนื่องให้เกิดผลกระฉูดต่อราคาสินค้าทุกประเภทอย่างต่ำ10%-40% ก้วยเตี๋ยว ข้าวหมูแดง สั่งพิเศษชามละ50บาทขึ้น อาจจะโวยวายกันนิดหน่อยพอเป็นพิธี สุดท้ายคนมีกะตังส์ก็คุ้นชินควักๆกันไป ส่วนคนยากจนก็หาทางออกจนได้แหละ จะล่อมาม่าหรือหาเมนูเด็ดพลิกแพลงอย่างไรก็ว่ากันไป นี่ไงละที่เขาบอกว่า..วิ ก ฤ ติ เ ป็ น โ อ ก า ส ..กลไกเรื่องปากท้องตีฆ้องร้องป่าวกระหึ่มแล้วนะเธอ
วิชาเศรษฐกิจพอเพียงที่เล่นตลกกันมานาน
บัดเดี๋ยวนี้..ถึงเวลาที่จะเอามาปัดฝุ่นทำกันอย่างเต็มเหนี่ยว
ลับๆล่อๆแบบลิงหลอกเจ้าควรจะเลิกได้แล้วนะจ๊ะ
ระหว่างเดินทางกลับสวนป่า เจอลาวมุงขนาดใหญ่ รถยนต์จอดริมทางทั้ง2ฟากฝั่ง ล้นไปยังด้านหลังหมู่บ้านอีกมากโข ผู้คนเดินควักไขว่งานบุญบ้องไฟก็ไม่ปาน เอ๊ะมันงานอะไรกันนี่ จอดๆๆๆๆ..รี บ บ อ ก ส า ร ถี คู่ เ ตี ย ง รถช้าลงๆ..กว่าจะหาที่จอดได้ก็ต้องวกไปด้านหลังไกลโข ยังกะงานวัดจริงๆพี่น้อง มีรถขายลูกชิ้นปิ้ง รถขายอาหาร น้ำอัดลมน้ำปั่น ผลไม้ ขนมนมเนย
ลองทายดูสิครับ มั น เ ป็ น ม ห ก ร ร ม อ ะ ไ ร
คว้ากล้องได้ผมก็เดินฉับๆไปคุยกับชาวบ้าน
ได้ใจความว่า..ช า ว บ้ า น ล ง จั บ ป ล า ป ร ะ ม ง ห มู่ บ้ า น
ซึ่งเป็นบึงกลางหมู่บ้านขนาดใหญ่
อบต.ปล่อยพันธุ์ปลาจำนวนมาก
แล้ว>> ติดป้ายห้ามจับ
ชาวบ้านได้แต่มองดูปลาดำผุดดำว่าย
รอเวลาถึงวันลงจับปลาประจำปี
ยุคนี้มีโครงการประมงอาสา โครงการประมงหมู่บ้าน กันแทบทั้งนั้นแหละครับ เดี๋ยวนี้ทันสมัยเสียด้วย มีการประชาสัมพันธ์ผ่านหอกระจายเสียงและวิทยุชุมชนโหมโรงล่วงหน้าเป็นเดือน ข่าวคราวยังลอยไปถึงหมู่บ้านใกล้เคียง วันนี้จึงเฮโลมาอย่างทะมัดทะแมง ด้วยหวังว่าจะหว่านแหจับปลาตัวโตๆมาโชว์แม่ยาย ปลายี่สก ปลาตะเพียน ปลานิล ปลาไน ปลาหมอ ปลาดุก ปลาช่อน ปลาขาว ปลาซ่งฮือ ปลาหลีฮื้อฯลฯ บางหมู่บ้านปล่อยปลาบึกด้วยซะด้วย นอกจากนี้ยังมีปลาที่มาตามธรรมชาติยามน้ำหลากอีกต่างหาก
ตอนที่ผมไปถึง ชาวบ้านลงมือจับไปนานโข
เซียนปลาก้มหน้าก้มตาหว่านแหไม่น้อยกว่า 300-400 คน
นั่งเรือบ้าง นั่งแพโฟมบ้าง แพถังพลาสติกบ้าง
อากาศร้อนๆอย่างนี้เล่นน้ำจับปลาก็เข้าท่าดีนะครับ
ปะเหมาะได้ตัวใหญ่ๆเอาไปต้มโคล้งซดให้ซู่ซ่าส์ไปเลย
ถามแม่ใหญ่ท่านหนึ่ง
ทำไมคนถึงมามากมายอย่างนี้ละครับ แม่ใหญ่บอกว่าก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ อบต.จับปลาตัวใหญ่มาเป็นตัวอย่าง ปลายี่สก ปลาช่อน ปลาไน บิ๊กๆทั้งนั้นตัวละ4-5กิโล ทำเป็นเอามาอวดและขายให้ร้านอาหารในหมู่บ้าน พร้อมกับคุยโขมงโฉงเฉงออกเสียงตามสาย ชาวบ้านร้องโอ้โฮๆๆๆๆ ปากต่อปากตีไข่ใส่สีอึกกะทึก
คงเป็นเพราะการประชาสัมพันธ์ชั้นยอด ข่าวกระพือไปยิ่งกว่าไฟไหม้ฟาง เพื่อนบ้านจึงแห่กันมาอย่างที่เห็น แม่ใหญ่มาเชียร์ลูกชาย2คน โน่นๆ..หว่านแหตั้งแต่เช้าแล้ว ได้แต่ปลาขาวปลาสร้อยคนละ4-5ตัว ไม่เห็นใครได้ปลาตัวใหญ่สักกะตัว
ถ้าใ ค ร จั บ ไ ด้ ป ล า ตั ว โ ต
จะ ย ก โ ช ว์ โ ห่ บ อ ก เ พื่ อ น
บ ร ร ย า ก า ศ ล่ า ป ล า คึ ก คั ก ส นุ ก ส น า น
แต่วันนี้เงียบยิ่งกว่าอมสาก มีแต่เสียงถอนใจ เสียงบ่น เหนื่อย หิว และท้อแท้ ทั้งๆที่ซื้อบัตร200บาท/1ปากแห อบต.มีรายได้จากการขายบัตรนับแสนบาท ระหว่างล้อเคลื่อนเดินทางออกมาช้าๆ ได้ยินเสียงชาวบ้านเอะอะโวยวายเป็นกลุ่มๆ
บอกว่า..โดนหลอก
แบบนี้ต้องเอาเงินคืน
ไม่อย่างนั้นฉันไม่ยอม ..
ฉันจะจับอบต.มาต้มยำน้ำข้นแทนปลา เป็นไงเป็นกัน..!!!
เหตุการณ์จะเป็นประการใดต่อไปก็ไม่ทราบ
รู้แต่ว่า..ปี นี้ ช า ว บ้ า น โ ด น ก้ า ง ป ล า ค า ค อ
นี่ไง..สังคมศรีธนญชัย !
แหม..ถ้า เ อ า เ งิ น ไ ป ซื้ อ ป ล า ก ร ะ ป๋ อ ง
ก็คงไม่จั่วลม เ ห มื อ น ป ล า พั น ธุ์ แ ห้ ว ข อ ง อ บ ต .ห ร อ ก น ะ จ๊ะ
ชิมิ ชิมิ
« « Prev : ทำไม คนสวยอกหักระนาว
Next : O-NET ไม่ใช่โอยั๊วะ » »
2 ความคิดเห็น
ช่วงไปเฮย่าโม อยากจะโผล่ไปดูหนังเรื่องพระนเรศวร ภาค 3
ใครสนใจยกมือขึ้น
อิ อิ..
ไทยเข้มอ่อน
เข้มคือสีผิว ที่ต้องตากตรำกรำแดดฝนมากขึ้น
ที่อ่อนคือ ปวกเปียกเพระยิ่งทำมากยิ่งยากจน
ทำนองว่าโง่แล้วขยันหรือเปล่าครับ
ควรลดการปลูกข้าวลงให้เหลือเพียงพอกินในประเทศ แล้วหันมาปลุกป่าจะดีกว่าไหมครับ
ทุกวันนี้สูตรเพื่อความยั่งยืน คือ ความกล้าของประชากลุ่มเล็กๆต้องนำการเมือง เพราะการเมืองเรามัน”ขี้ขลาดจนตรอกแล้ว”