ระวังพยาบาลหาย
อ่าน: 2304เมื่อวานเอ้อระเหยมาถึงกระทรวงสาธารณสุข มาประชุมคณะกรรมการกำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติ อะไรที่ลงท้ายด้วยคำว่าชาติ แสดงว่ามันเป็นปัญหาน่าปวดขมองทั้งนั้นแหละ การจัดการอัตรากำลังของแต่ละกระทรวงเป็นอะไรที่พิลึกกึกกืออยู่ภายใน ระบบราชการมีข้อจำกัดมากมายท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่จะต้องแก้ไขปรับปรุงตลอด จึงมีเรื่องตกค้างสะสมให้บิดตะกูดกันเรื่อยมา
อาคารสุขภาพแห่งชาติเพิ่งจะตบแต่งใกล้เข้าที่เข้าทาง คณะฯจึงจัดประชุมห้องใหม่เสียเลย กระทรวงสาธารสุขของไทยนั้นต้องยอมรับว่าเป็นกระทรวงที่มีอาณาจักรเป็นของตนเอง เป็นระเบียบเรียบร้อย จัดทุกกรมกองเข้ามาอยู่รวมกัน เป็นเสมือนเมืองๆหนึ่ง มีถนนซอกซอยไปยังอาคารหน่วยงานต่างๆ คนที่ไม่คุ้นชินก็จะต้องอ่านป้ายจนตาเหล่ ถามเจ้าหน้าที่บางคนก็ไม่รู้ว่าอาคารสุขภาพแห่งชาติตั้งอยู่ที่ใด ในเมื่อสร้างอาคารพรึบพรับขึ้นพร้อมๆกันในบริเวณกว้างขวางมาก มาที่นี่ต้องอาศัย>>ปากเป็นเอกเลขเป็นโท ก่อนหน้านี้ตระเวนไปประชุมตามโรงแรมต่างๆ ต่อไปก็จะมาปักหลักประชุมที่นี่สะดวกและประหยัดด้วย
อากาศเมืองนนทบุรีนั้นผีเข้าผีออก สมาชิกที่ร่วมประชุมใส่สูทบ้างแต่ส่วนใหญ่จะเสื้อบางๆดูเรียบร้อยตามสบาย ถ้าทุกแห่งทำอย่างนี้อาจจะลดอุณหภูมิแอร์ลงได้อีก ก็อย่างว่าแหละครับ วัฒนธรรมขององค์กร..โก้ไว้ก่อน ในอนาคตน้ำมันแพงขนาดคุยกับแฟนก็ต้องดับไฟ ตอนนั้นแหละค่อยมาดิ้นกระแด่วกัน
วันนี้ประชุมร่วมกับคุณหมอที่ทำหน้าที่ระดับนโยบาย ได้ฟังความคิดเห็นและวิธีแก้ปัญหาแบบถึงลูกถึงคน คุณหมอมงคล ณ สงขลา ประธานที่ประชุม ถามเจ้าหน้าที่ ก.พ. ตรงๆว่า บอกมาเล้ย>>เรื่องอัตรากำลังที่ขอ ได้ไม่ได้อะไรยังไงไม่ต้องอ้อมค้อม เจ้าหน้าที่ ก.พ. ก็ตอบว่า>>เราทำงานในรูปของคณะกรรมการ อยู่ภายใต้กรอบนโยบายที่ครม.กำกับ บอกตรงๆหรือไม่บอกต่างก็รู้ๆแก่ใจกันอยู่แล้วว่ายากส์ส์ส์ แปลว่าอะไร เฮ้อ น่าเห็นใจ ใครมาอยู่ ก.พ. อยู่สำนักงบประมาณฯหัวใจต้องทำด้วยไตตาเนียม
ตัวเลขผลิตกำลังคนเพิ่มเพื่อโรงพยาบาลเสริมสร้างสุขภาพตำบล
1.1 ผลิตพยาบาลวิชาชีพเพิ่มปี55-60ปีละ 1,100 คน
ผลลัพธ์ปี 64 จะมีพยาบาลเพิ่มให้ ร.พ. สต. 6,600 คน
1.2 ผลิตนักวิชาการสาธารณสุข ปี 55-60ปีละ 700 คน
ผลลัพธ์ปี 64 จะมีนวก.เพิ่มให้ ร.พ. สต. 4,200 คน
1.3 ผลิตนักวิชาการสาธารณสุข (ทันตฯ) ปี 55-60ปีละ 600 คน
ผลลัพธ์ปี 64 จะมีนวก.สธ. (ทันตฯ).เพิ่มให้ ร.พ. สต. 3,600 คน
1.4 ผลิตนักการแพทย์แผนไทย ปี 55-60ปีละ 350 คน
ผลลัพธ์ปี 64 จะมีนักการแพทย์แผนไทย.เพิ่มให้ ร.พ.สต. 2,100 คน
รวมงบฯทั้งสิ้น 8,942.73 ล้านบาท (ใช้ใน10ปี)
หมายเหตุ งบพัฒนาพยาบาลเวชปฏิบัติทั่วไป 2,000 คน
รายงานการสูญเสียพยาบาลวิชาชีพสำนักงานปลัดกระทรวงฯปี2548
3 จชต. จัดสรร 26 คงเหลือ 24 สูญเสีย 2 การสูญเสีย 7.7%
จังหวัดน่าน จัดสรร 30 คงเหลือ 3 สูญเสีย 27 การสูญเสีย 90.0%
จังหวัดพะเยา จัดสรร 25 คงเหลือ 19 สูญเสีย 6 การสูญเสีย 24%
จังหวัดอื่นๆ จัดสรร 1,422 คงเหลือ 1,087 สูญเสีย 335 การสูญเสีย 23.6%
รวม จัดสรร 1,448 คงเหลือ 1,111 สูญเสีย 337 การสูญเสีย 23.3%
ผมมีรายการต้องไปโม้ให้สมาคมพยาบาลผ่าตัดต้นเดือนหน้า เห็นตัวเลขปี 2552 มีรายการผ่าตัดทุกหน่วยงานรวมกันทั่วประเทศ แยกเป็นโรงพยาบาลศูนย์ 677,363 ราย โรงพยาบาลจังหวัด 724,168, ราย โรงพยาบาลชุมชน 538,008 ราย รวมสุทธิ 1,939,539 ราย ลองเอา365วันหารดูสิครับ เราปาดกันอุตลุดขนาดไหน ถ้านับของโรงพยาบาลเอกชนด้วย ข้อมูลคงทะลุไปอีกเท่าไหร่ไม่รู้ ตัวเลขเหล่านี้คงขยับไปอีก ส่วนจะช้าหรือเร็วก็ขึ้นกับการบริหารสุขภาวะของสังคม
** ถ้ากระตุ้นให้คนไทยรักตัวเองดูแลตัวเองรับผิดชอบตัวเองได้ดีขึ้น หรือไม่ก็คิดเชิงนโยบายแบบสมดุล ตามที่ท่านจอหงวนเสนอ แทนที่จะกำหนดบัตรทอง 30 บาท ตายทุกโรค ก็มาเปลี่ยนเป็น5,000บาท รอดตายเกือบทุกโรค
เรื่องขาดแคลนหมอและพยาบาลคงเป็นปัญหาเกาะติดแบบกัดไม่ปล่อยไปอีกนาน ในเมื่อประชากรมากขึ้น การเจ็บป่วยมีความซับซ้อนมากขึ้น เป็นโรคเรื้อรังมากขึ้น มีความรุนแรงมากขึ้น โดยมีปริมาณผ่าตัดเพิ่มขึ้นดังที่แสดงแล้ว พบว่า โรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป ต้องการพยาบาลวิชาชีพ รวม 128,100 คน
จากตัวเลขข้างบนจะเห็นว่า
เราจะต้องร่วมด้วยช่วยกัน
คนไทยจะต้องรักและทะนุถนอมพยาบาลไว้ให้ดี
อย่าไปทำอะไรให้ระคายเคืองใจ
ถ้าพยาบาลหนีไปทำงานต่างประเทศ
เราก็จะขาดพยาบาลไปอย่างน่าเสียดาย
ถ้าพยาบาลหนีไปแต่งงานหรือลาออกไปดูแลครอบครัว
เราจะขาดพยาบาลหนักเข้าไปอีก
จึงขอร้องพ่อเจ้าชู้ประตูดินทั้งหลาย
ที่กำลังคิดจะจีบพยาบาลขอให้คิดหน้าคิดหลังให้ดี อิ อิ..
« « Prev : หลบม็อบมาหมอบดีกว่า
4 ความคิดเห็น
ดูแลพยาบาลน่ะ ดูแลง่ายนิดเดียว…
1. เพราะพยาบาลสามารถทำได้หลายอย่าง…ดังนั้น เรื่องการมาออกคำสั่งซี้ซั้ว..เลิกเถอะ…พยาบาลเขาคิดของเขาเองได้..สั่งมากๆเข้า…ไปทำที่อื่นดีกว่า
2. เพราะพยาบาลน่ะ อยู่บนลำแข้งของตัวเอง คนขาดซะขนาดนี้ ยังกัดฟันทำงานกันไปตราบใดที่เห็นว่าไม่ใช่เพราะถูกเอาเปรียบเกินไป…ดังนั้นถ้าหัวหน้าคิดว่าไม่เห็นโวยวายเลยเอาเปรียบไม่ดูแลทุกข์สุข อัดงานให้มากๆๆๆ แต่ไม่ดูแลสวัสดิการละก้อ….ไปทำที่อื่นดีกว่า
3. เพราะพยาบาลน่ะความมุ่งมั่นสูง…ประมาณว่าดื้อนะ…ที่ใครเขาไม่รักก็มีเยอะ บางทีก็ดื้ออยู่งั้นแหละ….อิอิ
เขียนสัก 3 ข้อพอหอมปากหอมคอค่ะ..ฮ่าๆๆ
มีหลายอย่างที่ไม่ใช่แค่เงินค่ะ ที่พยาบาลจะย้ายหรือไม่ย้าย หรือลาออก
ข้อมูลที่ผมสืบมาได้เมื่อ 10 ปีก่อนโดยประมาณคือ
อีสานมีหมอต่อหัวปชช. 1:8000
ภาคเหนือ 1:2000
กทม. 1:500
และจากการคำนวณของผมเอง ตำรวจต่อหัว ปชช. เฉลี่ย ทั่วประเทศ คือ 1:200 (โดยอีสานน่าจะดีกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ เพราะตำรวจเลวๆที่ถูกทำโทษเขาเอามาปล่อยไว้อีสานหมดสิ้น )
ตัวเลขนี้มันขมขื่นมาก ในหลายมิติ
ผมเอาตัวเลขนี้ (และอีกหลายๆตัวเลข) ไปบอกพรรคการเมืองบางพรรคว่า ถ้าอยากกลับมาครองอีสานไม่ยากเลย แต่เขาไม่สน
ที่ผมคิดและบอกคนไปมากหลายแล้วคือ หมอไทยที่สร้างมานี้มัน “ดีเกินไป” ตอนนี้รัฐบวมมันบ้าไปแล้ว กำหนดยุทธศาสตร์ให้เป็น medical hub จะรักษาคนต่างชาติ หาเงินเข้าประเทศในขณะที่ประเทศของเขาเอง มีหมอ 1:8000 มันบวมจริงพับผ่า
เราใช้เงินประมาณ 5 ล้านบาทกระมัง ในการสร้างหมอไทยหนึ่งคน พวกเขาเก่งจนกระทั่งไม่ยอมรักษาคนไทยไปแล้ว หอคอยงาอะไรก็ไม่รู้ ที่ไปรักษาแต่คนต่างชาติ เป็น international hospital กันเถือกไปหมด (เลียนแบบมหาลัยไทยมาแหงเลย)
ทำวิจัยกันก็ทำแต่เพื่อรักษาโรคยากๆ ของฝรั่ง ที่ทั่วโลกเป็นกันไม่กี่คน ส่วนโรคง่ายๆที่เป็นกันดาษดื่นทั่วอีสาน เขาไม่ลดตัวลงมาทำวิจัยกันหรอก แม้แต่โรคไหลตาย ที่ก็ยังไม่รู้ว่าคืออะไร
สรุปคือ โรคที่รักษายากที่สุดคือ โรคเห่อ โดยเฉพาะถ้ามาระบาดในกลุ่มบุคคลที่มีออโตอิมมูนสูงๆเช่นหมอ (อิอิไม่ออก)
สมัยผมเป็นนักเรียนทหาร ยังจำได้ว่า ผมสละเลือดปีละสองครั้ง และผมจะเดินดุ่มเข้าไปแบบสุ่ม แต่เพื่อนๆ ผมมันจะรอว่าพยาบาลนางสาวหนึ่งว่างในการเจาะเลือดจึงจะแทรกเข้าไป เธอชือ กำไลทอง เพราะมากๆ สวยมากๆด้วย
ผมมาคิดว่าทำไมพยาบาลส่วนใหญ่จึงสวย น่าแปลกนะครับ ใช่ว่าจะสวยไปหมดทุกคน แต่ถ้าหาค่าเฉลี่ยกันแล้วไซร้ ผมว่าพยาบาลน่าจะเป็นกลุ่มอาชีพที่ผู้หญิงหน้าตาดีที่สุด มันแปลกจริงๆ (อาจยกเว้นแอร์โฮสเตส และ นางแบบนะครับ)
หรือว่า ตอนคัดเลือก สอบสัมภาษณ์ มีหมอผู้ชายเป็นกรรมการสอบ ?
เรื่องสวยนี่พูดยากนะคะอาจารย์ทวิช ลางเนื้อชอบลางยา
แต่ชุดพยาบาลจะบังคับความสะอาดและไม่มีเครื่องประดับเพราะป้องกันการนำเชื้อจากคนหนึ่งสู่คนหนึ่ง(แต่เดี๋ยวนี้ หย่อนวินัยกันไปมาก )
แต่ อะแอ้ม อาจารย์ทวิชจำชื่อได้แม่นขนาดนี้ คงไม่ธรรมดา
เข้าเรื่องค่ะ
อัตราส่วนนี้ ถ้านับจำนวนหมอที่อยู่รักษาจริงๆ คงน้อยกว่านั้นค่ะ เพราะวันแต่ละวันอาจจะสลับกันไปประชุมบ้าง สัดส่วนต่อจำนวนคนไข้จริงคงแตกต่าง
ส่วนพยาบาลก็เหมือนกัน ถ้าไม่นับพยาบาลที่ถูกดึงไปทำงานวิชาการด้านเอกสารและเอาไปใฆ้งานอื่นเช่นคิดเงินคนไข้ ทำเอกสาร ha ต่างๆ ตามแต่ช่วงประเมิน จำนวนพยาบาลที่ปฏิบัติงาน “พยาบาล” จริง มีน้อยกว่าจำนวนตามอัตรากำลัง
อาจารย์พยาบาลที่พานักศึกษาฝึกงาน คือแรงงานแฝงที่ทำหน้าที่แทนพยาบาลประจำการ และแรงงานนักศึกษาพยาบาลอีกมากมาย ที่เป็นแรงงานฟรี ที่เข้าไปแบกรับงานของพยาบาลฟรีๆ แต่ถูกใช้เกณฑ์เดียวกับอาจารย์สาขาอื่นในการประเมินผลงานค่ะ
ตอนนี้อาจารย์พยาบาลขาดแคลน และไหลสู่ ว.เอกชนมากขึ้นค่ะ ถ้าไม่มีมาตรการดูแลเชื่อว่า การขาดแคลนในภาครัฐจะมากกว่านี้แน่นอนค่ะ