ของของใครใครก็รักของเขา
อ่าน: 2449(กระแตกินมะละกอสุกอร่อย แต่คนป่วยกินยา)
ตอนบ่ายออกมานั่งเก้าอี้ฮ่องแต้เงียบๆข้างบ้าน แอบฟังเสียงนกเสียงลม เจอนกปากแหลมยาวตัวเล็กๆสีน้ำเงินเข้มขาบเคลือบเป็นเงา น่าจะเป็นนกพันธุ์ใหม่ที่มาอาศัยอยู่ใหม่ ห่างออกไปหน่อยมีมะละกอสุกคาต้น เกตเห็นหลายวันแล้ว ไม่มีอะไรมาห้ามมะกอสุกได้ ถึงกำหนดก็เหลืองระเรื่อทยอยกัน ช่วงแล้งอย่างนี้มะละกอสวนป่าเนื้อแน่นหวานหอมนัก คุณภาพไม่แพ้มะละกอพันธุ์ไหนในโลก ความแห้งแล้งและคุณสมบัติของเนื้อดิน บางที่ก็ก่อให้เกิดความอร่อยพิเศษที่คาดไม่ถึง จะ รู้ ต ร ง นี้ ไ ด้ เ ก ษ ต ร ก ร จ ะ ต้ อ ง สั ง เ ก ต แ ล ะ ท ด ล อ ง ว่ า พื้นที่รอบบ้านตัวเองปลูกพืชผลอะไรดีที่สุด ก็เลือกปลูกพืชนั้นเป็นหลัก
(มะละกอสวนป่าอร่อย ไม่เหมือนตามโรงแรมพอๆกับกินกระดาษทิชชู )
โฉมยงเก็บมะละสุกมาไว้บนโต๊ะมิได้ขาด ผลไม้จากที่อื่นนอกจากเสียเงินแล้วยังไม่แน่เรื่องความปลอดภัย ยังมีอีก2-3ตัวที่มีคุณสมบัติพิเศษในพื้นที่ดินทรายแล้งนี้ เช่น ฝรั่งไม่มีเมล็ดกับกล้วยหอมทอง แต่มีข้อจำกัดนะครับว่า จะต้องเป็นผลไม้ที่ออกในช่วงนี้ ถ้าเป็นช่วงฝนผลไม้ฉ่ำน้ำคุณภาพก็จะด้อยลงไป ม อ ง ใ ห้ ดี ใ น วิ ก ฤ ติ ก็ ยั ง มี เ รื่ อ ง ดี ๆ เ กิ ด ขึ้ น ไ ด้ ถ้าเราอดทนพอที่จะศึกษาหาข้อดีให้เจอ
ระหว่างนั่งเงียบๆ
มีกระแตตัวเล็กๆหางเป็นพวงปราดเปรียว
วิ่งขึ้นไปเจาะกินมะกอสุกอย่างอร่อย
จะเข้าบ้านเอากล้องมาถ่ายรูปไว้ก็ไม่ทันเสียแล้ว
เจ้ากระเตน้อยมันไม่รู้หรอกว่ามะละกอสุกลูกนี้มีเจ้าของ
สิทธิในทรัพย์เป็นเรื่องของมนุษย์ฝ่ายเดียว
ที่ละโมบกำหนดเอาเองไอ้โน้นก็ของฉัน ไอ้นี่ก็ของฉัน
โฉมยงบอกยินดีมากที่มะละกอแล้วมีสัตว์มากิน เหมือนได้ทำบุญ เราก็จะช่วยกันสังเกตว่า วันต่อๆไปกระแตน้อยจะแอบมากินลูกเดิมให้หมด หรือจะไปเจาะกินลูกอื่นที่อยู่ข้างๆ >> คำว่าป่าถ้าไม่มีสรรพสัตว์มาอยู่อาศัย มันก็ไม่ต่างกับป่าคอนกรีตหรอกนะครับ เมื่อมนุษย์รุกป่ามากขึ้น ผลหมากรากไม้ที่เคยมีอุดมสมบูรณ์ในธรรมชาติก็หมดไป อาหารของเพื่อนร่วมโลกก็สูญสิ้น มนุษย์หันมาปลูกพืชไร่พืชเชิงเดี่ยวเป็นการบ่อนทำลายกลไกที่เป็นวงจรอาหารเพื่อนร่วมโลกแบบล้างผลาญ สัตว์แมลงสูญพันธุ์ไปจำนวนมาก เหลือแต่พวกสัตว์ปีกหัวแข็งจำนวนหนึ่ง ที่บินมาวางไข่ใส่พืชผล ก่อให้เกิดโรคระบาดที่มองว่าเป็นศัตรูต้องกำจัดให้ได้ คิดค้นยาฆ่าแมลงขึ้นมาฉีดกันไม่บันยะบันยัง แมลงกินแมลงตาย คนกินจะสุขสบายได้ยังไงละครับ ช่วงที่ไปซื้อเมล็ดฟักทองยักษ์ คุณน้าคนขายอธิบายว่า เราจะต้องเด็ดเกสรตัวผู้มาเคาะใส่เกสรตัวเมีย ทั้งๆหน้าที่นี้เป็นของแมลงมาแต่ไหนแต่ไร บังเอิญที่สวนป่าเลี้ยงผึ้งไว้ ได้แต่ฟังเฉยๆ หึ หึ ..
ตรงจุดนี้ละครับที่สะท้อนให้เห็นว่ามนุษย์ความรู้ไม่พอใช้
เดินหน้าหาเทคโนโลยีโดยไม่เหลียวหลัง
ไม่ศึกษาเรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติอย่างมีสติ
มนุษย์อยู่ที่ไหนเพื่อนร่วมโลกถูกเบียดเบียนจนสูญพันธุ์
บาปที่ก่อไว้นี้จะมีสักกี่คนที่รู้ตัว
การที่กระแตน้อยโผล่มาอยู่ด้วยเป็นจุดเล็กๆเท่าปลายเข็ม
หนู งู กระแตช่วยกำจัดหนูตัวเล็กๆไม่ให้ขยายพันธุ์มากเกินไป
คางคกตัวหนึ่งๆกินแมลงเพื่อรักษาสมดุล
พูดก็พูดเถอะในจำพวกสัตว์โลกด้วยกัน
ก็มีแต่มนุษย์นี่แหละที่เป็นตัวทำลายสมดุลจนโลกวิบัติ
ไอ้นั้นก็กองกู ไอ้นี่ก็ของกู คิดได้แค่นี้ก็สมแล้วที่เกิดมาทุรนทุรายไปจนตาย
ที่เห็นหน้าชื่นอกตรมก็งั้นๆแหละ
เ รื่ อ ง พ อ ดี พ อ เ พี ย ง ไ ม่ ต้ อ ง ไ ป เ รี ย น ที่ ไ ห น ห ร อ ก
มั น อ ยู่ ร อ บ ๆ ตั ว ร อ บ ใ จ เ ร า นี่ เ อ ง
เ พี ย ง แ ต่ ต า อ ย่ า บ อ ด สี
หั ว ใ จ ไ ม่ ด้ า น ช า จ น ไ ม่ รู้ สึ ก รู้ ส า อ ะ ไ ร ?
เคยเห็นคนตายขนเอาสมบัติขึ้นเชิงตะกอนไปด้วยได้ไหมเล่า?
« « Prev : รักที่จะเรียนอย่าให้มีเงื่อนไขมากนัก
Next : วันนี้เธอวางตัวอยู่ส่วนไหนของสังคมไทย » »
8 ความคิดเห็น
ไม่มีสัตว์ใดฉลาดกว่ามนุษย์
และไม่มีสัตว์ใดโง่กว่ามนุษย์
สัตว์สะอาดที่สุดก็มนุษย์
สัตว์สกปรกที่สุดก็มนุษย์
รวยที่สุดก็มนุษย์
จนยิ่งกว่าหมาก็มนุษย์
โหดที่สุดก็มนุษย์
ใจบุญที่สุดก็มนุษย์
ห่มผ้ามากที่สุดก็มนุษย์
เปลือยมากที่สุดก็มนุษย์
ไม่ยอมสืบพันธุ์ตามสัญชาติญาณก็มนุษย์
สืบพันธุ์มากที่สุดก็มนุษย์
กล้าสู้เขมรมือเปล่าแบบไม่กลัวตายก็มนุษย์
ปอดแหกกลัวเขมรลนลานทั้งที่มีศักยภาพเหนือกว่า ๑๐๐ เท่าก็มนุษย์
หมูอ้วนย่อมเป็นเหยื่อหมาผอมฉันใด
เขมรย่อมชนะไทยฉันนั้น
อ้าว..ดันมาจบแบบนี้ได้ไง ..ต้องโทษ “โพสต์พาไป” แบบไม่ได้ตั้งใจแต่แรก
ขอให้หายไวนะบาท่าน จะได้มาเว้ากันให้ขะหนุกในหลายๆเรื่องที่เตรียมไว้ครับ
มะละกอน่ากินนะคะ
ดูลูกน่าจะไม่ใหญ่มากแต่เนื้อหนา
เคยมีคนทักที่บ้านว่าปลูกมะละกอในบ้าน ลูกหลานจะละไป
อืม ก็ไม่ถือสาเพราะปลูกต้นไม้ไม่น่าจะทำให้เกิดอะไรปานนั้น ปลูกก็เพราะโยนเมล็ดแล้วขึ้นเอง พันธุ์ที่ขึ้นเป็นพื้นเมืองลูกไม่ใหญ่แต่หวานและไม่ทันทั้งนกและกระรอกค่ะ
ส่วนพันธุ์ฮอแลน(คิดว่าเรียกถูกนะคะ)กลับไม่เคยขึ้นเลย คนบอกว่าคนปลูกต้องไปซื้อต้นที่คนขายเพาะแล้วเท่านั้น
จริงเท็จไม่ทราบค่ะ แต่ก็เห็นพันธุ์พื้นเมืองทนแล้งดีกว่าเยอะค่ะ
อาการค่อยยังชั่วบ้างแล้วละครับ
อีกหน่อยก็เที่ยวเพ่นพ่านได้ดังใจหมาย
อิอิ
มะละกอเหมือนผลไม้เลี้ยงสัตว์โลก
กินง่าย เจี๋ยะได้สารพัดอย่าง สุก ดิบ อร่อยทั้งน๊านนน
เวลากินมะละกอก๋เอาเมล็ดหว่านๆ เดี๋ยวก็มีต้นเกิด
ไม่ต้องเอาใจใส่อะไรเลยก็มีผล
พันธุ์บ้านเรานี่แหละดีแล้ว
พันธุ์ต่างด้าวอาจจะดูดี แต่ไม่ได้ไปกว่าของเรา
เหมาะที่จะปลูกเพื่อศึกษา/วิจัย
อร่อยหรือไม่แค่ไหนไม่ได้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์อย่างเดียว
มีปัจจอื่นมาเกี่ยวข้อง
อุ้ยปลูกมะละทำบุญเลี้ยงสัตว์ป่านั่นดีแล้ว
จะได้เจริญๆๆบุญ อิ
ที่หงสา ประเมินรายรับจากการปลูกบักฮุ่ง ต้นละ ๒๐ กิโล ๆ ละ ห้าพันกีบ เป็นเงิน หนึ่งแสนกีบครับ
หากโครงการขุดท่อไปเจอของผู้ใด ท่านให้ชดเชยเป็นเงินหกเท่าของผลผลิตต่อปี
ได้ค่าทดแทนต้นละ หกแสนกีบ ตกเป็นเงินไทย สองพันกว่าบาทครับผม
ดูเหมือนมะละกอต้นนี้อยู่ใกล้ๆบ้าน เป็นรุ่นเดียวกับที่ไปช่วยปลูกหรือเปล่าค่ะ
ได้ยินกิตติศัพท์มานานว่ามะละกอ เอามาหมักเนื้อ ก่อนปิ้งจะทำให้เนื้อนุ่ม
ได้ยินต่อมาว่า การหมัก ที่ทำให้เนื้อนุ่มนี้ (ฝรั่งเรียกว่า marinate) ทำให้สารก่อมะเร็งกลุ่มหนึ่ง คือ PCA (โพลี ไซโคล อะโรแมติก หรือไงเนี่ย ถ้าจำไม่ผิด) ลดลงถึง 90% จากการปิ้งย่างเนื้อ
อีกกลุ่มหนึ่งคือพวก PAH (จำคำเต็มไม่ได้แล้ว) ..พวกนี้เกิดจากควันไฟ ที่เกิดจากการหยดของน้ำมันสัตว์ ซึ่งประเด็นนี้ผมได้ทำการสร้าง ทดลอง เครื่องปิ้งแบบใหม่ ที่กำจัดควันหมดสิ้นแล้วก็ว่าได้ เพราะปิ้งแล้วไม่มีควันเลย แถมเร็วกว่าสองเท่า ประหยัดถ่านลงได้ 4 เท่า อีกต่างหาก ช่วยลดโลกร้อนด้วยนะ (โหย..ตอนนี้อยากให้ลดหนาวซะมากกกว่าไม่ว่า)
นอกจากนี้ผมยังได้พัฒนาสูตรหมักไก่ปิ้ง ใช้มะแขว่น เพิ่มกลิ่นหอม ที่นักกินไก่ย่างหลายต่อหลายคนกินแล้ว ชมว่าอร่อยที่สุดเท่าทีเคยกินมาในชีวิต
ใครอยากซื้อ แฟรนไชส์ไหม ผมให้ฟรีมานานแล้ว แต่ไม่มีใครเขาเชื่อ …วาสนาด้านการโฆษณาชวนเชื่อผมมันน้อยจริงๆ
ผมเองชอบกินไก่ปิ้ง แต่ถ้ามีสติ จะกินเต้าหู้ปิ้งมากกว่า เพราะลึกๆ แล้ว สงสารไก่มัน แต่ก็ยังสงสารคนกินไก่มากกว่า เลยเจียดเวลามาช่วยลดมะเร็งให้
- อยากไปปลูกบักหุ่งที่หงสาเป็นบ้า เลนนะอาว์เปลี่ยน
- แม่นแล้วหมอเจ๊ ต้นที่หมอปลูกก็ทยอยสุก บังเอิญเป็นพันธุ์เหมาะกับเอามาปั่น
- มะละกอ อย่างเดียวเรียนไม่จบ
- อยากจะอบแห้งเนื้อผลไม้ต่างๆครับ พระอาจารย์สวิช