ปิดกระทรวงศึกษาฯ

โดย sutthinun เมื่อ 15 มีนาคม 2011 เวลา 6:43 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 1797

นั่งแท็กซี่ไปประชุม รถจอดเอี๊ยด! อ้าว! ทำไมทางเข้าประตูกระทรวงศึกษาปิดตายยังงั้นละ สงสัยจะพวกม็อบนี่ละมั่ง ประกาศรักประเทศไทยปาวๆ แต่ไม่รักกระทรวงศึกษาฯ ไม่รักคนกรุงเทพฯ ไม่รักคนที่สัญจรไปมา ไม่รักข้าราชการที่เขาต้องไปทำงาน แบบนี้มันรักอะไรกันแน่ ตั้งแคร่ตั้งเต็นท์คร่อมถนนกันยาวยืด เยื้องประตูเข้ามีเวทีขนาดใหญ่ เดินเฉียดไปฟังเห็นพูดถึงเรื่องการเคลื่อนศพพยาบาลจากนิวซีแลนด์กลับมาไทย แหมจะพูดเรื่องแค่นี้ทำไมต้องลำบากลำบนขนกันมาหน้าแห้งหน้าดำขนาดนี้ ผมเห็นแต่ประเทศไทยนี่แหละ ทำอะไรไม่ทันกินกับเขาเสียเลย เรื่องม็อบข้างถนนนี่มันโบราณไปแล้ว ทั่วโลกเขาย้ายไปม็อบบนเฟสบุกส์ สะดวกและไม่เดือดร้อนใครด้วย

ถ้ า รั ก ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย อ ย่ า เ ซ่ อ น ะ ต๋ อ ย ?

ควรเข้าไปแสดงความคิดเห็นกับกลุ่มออกแบบประเทศไทยโน้น!

เข้าประตูไม่ได้ ผมก็ถือโอกาสเดินสำรวจสภาพม็อบ 2ฝั่งถนนอุดมไปด้วยแม่ค้าแม่ขาย อาหารการกินเพียบ มีมุมขายมือตบด้วยนะ เดินไปเจอสุขาเคลื่อนที่ เลยเข้าไปสำรวจและทดลองใช้บริการ เห็นวิธีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า นี่ถ้าย้ายทั้งหมดนี้ไปอยู่เมืองที่เกิดสึนามิในญี่ปุ่น น่าจะสอดคล้องกับวิถีของผู้ที่ทรหดอดทนกับความลำบาก

ผมเดินอ้อมๆไปเข้าประตูหลัง เข้าไปนั่งป๋อหลอทันเวลาประชุม ระเบียบวาระที่ถกกันมาก ได้แก่ร่างยุทธศาสตร์การส่งเสริมการจัดการศึกษาขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก่อนหน้านี้มีการจัดตั้งคณะกรรมการไปศึกษาข้อมูล วันนี้เอาสิ่งที่ได้มาวิพากษ์วิจารณ์กัน ฟังไปฟังมาก็เหนื่อย การรวบอำนาจไว้ส่วนกลางเป็นการสะสมปัญหาให้เขม็งเกลียวมากขึ้น จนกระทั้งระบบเรรวนป่วนแปะ แตะตรงไหนก็มึนตึบ

พบว่ามีโรงเรียนร้าง ไม่มีนักเรียนเลย 148 โรง

โรงเรียนมีเด็ก 1-20 คน จำนวน 409 โรง

โรงเรียนมีเด็ก 21-40 คน จำนวน 1,760 โรง

โรงเรียนมีเด็ก 41-60 คน จำนวน 2,960 โรง

โรงเรียนมีเด็ก 61-80 คน จำนวน 3,341 โรง

โรงเรียนมีเด็ก 81-100 คน จำนวน 3,025 โรง

โรงเรียนมีเด็ก 101-120 คน จำนวน 2,413 โรง

รวมทั้งสิ้น 14,056 โรง

จังหวัดเชียงใหม่มีโรงเรียนในกลุ่มขนาดเล็ก 263 โรง

จังหวัดลำพูนมีโรงเรียนในกลุ่มขนาดเล็ก 90 โรง

จังหวัดพิษณุโลกมีโรงเรียนในกลุ่มขนาดเล็ก 96 โรง

จังหวัดเชียงรายมีโรงเรียนในกลุ่มขนาดเล็ก 132 โรง

จังหวัดมหาสารคามมีโรงเรียนในกลุ่มขนาดเล็ก 107 โรง

จังหวัดบุรีรัมย์มีโรงเรียนในกลุ่มขนาดเล็ก 49 โรง

ผู้ทรงคุณวุฒิอภิปรายกันหลากหลายความเห็น บางท่านบอกว่าพอกระทรวงเห็นปัญหาก็จะโบ้ยไปให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)ทำ ท้องถิ่นเองอยากจะได้หรือจะจัดการไหวหรือเปล่าก็ไม่รู้ ที่ทำอยู่ได้แก่ศูนย์เลี้ยงดูเด็กก่อนวัยเรียน จะยกให้อปท.ระดับอื่นให้อปท.ก็ยี่ยักยี่หย่อน

เรื่องนี้คุณหมอจอมป่วนก็เคยโพล้งไว้ จะ ม อ บ แ ต่ ภ า ร ะ ง า น ส่ ว น ง บ ป ร ะ ม า ณ ไ ม่ มี ใ ห้ เท่าที่ฟังจากตัวแทนสำนักงบประมาณชี้แจง เขาบอกว่าตอนนี้อปท.มีงบประมาณมากกว่า2แสนลานบาทต่อปี แต่เอามาใช้จ่ายเพื่อการเรียนรู้น้อยมาก เท็จจริงประการใดไปว่ากันเอาเองนะครับ

ท่านอาจารย์สุมน อมรวิวัฒน์ อภิปรายว่า ก่อนที่จะดำเนินการศึกษาอย่างไรต่อไป ควรพิจารณา 3-4 ประเด็น เช่น

1 การออกแบบวิธีบริหารจัดการสถานศึกษา

2 การออกแบบการเรียนรู้ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะผู้ที่อยู่ในโรงเรียนเท่านั้น คนไทยทุกคนควรจะได้รับการศึกษาตามความเหมาะสมและจำเป็นต่อการพัฒนาการตนเอง

3 การอกแบบเครือข่ายหน่วยงานการศึกษาที่ครอบคลุมไปถึงศาสนา วัฒนธรรม รวมกันลงไปเรียนรู้กับท้องถิ่น

4 การมีส่วนร่วม การใช้ทรัพยากรร่วมกัน

สภาพปัจจุบัน

1 มีจำนวน อปท.ที่จัดการศึกษาในระบบ428แห่ง(ร้อยละ 5.45ของ อปท.ทั้งหมด)

2 มีสถานศึกษาขั้นพื้นฐานสังกัด อปท.1590 แห่ง (จัดการศึกษาประถม-มัธยม-ปวช. 10 แห่ง และอุดมศึกษา 3 แห่ง)

3 มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสังกัด อปท.19,481 ศูนย์

ท่านประธานเล่าว่า ถ้าจะย้ายโอนการศึกษาทั้งหมดไปให้ อบจ.และ อปท. เหมือนประเทศญี่ปุ่น คงจะยากแต่ก็ต้องคิดเผื่อไว้ในอนาคต จะภายในกี่ปีก็ว่ากันไป ผู้ทรงคุณวุฒิอภิปรายความเป็นไปได้เรื่องการปรับโอนช่วงนี้ สำหรับโรงเรียนขนาดเล็ก อบต.อปท.ในแต่ละพื้นที่นั้นย่อมมีขนาดเล็กไปด้วย ความพร้อมความสามารถจะเป็นอย่างไร แม้แต่โรงเรียนร้างที่จะแก้ระเบียบให้อบต.เข้าไปใช้งาน ก็ไม่ทราบว่าอบต.จะรับไหม รับไปทำอะไร ผมคิดว่ามันเหมือนกับเอาปลากระป๋องเน่าไปแจก นั่นแหละ

เรื่องการจัดการศึกษาแบบมีส่วนร่วม การศึกษาตามอัธยาศัย การศึกษานอกระบบ

ผมอภิปรายว่า ถ้าอยากเห็นอยากให้เกิดตรงจุดนี้ อย่าคิดเชิงทฤษฎี การเรียนการสอนในห้องที่อัดแน่นไปด้วยเนื้อหาจนครูโอดครวญว่าสอนไม่ทัน สอนไม่ครบ เราพูดถึงอัธยาศัยแต่ไม่เคยให้ความสำคัญของอัธยาศัยผู้เรียนผู้สอน เอาแต่สั่งๆๆๆ..เด็กและครูเบื่อการเรียนการสอนตามใบสั่งที่คับคั่งนี้ จนไม่มีเวลาขยับขยายอะไรได้เลย จะให้เอาเวลาที่ไหนไปสอนเรื่องการทำงาน การสร้างสมประสบการณ์ชีวิต การสะสมทักษะชีวิต

คิดมากแต่ทำจิ๊ดเดียว..เป็นไปไม่ได้หรอก

ถ้าไม่ปรับรื้อเนื้อหาในหลักสูตรที่สอนมากแต่รู้น้อย

ขอได้ไหมละ

..ย ก วั น ศุ ก ร์ ทั้ง วั น ใ ห้ เ ด็ ก เ รี ย น เ ชิ ง กิ จ ก ร ร ม

ถ้าโรงเรียนไหนสนใจก็นัดหมายกันลุยต่อในวันเสาร์-อาทิตย์

ถ้าทำได้จะเป็นการเตรียมเด็กกลุ่มนี้เข้าเรียนสายอาชีวะมากขึ้น

เท่าที่สังเกต..ข อ เ ส น อ ผ ม ค ง เ ป็ น ห ม้ า ย

ในเมื่อคนในแวดวงการศึกษายังคิดแบบ

..คิ ด เ ก่ า ๆ ทำ เ ก่ า ๆ แ ต่ อ ย า ก จ ะ ไ ด้ ผ ล ลั พ ธ์ ใ ห ม่ ๆ

เ รื่ อ ง ข อ ง ข้ า ใ ค ร อ ย่ า เ ต ะ . .

:: ที่อุ้ยถามความเห็นมาในบล็อกก่อนหน้านี้ เอาเป็นว่าผมจะส่งเอกสารทั้งหมดไปให้ จะได้มีเพื่อนร่วมปวดหัวยังไงละครับ

“ มอบให้อุ้ยอ่านเล่นพอเย็นจิต

ช่วยครุ่นคิดต่อยอดสอดใส่เสริม

เมื่อเห็นดีเห็นด้อยค่อยช่วยเติม

ให้อุ้ยเจิมจุดแก้ไขดีไหมเอย”

อิ อิ..

« « Prev : สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ

Next : ครุ่นคิดคำนึง » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 จอมป่วน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 มีนาคม 2011 เวลา 8:06

    การทำงานสมัยนี้ต้องให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ทั้งเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชน
    ดูแลการศึกษามาตั้งนาน มีปัญหาแล้วยังไม่เอะใจ…..

    ว่างๆหาหนังสือ แพทย์ เทพเจ้ากาลี ที่อีวาน อิลลิช เขียน อาจารย์หมอสันต์ หัตถีรัตน์ แปล มาอ่านเล่นก็จะดีนะ เค้ากระตุกวิธีคิดไว้สามสิบกว่าปีแล้วครับ อิอิ

  • #2 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 มีนาคม 2011 เวลา 9:57

    กราบขอบพระคุณค่ะ

    แหม…นึกว่าปิดจริงๆเหมือนชื่อบันทึก…ที่ไหนได้..แหม…ทำเอาคนอ่านเก้อเลยนะคะครูบา
    ฮ่าๆๆ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.92465114593506 sec
Sidebar: 0.048183917999268 sec