รักที่จะเรียนอย่าให้มีเงื่อนไขมากนัก
อ่าน: 1847
:: วันตรุษจีนเป็นไข้ไม่ไหวแล้ว
ทำเหมือนแมวอกหักนอนพักผ่อน
กินหยูกยาเป็นถังตัวยังร้อน
เมื่อคืนนอนสดุ้งไหวไข้กระเจิง ::
ช่วงตรุษจีนไม่ได้ออกไปไหน เป็นไข้นอนแกร่วลุ้นระทึก เพราะไปนัดกับพระอาจารย์ทวิช จิตสมบูรณ์ไว้แล้ว วงจรการเกิด-แก่-เจ็บ-ตาย-มันก็หนีไม่พ้น คนเรานี่นะครับ เอาแค่เป็นไข้อย่างเดียวชีวีประวันวันก็พลิกล็อกแล้ว ทำอะไรก็ไม่ได้แถมภายในร่างการก็ปั่นป่วนไปหมด ผมเหมือนถูกกักขังอยู่ในห้อง นั่งๆนอนๆเฉยๆหายใจเบาเดินย่องเบา ใช้พลังงานให้น้อยที่สุด ทั้งๆที่ไม่เป็นไข้มานานพอสมควร สมุนไพรก็รับประทานประจำ บทจะไข้มันก็ไข้จนได้ ตราบใดที่ห้ามรักห้ามแก่ไม่ได้ มันก็เป็นเช่นนี้แหละโยม
ข้อดีที่ค้นพบในการป่วยไข้ครั้งนี้>> ไหนๆจะต้องเจี๊ยะข้าวต้ม ก็บอกโฉมยงว่าลองหาวิธีต้มข้าวใส่น้ำเยอะ เผื่อจะได้ข้าวต้มลูกผสมระหว่าง น้ำข้าว+ข้าวต้ม เรื่องนี้ละเอียดอ่อนนะครับ คุณสมบัติข้างบนกับข้าวต้มเละๆตามร้านแตกต่างกัน ข้าวต้มที่ว่านี้จะมีน้ำข้าวข้นเหนียวอร่อยลอยอยู่ชั้นบน เข้าใจว่าอาจจะเกี่ยวกับพันธุ์ข้าวกับวิธีต้มข้าว พันธุ์ข้าวน่าจะสำคัญที่สุด ถ้าเป็นข้าวใหม่ข้าวหอมมะลิแดง ต้มแล้วจะได้ยางเหนียวซึ่งต่างกับข้าวต้มขาวๆเละๆจืดชืดในร้านข้าวต้มทั่วไป ส่วนวิธีต้มให้เอาข้าวเหนียวใส่ผสมลงไปประมาณ10% เคล็ดไม่ลับมีแค่นี้จริงๆ แต่ถ้าอยากจะให้ข้าวต้มสีสวยและอร่อยแปลกๆขึ้นไปอีก ก็เอามันสีม่วง- น้ำเต้าอ่อนหั่นเป็นลูกเต๋า- ฟักทองหั่นชิ้นเล็ก- ดอกชมจันทร์-ก็ใส่ได้ ลองดูเถิด เรื่องนี้ไม่ต้องขออนุญาตหรือขออนุมัติใคร
ทำให้นึกถึงน้ำข้าวตอนเป็นเด็ก
สมัยที่ยังหุงข้าวหม้อดินต้องรินน้ำข้าวออก
เคยได้ชิมน้ำข้าวติดอกติดใจมาแล้ว
เจ็บป่วยครั้งนี้จึงมีจุดพิเศษ
ที่ได้มีโอกาสชิมน้ำข้าวที่ห่างหายมา50กว่าปี
ออตส่งข่าวว่าจะมาร่วมค่ายค๊อตโต้ ผมนะดีใจกว่าลิงได้ขนมเสียอีก อยากจะสนทนาหารือว่า..การศึกษาไทยบ่จี๊เพราะละเลยการสอนเรื่องศิลปวัฒนธรรมใช่หรือเปล่า เด็กถึงกระด้าง-สอนยาก-ไม่เชื่อฟังครู-เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ สุดท้ายก็ทิ้งห้องเรียนอย่างไม่แยแส ยกพวกตีรันฟันแทง แสวงหาความเป็นฮีโร่แบบถึงเลือดถึงเนื้อ
เมื่อเด็กส่ออาการมาทางด้านนี้ แทนที่ผู้ใหญ่จะโทษตัวเองก็โบ้ยไปลงที่ตัวเด็ก เด็กเลยรับเละ รับไม่ไหวก็คืนให้ผู้ใหญ่ปวดหัวบ้างเป็นระยะ ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่บรรจุวิชาเรียนศิลปะให้เกิดความตระหนักและมีความสำคัญเป็นรูปธรรมกว่านี้ ชนชาติไทยมีศิลปวัฒนธรรมเป็นเอกลักษณ์เด่นๆมากมาย แต่เราก็เอามาใช้เหมือนไก่ได้พลอย กระทรวงวัฒนธรรมและการกีฬาตั้งมาทำอะไรก็ไม่รู้
ปีนี้ร้อนๆแล้งๆหนาวๆประดู่แดงคงชอบอออกดอกพราวแดงไปทั้งต้น
ศิลปะควบคู่กับศิลเปรอะ
แค่ไหนอย่างไรพอดีจะรู้ได้ ต้องเรียนต้องสอน
ไม่รู้ว่าอีกกี่ปีการศึกษาไทยถึงจะเลิกซุกวิชาศิลปะไว้ในมุมมืด
ถ้าเ ปิ ด ส อ น อ ย่ า ง เ ป็ น ร ะ บ บ ต้ อ ง บ ริ ห า ร ค ะ แ น น
การศึกษายุคนี้บ้าคะแนน
วิชาอะไรคะแนนเยอะเด็กจะตั้งใจเรียนครูจะใส่ใจสอน
อิ อิ..
Next : ของของใครใครก็รักของเขา » »
4 ความคิดเห็น
หนังสือ วิชาสุดท้ายที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอน ตอบโจทย์การศึกษาในระบบ(ที่เมืองนอกและคงเมืองไทยด้วย) ว่า
มีอีกหลายอย่างที่คนไม่สามารถพัฒนาให้ถึงขีดที่ไม่จำกัด
ที่มาจาก ทั้งความไม่กล้าของคนเรียน
และความไม่สามารถจัดการของคนสอนและคนบริหารการศึกษา
คนเรานี้จำกัดการเรียนรู้ ด้วยเงื่อนไข อย่างที่ครูบาว่าจริงๆค่ะ
เรื่องอยากรู้มีมากมาย แต่เราก็ต้องเลือกเอาตามสมควร
ข้อจำกัดแต่ละคนไม่เท่ากัน การให้เขาตัดสินใจตามขีดความจำกัดน่าจะดี
การข่มขืนกินหญ้า ถ้าทำได้แต่พอดี ก็ดีได้ยู้ ..
เป็นเรื่องยากที่จะบริหารงานศึกษาให้พอดีได้
ทำได้แบบพอไปวัดไปวาก็น่าจะดีกว่า ทำแบบสุกเอาเผากิน อิ
มาสนับสนุนพ่อครูว่า ผลสัมฤทธิ์สุดท้ายของความรู้ อยู่ที่ผู้เรียนจริงๆค่ะ ข้อจำกัดทำให้แต่ละคนเรียนรู้ได้ไม่เท่ากัน ข้อจำกัดนั้นเป็นเรื่องของความพร้อมด้านผู้รับ (ผู้เรียน) และผู้ให้ (ผู้สอน) แต่ถ้าผู้สอนเข้าใจหลักธรรมชาติแล้วเดินทีละขั้นในการเติมเต็ม และแต่ละขั้นที่เติมเต็มมีสมดุลระหว่างจริตของการเรียนกับวิธีสอน ข้อจำกัดบางอย่างก็ถูกทะลุทะลวงได้ แบบว่า ถ้าสุกแล้วก็แค่เอามากิน (หนุนประโยชน์) ถ้ายังกินไม่ได้ก็เผาให้สุกซะก่อน
เวลาสอนคน ผู้สอนมักไม่ได้แยกแยะ อะไรสุก อะไรไม่สุก แล้วไปลงมือสอนไอ้ที่สุกแล้ว ที่ไม่สุกก็ไม่ลงมือเผา มันก็เลยกลายเป็น ๓ กษัตริย์ แบบหุงข้าว มีทั้งไหม้ ดิบ เปียกและ สวย
ใครว่าครูเป็นได้ง่ายๆ ก็ขอให้พิจารณาอย่างที่หมอตาว่านี้แหละ