วันแก่แต่ชอบเรียกวันเกิด
อ่าน: 3646
เกิดมานานแสนนานบานทะโร่
เตาะแตะโตโมเมมามากหลาย
ดุ่มเดินไปใกล้ถึงยกสุดท้าย
จบตรงป้ายDeleteน่าคิดเอย.
ข้อความปรากฏในโทรศัพท์จากAIS Birthday Package has been activated เป็นเหมือนแจ้งสิทธิ์เรื่องการโทรหรือส่งข้อความในช่วงนี้ ผมลืมเรื่องวันเกิด ลืมสนิท มานั่งคิดอีกที ไม่ใช่วันเกิดหรอก ที่ จ ริ ง เ ป็ น วั น แ ก่ ต่ า ง ห า ก ตั้งแต่เกิดมานาฬิกาชีวิตก็เริ่มบันทึกอายุไขทันที หลังจากนั้นก็เข้าสู่กระบวนเกิด-แก่-เจ็บ-ตาย ไม่เห็นใครหนีความแก่ไปได้สักคน เพียงแต่อย่าให้แก่เกินแกง
: ธรรมะจากหลวงพ่อชา
” อยู่ในโลกใบนี้ก็เหมือนอยู่ในกรงนั่นแหละ ไม่พ้นไปจากกรง ถึงเราจะรวยก็อยู่ในกรง มันจะจนก็อยู่ในกรง กรงอะไรเล่า กรงคือความเกิด กรงคือความแก่ กรงคือความเจ็บ กรงคือความตาย เปรียบเสมือนนกที่เขาเลี้ยงไว้ เอานกเขามาเลี้ยงไว้แล้วก็ฟังเสียงขันของมัน แล้วก็ดีใจว่านกมันขันดี นกเขามันเสียงโต นกเขามันเสียงเล็ก ไม่ได้ไปถามนกเขามันเลยว่ามันสนุกหรือเปล่า เพราะเราก็ว่าฉันเอาข้าวเอาน้ำให้มันกินแล้ว ทุกอย่างอยู่ในกรงหมดแล้ว ก็นึกว่านกเขามันจะพอใจ เรานึกหรือเปล่าว่า..ถ้าหากเขาเอาข้าวเอาน้ำให้กินโดยที่เรายังไปขังอยู่ในกรงนั้น เราจะสบายใจไหม ..แต่ว่านกเขามันจะตายอยู่แล้ว มันอยากจะบินไป มันอยากจะออกจากรง แต่เจ้าของนกนั้นไม่รู้เรื่อง ก็บอกว่านกเขาของฉันมันขันดีนะ ยังคุยโง่ไปโน้นอีก “
” มันก็เหมือนกับเเราขังกันอยู่ในโลกนี้แหละ อันนั้นก็ของฉัน อันนี้ก็ของฉัน อันนี้ก็ของฉันสารพัด ไม่รู้เรื่องของเจ้าของ ความเป็นจริงนั้น เราสะสมความทุกข์ไว้ในตัวเรานั่นเอง ไม่อื่นไกลหรอก แต่เราไม่มองถึงตัว เหมือนเราไม่มองถึงนกเขา เราเห็นว่ามันสบายกินน้ำได้ กินอาหารก็ได้ตลอด เราก็เลยเห็นว่ามันสุข ถึงมันจะแสนสุขสบายเท่าไหร่ก็ช่างเถอะ ในเมื่อเกิดมาแล้วต่อไปมันก็ต้องแก่ แก่แล้วก็ต้องเจ็บ เจ็บก็ต้องตาย นี่มันเป็นทุกข์อยู่อย่างนี้ แต่เราก็มาปรารถนาอีกว่า “ชาติหน้าขอฉันเกิดมาเป็นเทวดาเถิด” มันก็หนักกว่าเก่าอีก พระพุทธองค์ทรงสอนว่า “ทิ้ง” เราก็ว่า”ฉันทิ้งไม่ได้” ก็เลยยิ่งแบกยิ่งหนักไปเรื่อยๆ คือ ความเกิดมันเป็นเหตุให้หนัก แต่เรามองกันไม่เห็น”
>> เราจะปล่อยตัวเองออกจากกรงได้ก็ต่อเมื่อเรารู้สึกเกรงกลัวต่อบาป
ถ้าทำบุญไม่ละบาปมันก็ไม่หมด
มันเป็นเชื้อโรคติดต่อกันอยู่ตลอดเวลา
ร้อนใจเปิดพัดลมก็ไม่คลายร้อนหรอกนะ
ทาแป้งตรางูกี่กระป๋องก็ไม่เย็น
ต้องอาศัยรสพระธรรมมาดับร้อน
(วิชาเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมระดับชุมชน)
ตื่นเช้า เดินไปสูดกลิ่นดอกแก้วตรงชานหน้าบ้าน แค่นี้ก็เริ่มต้นวันที่สุขสบายแล้วละครับ หลังจากนั้นก็ทำอะไรก็ทำไปตามปกติ เดินดูสวนผัก ปลูกอินทะผาลัม อ่านธรรมะหลวงพ่อชา จิบน้ำชา แล้วก็มาเขียนบล็อก แค่นี้ก็ชื่นมื่นแล้วละครับ
(ใหญ่แค่ไหนก็ยังโตงเตง)
ทำสิ่งเล็กๆ
ทำตัวให้เล็ก
เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
มีความรักให้มวลมิตร
มีไมตรีจิตให้มวลชน
มิหวังผลใดๆ
ไปไหนมาไหนก็จะเบาสบายๆ
เรารู้ได้เฉพาะ-วันเกิด-วันแก่-แต่-วันเก็บ-บ่ฮู้
สังวรไว้…ใ ห ญ่ แ ค่ ไ ห น ก็ เ ล็ ก ก ว่ า โ ล ง !
« « Prev : อย่าลืมแป้งตรางูนะน้า
Next : หลบม็อบมาหมอบดีกว่า » »
8 ความคิดเห็น
ที่พ่อว่ามา หนูทำได้อย่างเดียวเองอ่ะค่ะคือ “ทำตัวให้เล็ก”
แถมวันเกิดก็ยังไม่รู้กับเขาอีก
ยิ่งวันแก่นี่คงไม่สนเพราะไม่ค่อยส่องกระจกเท่าไหร่แล้ว
ส่วนวันเก็บ เมื่อไหร่ก็เมื่อน้านนนล่ะนาย ฮี่ๆๆ :)
สาธุกับธรรมะยามเช้าค่ะ
(ทรงน้ำเต้าเป็นตามรอยเชือกที่รัดรึงหรือเปล่าคะ?)
มั่น ยืน ครับพ่อ
คำคมจากจอหงวน อิอิ
เมื่ออายุครบหนึ่งในสามพึงสละความสนุกและเริ่มจริงจังกับการแสวงหาความรู้
เมื่ออายุสองในสามพึงสละการแสวงหาความรู้และเริ่มจริงจังกับการแสงหาความจริง
เมื่ออายุเข้าวาระสุดท้ายพึงสละการแสวงหาความจริงและเริ่มจริงจังกับการแสวงหาความบริสุทธิ์
น้ำเต้าโตเร็ว เผลอแป๊บเดียวสายโยงบีบรัด ต้องแกะเชื่อกคลายขยายบ่อยๆ ถ้าทำไม่ทันผลก็จะขอดกิ่วตามเชือกถัก อิ
บางปี วันเกิดผมฉลองด้วยการอดข้าวทั้งวัน
อยากเชิญชวนให้เป็นวัฒนธรรมไทยแบบใหม่ครับ ผมว่าดีกว่าไปกินเลี้ยงกันไหนๆ อย่างน้อยก็ประหยัดเงินแหละ
อยากจะคิดฉลองด้วยการทำอย่างอื่น แต่ยังคิดไม่ออกครับ ก็เลยเอาแบบนี้ไปก่อน คือทำให้มันลำบากเข้าไว้ เพื่อเป็นสัญลักษร์ให้คิดถึงความลำบากของแม่ในวันนั้น ที่ลำบากมากว่าจะคลอดเราออกมาดูโลกได้
ผมก็คล้ายอาจารย์ทวิช หลายปีก่อน วันเกิดผมต้องอดข้าว แต่คงอดต่างจากอาจารย์ ผมอดเพราะไม่มีเงินกินข้าวครับ ห้า ห้า ห้า
มันเศร้ายิ่งกว่านั้น เอานาฬิกาไปจำนำเขาก็ไม่เอา จะบ้าตาย ห้า ห้า ห้า
วันเกิดผมจึงไม่มีอะไรพิเศษ แค่ระลึกวันที่เราไม่มีข้าวกิน เอ้ย ไม่มีตังค์จะกินข้าว
ตอนนี้เลยกินซะพุงป่องไปเลย ห้า ห้า ห้า
วันเกิดผม ก็เหมือนวันทั่วๆไป ยำเห็ดฟางใส่ไข่มดแดง เด็ดผักสลัดมาห่อเป็นคำอั้มเข้ากระเพาะ มื้อเย็นให้โฉมยงไปเด็ดใบยออ่อนมาหั่นฝอยผัดร่วมกับกระเพา ราดหน้าข้าวโป๊ะไข่ดาว ก็อิ่มง่ายๆ เรื่องจริงผ่านจอแบบอดข้าวที่เล่ามาเป็นตำนานระทึก ที่เติมเต็มให้ชีวิต
สมัยเด็กๆยามอดข้าว ผมไปเก็บผลหม่อนสุกข้างบ้าน กับปีนเก็บฝักมะขามเทศ เก็บฝรั่งสุก ทำให้ติดรสชาติผลไม้ที่ว่านี้ ปีนี้จึงขยายต้นหม่อนที่อาม่าให้มา เป็นพันธุ์ผลดกออกผลง่าย สูงคืบเศษๆก็ออกผลแล้ว ส่วนมะขามเทศปลูกไว้นานแล้ว แต่ไม่ค่อยได้ใส่ใจบำรุง แล้งนี้จะเอาน้ำปุ๋ยไปให้