วันแก่แต่ชอบเรียกวันเกิด

โดย sutthinun เมื่อ 22 กุมภาพันธ 2011 เวลา 0:18 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 3646

เกิดมานานแสนนานบานทะโร่

เตาะแตะโตโมเมมามากหลาย

ดุ่มเดินไปใกล้ถึงยกสุดท้าย

จบตรงป้ายDeleteน่าคิดเอย.


ข้อความปรากฏในโทรศัพท์จากAIS Birthday Package has been activated เป็นเหมือนแจ้งสิทธิ์เรื่องการโทรหรือส่งข้อความในช่วงนี้ ผมลืมเรื่องวันเกิด ลืมสนิท มานั่งคิดอีกที ไม่ใช่วันเกิดหรอก ที่ จ ริ ง เ ป็ น วั น แ ก่ ต่ า ง ห า ก ตั้งแต่เกิดมานาฬิกาชีวิตก็เริ่มบันทึกอายุไขทันที หลังจากนั้นก็เข้าสู่กระบวนเกิด-แก่-เจ็บ-ตาย ไม่เห็นใครหนีความแก่ไปได้สักคน เพียงแต่อย่าให้แก่เกินแกง

: ธรรมะจากหลวงพ่อชา

” อยู่ในโลกใบนี้ก็เหมือนอยู่ในกรงนั่นแหละ  ไม่พ้นไปจากกรง ถึงเราจะรวยก็อยู่ในกรง มันจะจนก็อยู่ในกรง กรงอะไรเล่า กรงคือความเกิด กรงคือความแก่ กรงคือความเจ็บ กรงคือความตาย เปรียบเสมือนนกที่เขาเลี้ยงไว้ เอานกเขามาเลี้ยงไว้แล้วก็ฟังเสียงขันของมัน แล้วก็ดีใจว่านกมันขันดี นกเขามันเสียงโต นกเขามันเสียงเล็ก ไม่ได้ไปถามนกเขามันเลยว่ามันสนุกหรือเปล่า เพราะเราก็ว่าฉันเอาข้าวเอาน้ำให้มันกินแล้ว ทุกอย่างอยู่ในกรงหมดแล้ว ก็นึกว่านกเขามันจะพอใจ เรานึกหรือเปล่าว่า..ถ้าหากเขาเอาข้าวเอาน้ำให้กินโดยที่เรายังไปขังอยู่ในกรงนั้น เราจะสบายใจไหม ..แต่ว่านกเขามันจะตายอยู่แล้ว มันอยากจะบินไป มันอยากจะออกจากรง แต่เจ้าของนกนั้นไม่รู้เรื่อง  ก็บอกว่านกเขาของฉันมันขันดีนะ ยังคุยโง่ไปโน้นอีก “

” มันก็เหมือนกับเเราขังกันอยู่ในโลกนี้แหละ อันนั้นก็ของฉัน อันนี้ก็ของฉัน อันนี้ก็ของฉันสารพัด ไม่รู้เรื่องของเจ้าของ ความเป็นจริงนั้น เราสะสมความทุกข์ไว้ในตัวเรานั่นเอง ไม่อื่นไกลหรอก แต่เราไม่มองถึงตัว เหมือนเราไม่มองถึงนกเขา เราเห็นว่ามันสบายกินน้ำได้ กินอาหารก็ได้ตลอด เราก็เลยเห็นว่ามันสุข ถึงมันจะแสนสุขสบายเท่าไหร่ก็ช่างเถอะ ในเมื่อเกิดมาแล้วต่อไปมันก็ต้องแก่ แก่แล้วก็ต้องเจ็บ เจ็บก็ต้องตาย นี่มันเป็นทุกข์อยู่อย่างนี้ แต่เราก็มาปรารถนาอีกว่า “ชาติหน้าขอฉันเกิดมาเป็นเทวดาเถิด” มันก็หนักกว่าเก่าอีก พระพุทธองค์ทรงสอนว่า “ทิ้ง” เราก็ว่า”ฉันทิ้งไม่ได้” ก็เลยยิ่งแบกยิ่งหนักไปเรื่อยๆ คือ ความเกิดมันเป็นเหตุให้หนัก แต่เรามองกันไม่เห็น”

>> เราจะปล่อยตัวเองออกจากกรงได้ก็ต่อเมื่อเรารู้สึกเกรงกลัวต่อบาป

ถ้าทำบุญไม่ละบาปมันก็ไม่หมด

มันเป็นเชื้อโรคติดต่อกันอยู่ตลอดเวลา

ร้อนใจเปิดพัดลมก็ไม่คลายร้อนหรอกนะ

ทาแป้งตรางูกี่กระป๋องก็ไม่เย็น

ต้องอาศัยรสพระธรรมมาดับร้อน

(วิชาเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมระดับชุมชน)

ตื่นเช้า เดินไปสูดกลิ่นดอกแก้วตรงชานหน้าบ้าน แค่นี้ก็เริ่มต้นวันที่สุขสบายแล้วละครับ หลังจากนั้นก็ทำอะไรก็ทำไปตามปกติ เดินดูสวนผัก ปลูกอินทะผาลัม อ่านธรรมะหลวงพ่อชา จิบน้ำชา แล้วก็มาเขียนบล็อก แค่นี้ก็ชื่นมื่นแล้วละครับ

(ใหญ่แค่ไหนก็ยังโตงเตง)

ทำสิ่งเล็กๆ

ทำตัวให้เล็ก

เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

มีความรักให้มวลมิตร

มีไมตรีจิตให้มวลชน

มิหวังผลใดๆ

ไปไหนมาไหนก็จะเบาสบายๆ

เรารู้ได้เฉพาะ-วันเกิด-วันแก่-แต่-วันเก็บ-บ่ฮู้

สังวรไว้ใ ห ญ่ แ ค่ ไ ห น ก็ เ ล็ ก ก ว่ า โ ล ง !

« « Prev : อย่าลืมแป้งตรางูนะน้า

Next : หลบม็อบมาหมอบดีกว่า » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

8 ความคิดเห็น

  • #1 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 กุมภาพันธ 2011 เวลา 7:41

    ที่พ่อว่ามา หนูทำได้อย่างเดียวเองอ่ะค่ะคือ “ทำตัวให้เล็ก”
    แถมวันเกิดก็ยังไม่รู้กับเขาอีก
    ยิ่งวันแก่นี่คงไม่สนเพราะไม่ค่อยส่องกระจกเท่าไหร่แล้ว
    ส่วนวันเก็บ เมื่อไหร่ก็เมื่อน้านนนล่ะนาย ฮี่ๆๆ :)

  • #2 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 กุมภาพันธ 2011 เวลา 9:45

    สาธุกับธรรมะยามเช้าค่ะ

    (ทรงน้ำเต้าเป็นตามรอยเชือกที่รัดรึงหรือเปล่าคะ?)

  • #3 ออต ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 กุมภาพันธ 2011 เวลา 14:19

    มั่น ยืน ครับพ่อ

  • #4 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 กุมภาพันธ 2011 เวลา 15:39

    คำคมจากจอหงวน อิอิ

    เมื่ออายุครบหนึ่งในสามพึงสละความสนุกและเริ่มจริงจังกับการแสวงหาความรู้

    เมื่ออายุสองในสามพึงสละการแสวงหาความรู้และเริ่มจริงจังกับการแสงหาความจริง

    เมื่ออายุเข้าวาระสุดท้ายพึงสละการแสวงหาความจริงและเริ่มจริงจังกับการแสวงหาความบริสุทธิ์

  • #5 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 กุมภาพันธ 2011 เวลา 17:14

    น้ำเต้าโตเร็ว เผลอแป๊บเดียวสายโยงบีบรัด ต้องแกะเชื่อกคลายขยายบ่อยๆ ถ้าทำไม่ทันผลก็จะขอดกิ่วตามเชือกถัก อิ

  • #6 ทวิช จิตรสมบูรณ์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 กุมภาพันธ 2011 เวลา 19:19

    บางปี วันเกิดผมฉลองด้วยการอดข้าวทั้งวัน

    อยากเชิญชวนให้เป็นวัฒนธรรมไทยแบบใหม่ครับ ผมว่าดีกว่าไปกินเลี้ยงกันไหนๆ อย่างน้อยก็ประหยัดเงินแหละ

    อยากจะคิดฉลองด้วยการทำอย่างอื่น แต่ยังคิดไม่ออกครับ ก็เลยเอาแบบนี้ไปก่อน คือทำให้มันลำบากเข้าไว้ เพื่อเป็นสัญลักษร์ให้คิดถึงความลำบากของแม่ในวันนั้น ที่ลำบากมากว่าจะคลอดเราออกมาดูโลกได้

  • #7 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 กุมภาพันธ 2011 เวลา 0:07

    ผมก็คล้ายอาจารย์ทวิช หลายปีก่อน วันเกิดผมต้องอดข้าว แต่คงอดต่างจากอาจารย์ ผมอดเพราะไม่มีเงินกินข้าวครับ ห้า ห้า ห้า
    มันเศร้ายิ่งกว่านั้น เอานาฬิกาไปจำนำเขาก็ไม่เอา จะบ้าตาย ห้า ห้า ห้า

    วันเกิดผมจึงไม่มีอะไรพิเศษ แค่ระลึกวันที่เราไม่มีข้าวกิน เอ้ย ไม่มีตังค์จะกินข้าว
    ตอนนี้เลยกินซะพุงป่องไปเลย ห้า ห้า ห้า

  • #8 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 กุมภาพันธ 2011 เวลา 0:41

    วันเกิดผม ก็เหมือนวันทั่วๆไป ยำเห็ดฟางใส่ไข่มดแดง เด็ดผักสลัดมาห่อเป็นคำอั้มเข้ากระเพาะ มื้อเย็นให้โฉมยงไปเด็ดใบยออ่อนมาหั่นฝอยผัดร่วมกับกระเพา ราดหน้าข้าวโป๊ะไข่ดาว ก็อิ่มง่ายๆ เรื่องจริงผ่านจอแบบอดข้าวที่เล่ามาเป็นตำนานระทึก ที่เติมเต็มให้ชีวิต

    สมัยเด็กๆยามอดข้าว ผมไปเก็บผลหม่อนสุกข้างบ้าน กับปีนเก็บฝักมะขามเทศ เก็บฝรั่งสุก ทำให้ติดรสชาติผลไม้ที่ว่านี้ ปีนี้จึงขยายต้นหม่อนที่อาม่าให้มา เป็นพันธุ์ผลดกออกผลง่าย สูงคืบเศษๆก็ออกผลแล้ว ส่วนมะขามเทศปลูกไว้นานแล้ว แต่ไม่ค่อยได้ใส่ใจบำรุง แล้งนี้จะเอาน้ำปุ๋ยไปให้


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.27322006225586 sec
Sidebar: 0.30204606056213 sec