โก๋แก่รำพัน

โดย sutthinun เมื่อ 8 มีนาคม 2011 เวลา 9:13 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 1956

คนอยู่บ้านนอกคอกนาอย่างโก๋นั้น วิถีชีวิตคลุกคลีสายตรงกับธรรมชาติแบบถึงลูกถึงคน เรียกว่ากินกลางดอนนอนกลางป่า ร้อนๆมาก็หลบเข้าร่มไม้ แต่ตอนนี้แล้งแสนแล้งจนแทบจะกรอบเกรียบไปทุกย่อมหญ้า ร้อนมากๆก็เริ่มร้อนรน ปัมท์น้ำบาดาลวันหนึ่งหลายชั่วโมง ดูเหมือนน้ำใต้ดินก็ลดลงด้วย บาดาลอีกบ่อหนึ่งต้องต่อท่อหย่อนต่อลงไปลึกประมาณอีก6 เมตร รวมความลึก 130 เมตร จึงช่วยให้การสูบน้ำได้ต่อเนื่อง ยังดีที่พอมีน้ำใช้บ้าง แต่ก็ต้องประหยัด น้ำคือชีวิต น้ำทุกหยดมีค่าต่อการอยู่รอดของสรรพสิ่ง แต่นี้ไปชาวไร่ชาวนาไทยจะต้องเรียนเรื่องน้ำๆ ทั้งน้ำตา น้ำใจ และน้ำลาย

แ ส น ส ง ส า ร เ ค รื่ อ ง บิ น ทำ ฝ น เ ที ย ม

เ ม ฆ อ า ย เ ห นี ย ม ไ ป ไ ห น ห ว่ า ห า ไ ม่ เ ห็ น

ทั้ง ฝ น เ ที ย ม ฝ น แ ท้ แ ห่ ห ลี ก เ ร้ น

ที่ ก ร ะ เ ซ็ น คื อ น้ำ ล า ย ท่ ว ม ส ภ า .

ผมสังเกตุเรื่องการรดน้ำมาระยะหนึ่ง ในช่วงแล้งอย่างนี้ ท่านต้องให้น้ำตามจำนวนและต้องตรงเวลานะครับ ถ้าขืนรดน้ำสะเปะสะปะต้นไม้จะกลับบ้านเก่า หรือถ้าท่านมีน้ำต้นทุนไม่เพียงพอขอให้ตัดใจอย่าไปรด ปล่อยให้ต้นไม้ปรับตัวตามภาพธรรมชาติของเขาเอง ขืนไปรดแล้วปล่อยปะละเลยเพราะน้ำไม่พอ ต้นไม้ตายแหง๋แก๋เลยละครับ ถ้ามีเมตตากรุณาต่อต้นไม้จริงๆ ควรจะเอาฟางหรือเศษกิ่งไม้ใบไม้ไปปกคลุมรอบๆโคนต้นให้จะดีกว่า

ช่วงแล้งนี้ต้นไม้ผลัดใบจำนวนมาก พื้นที่ข้างบ้านมีใบไม้แห้งปกคลุมหนาประมาณครึ่งคืบ เดินย่ำกรอบแกรบนุ่มเท้า ใ บ ไ ม้ ที่ อ ยู่ บ น ต้ น ช่ ว ย ป ก ป้ อ ง แ ส ง แ ด ด ร่ ว ง ล ง ม า ก็ ยั ง เ ป็ น ฉ น ว น ป้ อ ง กั น แ ด ด แ ล ะ อ า ก า ศ ร้ อ น ไ ด้ ร ะ ดั บ ห นึ่ ง ธรรมชาติช่วยเหลือตัวเองสุดเหวี่ยง ที่ผมพอคุยเรื่องต้นไม้ใบไม้ได้บ้าง เพราะผมปลูกต้นไม้มานิดหน่อยนั่นเอง ส่วนประเภทชะลอหลังยาว ไม่ยอมปลูกต้นอะไรเลย ก็ยากที่จะเข้าใจเรื่องนี้ ปล่อยให้เป็นหมาเห่าเครื่องบินดีไหมเธอ

ร้อนแล้งอย่างนี้บ่นไปก็เท่านั้น

โก๋ลงมือออกแบบทดลองการปลูกพืชช่วงแล้ง

ชวนลูกน้องขุดหลุมกว้างxยาวxลึกประมาณครึ่งเมตร

เอาผงถ่านกับมูลโคผสมดินรองก้นหลุม

เอาท่อPE.เดินท่อน้ำฝอยหันหัวพ่นลงดิน

เอาต้นอินทผลัมมาปลูก

เอาโพลิเมอร์มาโรยข้างต้น

เอาต้นกล้วยมาปลูกบังแดด

เอาเศษใบไม้ใบหญ้ามาปกคลุมหลุม

ผลเป็นประการใดเดี๋ยวก็รู้

แต่ที่แน่ๆได้คำตอบว่า>>การปลูกต้นไม้สมัยนี้จะต้องลงทุนลงแรงเป็นอย่างมาก จะปลูกทิ้งปลูกขว้างอย่างสมัยก่อนไม่ได้หรอก ความชื้นที่หายไป น้ำหมอก น้ำค้างไม่มีมานานแล้ว คนทิ้งขว้าง>> ฝนเลยทิ้งช่วง ความชื้นในอากาศระเหิดหายกู่ไม่กลับ ป่ า ไ ม้ เ ห ลื อ แ ต่ ต อ ลมแล้งมาก็พัดพาหน้าดินปลิวหายไป ฝนเทลงมาก็ชะล้างหน้าดินทิ้งไปอีก ความอุดมสมบูรณ์ของดินหมดไปเพราะเรื่องนี้มากกว่าที่พืชดูดไปใช้เสียอีก สภาพธรรมชาติที่เหมาะสมนั้น จะต้องมีต้นไม้ปกคลุมตามสมควร เพื่อปกป้องหน้าดินเอาไว้ ใบไม้กิ่งไม้ก็แปรสภาพเป็นปุ๋ย ที่รากยังเป็นบ้านอาศัยของไส้เดือน-แมลง-และจุลินทรีย์ต่างๆ

ป ลู ก ไ ม้ ยื น ต้ น แ ล้ ว ตั ด เ อ า เ ฉ พ า ะ กิ่ ง กั บ ใ บ ม า ใ ช้ ป ร ะ โ ย ช น์

จะ ช่ ว ย ใ ห้ เ กิ ด ค ว า ม ยั่ ง ยื น

แ ล ะ ส อ ด รั บ กั บ ส ภ า พ เ ศ ร ษ ฐ กิ จ ข อ ง ผู้ ป ลู ก

มีคำถาม>> ถ้าคงเหลือต้นไม้ไว้มากๆ เราจะเอาพื้นที่ดินตรงไหนมาเพาะปลูก เรื่องนี้สามารถออกแบบได้หลายลักษณะ เช่น ปลูกพืชไร่เป็นแถวสลับกับปลูกไม้ยืนต้น ปลูกแบบคู่ขนานกัน อย่าไปโค่นต้นไม้ทิ้งจนเกลี้ยง แล้วปลูกพืชไร่โล่งโจ้งสุดลูกหูลูกตา อย่างที่เราเห็นไร่อ้อยไร่มันสำปะหลังหรือนาข้าวส่วนใหญ่ การทำเกษตรกรรมลักษณะนี้ละครับที่เป็นการสร้างหนี้ถาวร คิดแต่จะเอาผลิตผลจำนวนมากโดยไม่คำนึงว่าแต่ละปีได้เอาความสมบูรณ์ของดินออกกี่มากน้อยออกไป

ในการขายผลผลิตทางการเกษตรนั้น จะมีสักกี่คนที่คิดบวกราคาแร่ธาตุต้นทุนในดินไปด้วย การคิดและทำแบบมักง่ายจึงต้องเผชิญความยุ่งยาก ดินเสื่อมแมลงรบกวน ต้องกู้เงินมาซื้อปุ๋ยและสารเคมีมาใช้ ต้นทุนการผลิตจึงเพิ่มมากขึ้นจนยากที่จะคุ้มทุน ทำนาแท้ๆ>> แทนที่จะตกถังข้าวสาร กลับต้องมาเดินขบวนร้องเหมือนเปรตขอส่วนบุญ ให้รัฐฯช่วยเพิ่มประกันราคาข้าว กลายเป็นชาวนาไร่ชาวนาพันธุ์อ่อนแออ่อนไหว ช่วยตัวเองไม่ได้แม้กระทั้งพันธุ์ข้าว โอ๋กันไปโอ๋กันมาเหมือนคนปัญญาอ่อน แบบนี้จะทู้ซี่ทำนาไปทำไมก็ไม่รู้ เหนื่อยเปล่าๆ ทำให้คนอื่นทั้งนั้น คนรับประโยชน์ตัวจริงคือ พ่อค้าปุ๋ย พ่อค้าสารเคมี พ่อค้ารถไถรถนวดรถเกี่ยว พ่อค้าเงินกู้ ตัวชาวนาต้องรับความเสี่ยงสาระพัดสุดท้ายชาวนากลุ่มนี้หันไปหาอาชีพเสริม รับจ้างก่อม็อบเดินขบวน !!

ก า ร ร ด น้ำ ต้ น ไ ม้

จำเป็นต้องใคร่ครวญถึงปัจจัยแวดล้อม

เช่น วัสดุซับน้ำ วัสดุคลุมหน้าดิน

สร้างร่มเงาด้วยการปลูกกล้วยบังแดดและช่วยเพิ่มความชื้นเย็น

การเลือกชนิดของพันธุ์ไม้ก็สำคัญ

ควรพิจารณาถึงนิสัยของต้นไม้ที่เหมาะสมกับพื้นถิ่นตรงนั้น

ต้น ไ ม้ ก็ เ ห มื อ น ค น นั้ น แ ห ล ะ

มี ทั้ ง พั น ธุ์ หั ว แ ข็ ง และ พั น ธุ์ หั ว อ่ อ น

ทำ อ ย่ า ง ไ ร จ ะ รู้ ว่ า ค น ไ ห น มี คุ ณ ส ม บั ติ อ ย่ า ง ไ ร ?

ก็ สุ่ ม บี บ ก ระ โ ห ล ก ดู สิ ค รั บ

คริ คริ

« « Prev : โรคคิดถึงเรื้อรัง

Next : โก๋สะอื้น » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 มีนาคม 2011 เวลา 11:59

    ทีวีมีรายการก่อนบ่ายคลายเครียด วันนี้อ่านก่อนเที่ยงคลายเครียดกับบันทึกของครูบาค่ะ

    จริงๆเรื่องมันน่าเครียดนะคะ ที่น้ำเหือดหายไป เหือดหายไป …แต่อ่านแล้วยังหัวเราะออกด้วยสไตล์การเขียนเนี่ยแหล่นะคะ

    อ่านเสร็จก่อนพิมพ์ แอบลองบีบกระโหลกตัวเองดูแล้วค่า..พันธุ์หัวอ่อนว่าง้ายง่ายเลยค่ะ……อิอิ

  • #2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 มีนาคม 2011 เวลา 12:58

    จะอื๊ยยยยส์ นะอุ้ย อิอิ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.040819883346558 sec
Sidebar: 0.046430110931396 sec