ควันหลงงานอิ๊กไนน์ไทยแลนด์ครั้งที่ 3
อ่าน: 2852จากการที่ได้มารู้มาเห็นงานอิ๊กไนน์ไทยแลนด์ตั้งแต่ครั้งแรกจนถึงครั้งนี้ ผมโชคดีเหลือเกิน ที่ธรรมะจัดสรรให้ได้เข้ามาสัมผัสกระบวนการก่อการความดีในบ้านเมืองเรา ผมได้มาเรียน ได้มาฟังจากตัวเป็นๆของนักคิดนักทำระดับจอมยุทธที่ยอดเยี่ยมทุกๆท่าน
ในสภาพปฏิกิริยาของผู้คนกำลังระส่ำระสาย ดังจะเห็นได้จากการเกิดกลุ่มผู้ประกอบการทางสังคมที่หลากหลาย ทุกกลุ่มต่างแสวงหาจุดยืนจุดร่วมตามที่ความรู้สึกนึกคิด ตามจริตหรือตามต้นทุนที่มีอยู่ในตัวตนแห่งตน เมื่อรวมกันแล้วก็ออกแบบการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ ทั้งดุดันเผ็ดมันเผ็ดร้อนขับเคี่ยวกันรุนแรงก็มี เราจะได้ยินได้ฟังวาทะกรรมเรื่องความสามัคคีปรองดองของคนในชาติ ในวิถีที่ปีนเกลียวกันหนักหน่วงมากขึ้น บางทีวิธีเหล่านี้กลับถ่างความเห็นใจให้ไม่เข้าใจบานปลายออกไปเรื่อยๆ ถ้าเปรียบกับหยิน-หยาง ก็คงมีฝ่ายกระแสร้อนและกระแสเย็น อุณหภูมิบ้านเมืองเราจึงร้อนระอุและอึมครึม
ในท่ามกลางความหลากหลาย ถ้าเราค่อยๆพิจารณา เราจะเห็นบางกลุ่มเลือกวิธีการที่ฉ่ำเย็น เหมือนเอาน้ำเย็นเข้าลูบสังคมที่กำลังเป็นไข้ตัวร้อนผะผ่าว คิดอย่างละเอียดช้าๆประณีตแบบค่อยเป็นค่อยไป เหมือนกล้วยไม้ที่ออกดอกยามแล้ง เสนอแนวทางนี้ให้สังคมพิจารณา ซึ่งเครือข่ายพลังบวกอิ๊กไนน์ไทยแลนด์ยืนอยู่จุดนี้
เราได้เห็นพลังความรักความดีของคนหนุ่มสาวชาวกรุง ที่รวมพลังก่อหวอดความดีจากจุดเล็กๆ บารมีความดีได้พิสูจน์ตัวเองให้คมชัดมากขึ้น เป็นแม่เหล็กดึงดูดให้ผู้ประกอบการดีเข้ามาร่วมสังคายนาอย่างเป็นรูปธรรม มีองค์กรหลักสนับสนุนเช่น สสส. ทีวีไทย เป็นต้น ไปเรียนเชิญท่านผู้อาวุโสมาเป็นอิ๊กไนน์เตอร์ ต่างได้รับความร่วมมืออย่างอบอุ่น ภายใต้ดวงตาเห็นธรรมของทุกฝ่าย
ความคิด/ความรัก/ความดี++=ความงดงามที่งอกเงยในสังคม
ก่อเกิดกิจกรรมพลัง++ความชอบธรรม++ความมั่นยืน
พลังกลุ่มก่อการดีมีการนำเสนอหลากหลาย เช่น พลังศาสนา-พลังนักคิด-พลังนักดนตรี-พลังนักวิทยาศาสตร์-พลังนักพัฒนาสังคม-พลังนักเรียนนักศึกษา-พลังเกษตรกร-พลังนักคิดนักเขียน-เรียกรวมๆว่าพลังผู้ประกอบการดีเพื่อสังคม
สถานที่จัดงาน-จากสวนลุมพินี-หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย-โรงภาพยนตร์สกาล่า มีผู้สนใจมาร่วมฟังจนโรงหนังโป่ง ผมประทับใจคณะทำงาน ได้เห็นความกระตือรือร้นความตั้งใจอย่างมีชีวิตชีวา ทำให้การปลุกระดมความคิดดีทำดีจากนักคิดนักเล่าผู้ผ่านประสบการณ์ตรงอย่างฉาดฉานบรรเจิด ประทับใจตั้งแต่นาทีแรกที่นักดนตรีพิการกายแต่หัวใจเบิกบานเหลือหลาย ส่งประกายความไพเราะมากระตุ้นบรรยากาศ จบด้วยถ้อยคำซึ้งๆเหมือนจะบอกว่า คนที่มีร่างกายครบถ้วนสมบูรณ์ ถ้าจะฆ่าตัวตายอย่าลืมตัดแข้งขามาให้เขาก่อน
พระไพศาล วิสาโล พระคุณเจ้าเปิดประตูความชุ่มเย็นให้ไหลแผ่ซ่านด้วยพลังของความเมตตาได้อย่างซาบซึ้ง หลังจากนั้นอิ๊กไนน์เตอร์ทุกท่านได้ใส่แรงบวกแรงใจให้เรารับไว้อย่างเต็มอิ่มเต็มกลั้น นับเป็นนาทีทองของชีวิตทีเดียวเลยละครับ ที่ได้ฟังท่านอาจารย์ระพี สาคริก มาปลุกใจให้ตื่นจากแง่มุมใคร่ครวญการจัดการความรู้ ที่มองเห็นความรู้ในตัวคน เอาทุกคนเป็นครู จบลงด้วยเสียงเพลง ..บ้านเรา แสนสุขใจ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน >> ก็สุขใจเหมือนบ้านเรา ท่านอาจารย์ได้มอบหนังสือพร้อมลายเซ็นให้ผมเล่มหนึ่ง “หยังรากฐานชีวิต” ค รู ผู้ ส อ น ศิ ษ ย์ ด้ ว ย ชี วิ ต จ ริ ง ทำให้คิดต่อว่า ถ้าคณะก่อการพลังบวกทำเรื่องเสมือนจริงให้ความจริงปรากฏ ทำให้พลังใจกระโดดออกมาเป็นตัวหนังสือ ขยับขยายให้ใครๆติดตามได้อย่างกว้างขวาง ที่อิ๊กไนเตอร์อยากจะเพิ่มเติมก็บันทึกไว้ในบทความภายหลังได้ วิธีนี้นอกจากจะขายความคิดออกไปตามสื่อในรูปแบบต่างๆแล้ว ถ้ารวบรวมเอาประสบการณ์ของอิ๊กไนน์เตอร์มาไว้ในรูปของหนังสือเล่มน้อย อย่างที่ท่านอาจารย์ระพีเขียนหยั่งยากฐานชีวิต จะช่วยหยั่งรากความดีลงในใจผู้อ่านได้อย่างเต็มตื้น
ขอบคุณคณะทำงานพลัง+++++
ขอบคุณท่านที่หัวใจมีเครื่องหมายบวก
เมื่อรู้เห็นว่ามีใครทำอะไรอยู่ที่ไหนแล้ว
ก็ลองเคลื่อนใจไปบวกกันตามอัธยาศัยได้เลยนะครับ
ได้ฟังแล้ว เอายังไงต่อ ถึงจะ>>ไม่เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา
ถ้าเราเอาตัว-เอาพลังสติปัญญาไปช่วยไขลานความดี
ความดีก็จะโผล่ออกมาจากทุกมุมทุกทิศทุกทาง
ก่ อ ม็ อ บ ค ว า ม ดี
ช่วยกันตีแผ่ความดีใน กิ จ ก ร ร ม ต่ า ง ๆ กันเถิดนะครับ
หลังจากนั้น กิ จ ก ร ร ม ก็จะเปลี่ยนเป็น กิ จ ก า ร ค ว า ม ดี
สุขไสวทั่วไทยแลนด์ ครับผ๊ม !
« « Prev : แต่ช้าแต่มาแห่..Ignite Thailand++ ครั้งที่ 3
Next : บารมีกิ๊ก » »
5 ความคิดเห็น
ขอสนับสนุนหลักการนี้นะครับ แต่ด้วยความเป็นคนที่ชอบคิดเชิงลบ ชอบขัดคอ ด่าคน (เลยไม่ได้ไปถึงไหนกะใครเขาจนวันนี้ อิอิ) ผมขอเสนอข้อคิดังนี้ครับ
-ทำไมช่วง 20 ปีที่ผ่านมานี้ โครงการอะไรมีแต่เป็นชื่อภาษาฝรั่ง ไม่เว้นแม้โครงการนี้
-ชื่อยังไม่เป็นมงคลอีกต่างหาก Ignite แปลว่า จุดระเบิดนะครับ ทำยังกะว่าจะมาจุดเชื้อเพลิงที่มันกำลัง
ปะทุให้ระเบิดไปเสียเลย
-คนไทยเราส่วนมากนิยมจะใช้ภาษาอังกฤษ แต่ไม่เข้าใจนัยยะแห่งภาษา ผมเจอมามาก เช่น Amazing Thailand เนี่ย มันสองแง่นะครับ อะเมชเพราะมันดีก็ได้ เพราะมันเลวก็ได้ แต่ที่ผมอะเมซไทแลนด็เรามากที่สุดคือเรามีศักยภาพมากที่สุดในโลก แต่กลับกลายเป็นประเทศที่ด้อยระดับบ๊วยๆของโลก รวมทั้งในแง่ศาสนาด้วย เพราะพระส่วนใหญ่ที่ดีๆ ก็ไม่กล้าทำอะไร พระเวียตนามเขายังกล้าเผาตัวตายเพื่อดำรงศาสนาเลยครับ มันร้อนอยู่ผมเข้าใจ แต่บางครังเย็นไปก็ไม่ทันกาลนะครับ เอาอ่นๆหน่อยได้ไหม
-ผมว่ามันลามมาจากมหาลัย ผมไม่เคยเห็นโครงการอะไรที่มันมีชื่อภาษาไทยสักอ้นเดียว ทั้งที่ภารกิจของทุกมหาวิทยาลัยคือ ทะนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม และ วัฒนธรรมที่สำคัญที่สุดก็คือ ภาษา นี่แหละครับ
รับพิจารณา อิ
ดูในรูป ผู้หญิงน้อย สมมติฐานคือ ผู้หญิงคิดบวกน้อยกว่า??
ต่อประเด็นเรื่องชื่อภาษาอังกฤษค่ะ
ชื่อนี้ อ่านแบบไทยๆ อ่านว่า อีกในที
อีกแปลว่า ซ้ำ เพิ่มเติม ขออีก
ใน แปลว่า รู้ในที ไม่ใช่นอก
ที แปลว่า ครั้ง หน ทีละน้อย
รวมแล้ว หมายถึง การทำทีละน้อย ซ้ำๆ อย่างรู้ในที
นี่คือคิดบวกแบบบ้าๆ ซึ่งก็รู้ว่า เมื่อเขียนอะไรๆแบบนี้ อาจมีคนตำหนิว่า เป็นพวกไม่มีประโยชน์เพราะไม่เห็นจะทำอะไร ทำนองว่ามือไม่พายเอาเท้าราน้ำ แต่ไม่ถือสาคนว่า เพราะอยู่กันคนละเวอร์ชั่น อ้าวลงท้ายให้เป็นฝรั่งอีกจนได้ อิอิ
อ้อ ที่บอกว่าคอดบวกแบบบ้าๆ หมายถึงการคิดของตัวเอง ไม่เกี่ยวกับการจัดกิจกรรม ซึ่งดีเลิศประเสริฐศรีนั้นค่ะ เดี่ยวจะเข้าใจผิดว่าไปตำหนิคนทำดีละจะอยู่แถวๆนี้ไม่ได้อีก อิอิ
เพิ่งกลับถึงบ้านนะอุ้ย ได้รับปฏิทินแนะนำเฝ้าระวังโรคต่างๆในรอบปี นับเป็นความคิดดี ออกแบบโดยลูกศิษย์อุ้ย ที่ทำให้ปฏิทินมีประโยชน์มากกว่าที่จะดูวันปีเดือนอย่างเดียว ขอชื่นชม ชื่นชม อิอิ
ส่วนอิ๊กไนน์เตอร์ที่มีสุภาพสตรีน้อยกว่าสุภาพบุรุษ แต่สุภาพสตรีทุกท่านนำเสนอได้ยอดเยี่ยมมากๆ มีท่านหนึ่งเป็นพยาบาล เล่าเรื่องการดูแลคนเป็นมะเร็ง ต่อมาสามีเป็นมะเร็งเสียเอง เรื่องราวที่เล่าสะกดผู้ฟังแทบลืมหายใจ
ปีใหม่ ไม่มีอะไรอยู่ในกอไผ่ สิ่งที่มีที่ดีอยู่เจียงใหม่ เห็นคณะแซ่เฮกำลังตั้งป้อมจะไปจัดเฮที่เวียงพิงค์นะอุ้ย เอาไว้ใกล้ๆจะส่งข่าวเน้อ