บารมีกิ๊ก
อ่าน: 5731ตื่นแต่ไก่โห่ โผเผออกจากโรงแรมตั้งแต่ตี5 เช้าเกินไปBTS.ยังไม่ออกวิ่ง ต้องจับแท็กซี่บึ่งไปสุวรรณภูมิ ถึงหาดใหญ่ประมาณ7.30น. น้าอึ่งนัดน้าแป๊ดให้มารับ ผมคาดว่าอย่างน้อยได้เจอหน้าทักทายก็ยังดี แต่อีกคณะที่มารับไม่ฟังอีร้าค้าอีรม ลากกระเป๋าฉับๆใส่รถติดเครื่องตั้งท่าจะจ้ำพรวดท่าเดียว อ้าวๆๆๆ.. อธิบายอะไรไม่ทันเสียแล้ว แป๊ดก็เดินทางออกมาแล้ว สุดท้ายก็คลาดแคล้วกัน ไม่ได้เจอรอยยิ้มแฉ่งสาวแดนใต้ ยังคิดว่าบางทีตอนเย็นอาจจะมีโอกาสเจอกัน
ออกจากหาดใหญ่บึ่งไปที่คลองแงะ ไปพบกับจอมยุทธด้านยางพารา ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง ได้รู้ได้เห็นว่าการปลูกยางที่สมบูรณ์แบบนั้นเป็นอย่างไร ได้เห็นนักวิจัยไทบ้านแดนใต้ตัวจริงเสียงจริง ที่รักต้นยางอย่างหาที่เปรียบมิได้ ยางแต่ละต้นสูงใหญ่ให้น้ำยางเต็มถ้วย ถามคนกรีดยางสามีภรรยาที่เป็นคนอีสาน เล่าให้ฟังว่าวันหนึ่งๆกรีดยางมีรายได้คนละ2,000บาทX2คน=4,000บาท/วัน ผมไม่ได้ฟังผิดหรอกนะครับ น้ำยางได้ปริมาณมากประกอบกับราคายางพุ่งกระฉูดถึง154บาท เมื่อยางแต่ละต้นให้ผลผลิตดี ยางราคาดี คนกรีดยางก็ย่อมมีรายได้ทวี ส่วนเจ้าของสวนยางไม่ต้องพูดถึง ยิ้มหวานแทบไม่หุบทั้งวัน.. รถยนต์รถมอเตอร์ไซภาคใต้ขาดตลาด ต้องเข้าคิวจองกันเป็นเดือน เดินทางไปไหนจะเห็นรถรับซื้อน้ำยางวิ่งกันว่อน
เ ศ ร ษ ฐ กิ จ ภ า ค ใ ต้ ช่ ว ง นี้ อู้ ฟู่ เ ห ลื อ ห ล า ย
ความรู้ที่ได้จากผู้สันทัดกรณีด้านยางพารา ได้แก่เรื่องของการคัดพันธุ์ –การดูแล-ใส่ปุ๋ย-รักษาต้นที่เป็นโรค–การกรีดที่ประณีตมาก เอาใจใส่ดูแลดีทุกขั้นตอน แม้แต่เจ้าของชาวสวนจากจันทบุรีที่มีสวนยางหลายพันไร่ ยังน้อมคารวะในฝีมือ ..ยกให้เป็นแฟนพันธุ์แท้ด้านยาง เมื่อคนที่มียางพาราอยู่ในหัวใจเจอกัน ผมแทบจะบันทึกความรู้และข้อแนะนำใหม่ๆแทบไม่ทัน ออกจากสวนยางแวะมาชิมก๊วยจับร้านที่หมึกแดงแนะนำที่คลองแงะ
ออกจากหาดใหญ่เราบึ่งไปจังหวัดตรัง ตรังเป็นจังหวัดจุดประกายเรื่องยางพารา ถ้าจะมาดูงานเรื่องนี้ต้องปักหลักที่จังหวัดตรังเป็นดีที่สุด เราเดินทางไปดูการผลิตกล้ายางแต่ละแปลงเพาะกล้ายางนับแสนต้น ไปเจอคนอีสานที่นี่อีก ยกโขยงมาติดตายาง คนที่ชำนาญจะติดตายางได้วันละ500ต้น ส่วนมือใหม่หัดติดตาจะได้วันละ250-300ต้น เจ้าของสวนตีราคาให้ต้นละ1.25บาท ช่วงที่กระแสยางมาแรง แม้แต่คนรับจ้างติดตายางก็มีรายได้วันละ300-550บาท ราคากล้ายางจากที่เคยขายต้นละ3-4บาท มาวันนี้ราคาดีมาก ถ้าเป็นยางพันธุ์ดี ยอดเขียวยอดดำอะไรนี่แหละ ทั้งๆที่ซื้อจำนวนมากนับแสนต้นราคาต้นละ16-18บาท ไปคุยกันแพล๊บเดียวพ่อค้ากล้ายางรับเช็คมัดจำ5แสนบาท ซื้อขายบรรเจิดใจทุกฝ่ายทุกขั้นตอนจริงๆปีนี้
คณะที่เป็นไกด์ในพื้นที่ เป็นพ่อค้ารับซื้อน้ำมันยางเพื่อส่งไปยังโรงงานผลิตถุงมือและผลิตภัณฑ์ยางส่งไปยังโรงงานในมาเลเซีย บางส่วนก็ส่งออกไปประเทศจีนโดยตรง ไม่ต้องผ่านเสือนอนกินที่สิงค์โปรอีกต่อไป ปีนี้รัฐบาลส่งเสริมปลูกยางพาราทุกภาคอีก800,000ไร่ เมื่อกระแสยางทะลุโลกแบบนี้ คาดว่าจะมีการปลูกยางพาราทั้งที่รับการส่งเสริมและเอกชนรายใหญ่ปลูก รวมๆกันแล้วคาดว่าจะมีพื้นที่ปลูกยางพาราเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1,000,000ไร่
วงการยางพาราคุยกันว่า
ราคายางปีนี้คงไม่ใช่ราคาปรกติ
ในอนาคตอาจจะไม่ดีเท่านี้ก็เป็นได้
จึงมองหาพืชตัวอื่นที่น่าสนใจ
ตัวเลือกในการไปศึกษาดูงานครั้งนี้
จึงมีรายการปาล์มน้ำมันเป็นกรณีพิเศษเพิ่มเข้ามา
ถ้าจะศึกษาดูงานเรื่องปาล์มน้ำมันควรจะไปที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี นอกจากมีศูนย์ศึกษาเรื่องปาล์มน้ำมันของราชการแล้ว ยังมีบริษัททักษิณปาล์มของธุรกิจเอกชน ที่นำเข้าพันธุ์ปาล์มและผู้เชี่ยวชาญจากประเทศมาเลเซียมาปักหลักศึกษาวิจัยที่จังหวัดสุราษฎร์เช่นกัน ผู้สันทัดกรณีหลายสายแนะนำว่าถ้าปาล์มต้องที่สุราษฎร์ เมื่อเจ้งเป้งอย่างนี้จะรอช้าอยู่ไย โชเฟอร์รถสูตรหนึ่งบึ่งออกจากหาดใหญ่-ตรัง-ไปสุราษฎร์ธานีรวดเดียว นั่งรถจนตูดแฉะ ไปถึงเอาจวน3ทุ่ม เจ้าแห้วแนะนำให้พักที่โรงแรมวังใต้ เหตุผล>>มีร้านข้าวต้มเจ้าอร่อยอยู่ใกล้ๆ แม่เจ้าประคุณเอ๋ย..ร้านข้าวต้มอย่างนี้ก็มีด้วย มีกับข้าวไม่ต่ำกว่า70ถาดวางโชว์ให้เลือกชี้จนลายตา หลังจากดวลเข้าต้มแล้วก็แยกย้ายกันเข้าห้อง วันเดียวนั่งรถกี่ร้อยกิโลเมตรก็ไม่รู้จากหาดใหญ่ถึงสุราษฎร์ หัวถึงหมอนจึงหลับแบบรวดเดียวฟ้าแจ้งจ่างป่าง
ผมประสานเรื่องการศึกษาดูงานปาล์มน้ำมันกับพระอาจารย์Handy บังเอิญพระพระอาจารย์ต้องเดินทางไปหาดใหญ่ จึงส่งเพื่อนรัก อ า จ า ร ย์ ชั ย รั ต น์ กั น ต ะ ว ง ษ์ แห่งคณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานีมาเป็นไกด์กิตติมศักดิ์ ส่วนเรื่องกินเรื่องเที่ยว แห้วส่งกิ๊ ก กิ ต ติ ม ศั ก ดิ์ ม า อำ น ว ย ค ว า ม ส ะ ด ว ก ทั้ง2ท่านเป็นไกด์ไร้เทียมทานที่บริษัททัวร์ไหนๆก็ชิดซ้าย
จุ ด พิ เ ศ ษ ข อ ง ช า ว เ ฮ ฮ า ศ า ส ต ร์ ที่ ย า ก จ ะ ห า เ ค รื อ ข่ า ย ไ ห น ม า เ ที ย บ เ คี ย ง ไ ด้ ก็ อ ยู่ ต ร ง จุ ด นี้ ล ะ ค รั บ
ท่านอาจารย์ชัยรัตน์กรุณามารับที่โรงแรม หลังจากเจรจาต้าอวยก็ขึ้นรถไปยังศูนย์วิจัยพันธุ์ปาล์มสุราษฎร์ธานี ระหว่างเดินทางได้คุยกัน อาจารย์เล่าว่าเคยปลูกปาล์มน้ำมันเช่นกัน พวกพี่ๆน้องๆก็อยู่ในวงการสวนปาล์ม อาจารย์เองก็ปลูกมา20ปีแล้ว โอ้ประเจ้าจ๊อช ! จุดไต้ตำตอเข้าแล้วสิครับ ประกอบกับอาจารย์สนใจการปลูกพืชแบบอินทรีย์อยู่แล้ว จึงมีจุดมองที่ประณีต มีข้อสังเกตเชิงวิชาการจากประสบการณ์ตรงของอาจารย์ จุดเล็กๆที่เป็นเคล็ดลับนี่แหละครับ ที่เรายากจะหาได้ในที่อื่น จุดพิเศษนี่เองที่ช่วยให้นักลงทุนหน้าใหม่รอดพ้นจากการหายนะ ก า ร ศึ ก ษ า ใ ห้ รู้ ก่ อ น ล ง มื อ ทำ เ ร า จ ะ ไ ด้ ทำ ต า ม ค ว า ม รู้ จ ริ ง แ ท น ก า ร ทำ ต า ม คำ บ อ ก เ ล่ า ตรงจุดนี้ช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมหาศาล ฟังไปสะดุ้งไปเลยละครับ ทำให้เราได้ตระหนักว่าการปลูกปาล์มนั้นไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก มีตัวแปรที่เป็นข้อจำกัดมากมาย ข้อชี้แนะที่ได้รับในวันนี้จึงมีมูลค่ามหาศาล ทำให้เราต้องมาใคร่คราญว่าจะอุดช่องโหว่ในเรื่องใดบ้าง ไ ม่ อ ย่ า ง นั้ น ก็ จ ะ วิ เ ค ร า ะ ห์ โ ค ร ง ก า ร แ บ บ สุ ก ร วิ่ ง ช น ปั ง ต อ !
: ราคาน้ำมันปาล์มขึ้นไปถึงลิตรละ9บาท ส่งสัญญาณอันตรายถึงอนาคตที่จะต้องเลือกระหว่างอาหารกับพลังงาน เมื่อคนกับเครื่องจักรเครื่องยนต์บริโภคอาหารชนิดเดียวกัน การแก่งแย่งช่วงชิงทรัพยากรส่วนนี้จึงเกิดขึ้น
: ราคาน้ำมันขึ้นไปขวดละ9บาท วัตถุดิบเท่าเดิม จะโกยกำไรเท่าใด?
: สัญญาณนี้มีมาตั้งแต่ไตรมาสที่3 ของปีที่แล้ว แต่รัฐบาลกลับไม่ได้ใส่ใจ ยังคงฝืนกลไกตลาดด้วยการตรึงราคาน้ำมันดีเซลต่อไป การพยายามเอาใจประชาชนเพื่อให้ได้”ประชานิยม” ส่งผลกระทบระยะยาว กลไกตลาดถูกบิดเบือน ทำให้ขาดการวางแผนระยะยาวสำหรับการรับมือกับการขาดแคลนวัตถุดิบเพื่อแปรรูปอาหารและพลังงาน
: สหรัฐฯ อังกฤษ บราซิล จีน กลายเป็นนักล่าอาณานิคมยุคใหม่เมื่อพวกเขาพากันไปซื้อหรือเช่าที่ดินในแอฟริกาเพื่อปลูกพืชน้ำมัน จากโปรตุเกส Galp Energia SGPS SA จากอังกฤษ D1Oil กับ Sun Biofuels Ltd จากอิตาลี ร่วมทุนกับกับแคนนาดาและอิสราเอล ฯลฯ พากันกว้านซื้อที่ดินและปลูกพืชพลังงานในเนื้อที่กว้างๆขวางพอๆกับพื้นที่ประเทศเนเธอร์แลนด์
: ไทยเรามีกลุ่มทุนระดับชาติ ไปกว้านซื้อหรือเช่าที่ดินในลาว เขมร พม่า บังคลาเทศ เพื่อปลูกอ้อย ปาล์มและมันสำปะหลังสำหรับป้อนโรงงานไบโอดีเซลและแก๊สโซฮอล หากฟ้าฝนเป็นใจ ไม่ท่วมหนัก ไม่แล้ง คนกับเครื่องยนต์ก็ยังพอแบ่งกันกินกันใช้ผลผลิตเกษตรเหล่านี้ได้ดีอยู่ แต่ถ้าเกิดภัยธรรมชาติรุนแรงขึ้นมา ก็คงจะต้องเลือกเอาว่า จะให้คนหรือเครื่องยนต์อด :สยามรัฐรายสัปดาห์
ระหว่างเดินเข้าไปชมแปลงปาล์มภายในศูนย์ฯ อาจารย์ได้อธิบายภายใต้ต้นปาล์ม ชี้ให้เห็นประเด็นที่ควรพิจารณาหลายจุด การเรียนจากผู้รู้จริงแบบตัวต่อตัวจึงประเมินค่าไม่ได้ ขอขอบคุณพระอาจารย์Handyที่จัดสิ่งที่ดีที่สุดในโลกให้กับเราในครั้งนี้
(โรงงานแปรรูปปูเพื่อส่งออกและจำหน่ายทั่วราชอาณาจักร)
จบเรื่องปาล์มก็หาเรื่องเจี๊ยะสิครับ ก่อนมาแห้วศรีคุยนักคุยหนาสุราษฎาธานีเมืองหอยใหญ่ ไข่แดงสวย แต่ไม่ยักบรรจุเรื่องปูเข้าไป เพราะปูดอนสักนั้นภัตตาคารในบางกอกกะรันตีว่าเป็นปูอร่อยคุณภาพดีที่สุดในประเทศไทย ในเมื่อไม่เคยเห็นกับตาก็ได้แต่อือออรอวันท้าพิสูจน์ และแล้ววันนั้นก็มาถึง คณะเราตีตั๋วกลับไฟล์เย็น เพื่อจะได้มีเวลาไปไปดูกิจการกิ๊กของแห้ว ซึ่งมีกิจการด้านธุรกิจครบวงจร ตั้งแต่มีเครือข่ายปู-มีเรือทะเลล่าปู-มีท่าเรือขึ้นปู-มีโรงงานจัดสรรปู-อุตสาหกรรมแปรรูปปูเพื่อการส่งออก
(ปูตัวใหญ่สดๆเนื้อแน่นนึ่งร้อนๆจิ้มแจ่วรสเด็ดป้าทิ้ง แทบจะทิ้งสวนป่ามาอยู่กับป้าที่นี่ อิ อิ ..)
ตอนเด็กๆเคยไปขุดปูนามาดอง ชอบปูดอง ส้มตำปูดอง เมื่อ40ปีที่แล้วเคยมาเที่ยวที่เกาะพีพี สมัยนั้นยังไม่มีนักท่องเที่ยวเป็นบ้าเป็นหลังอย่างเดี๋ยวนี้ ยามค่ำคืนชาวเลยังออกมาตีโทนร้องรำสนุกๆท่ามกลางแสงจันทร์ ระหว่างนั่งคุยกัน ปูมาจากไหนไม่รู้ไต่ยุบยับขึ้นมาบนชายหาด ตอนแรกผมคิดว่ามีไม่มาก ร้องหาภาชนะมาใส่ปู จะจับปูว่างั้นเถอะ เจ้าบ้านหัวเราะ..สักพักเท่านั้นแหละแม่คุณเอ๋ย ปูเป็นหมื่นเป็นแสนตัวมาจากไหนไม่รู้วิ่งอยู่เต็มหาด ไต่ยั้วเยี้ยเข้าบ้าน ต้องกรวดออกรีบปิดประตูแทบบ้านแทบไม่ทัน ถ้าเป็นปูตัวโตอันตรายก็คงเป็นฉากภาพยนตร์สยองขวัญได้เลยละครับ
(ดอนสักมีท่าเรือน่้ำลึก ท่าเรือแฟรี มีที่ตกปลาบรรยากาศยอดเยี่ยม)
ไกด์กิ๊กมารับที่ตลาดดอนสักตามที่นัดหมาย ขับรถนำลิ่วตรงไปโรงงาน โอ้โฮๆๆๆๆ เดินไปไหนก็มีปูเจอปูทั้งน้าน ใครมีแฟนชื่อปูแนะนำมาให้ดูที่นี่ มีถังสตีมขนาดใหญ่ต้มไอน้ำเดือนพะพุ่ง ต่อไปยังถังนึ่งปูที่เรียงร่ายส่าย คนงานหลายแผนก คัดปูตามขนาดและคุณภาพออกมานึ่ง อีกแผนกเอาปูมาแยกเกรด ตัวใหญ่เนื้อแน่นจัดส่งภัตตาคารทั่วราชอาณาจักร ปูคุณภาพรองแกะเป็นเนื้อปูส่งในไทยและเลยไปยังต่างประเทศ ไปถึงอเมริกาโน่น ..ไม่แน่นะครับ บางทีเนื้อปูที่เราสั่งข้าวผัดปูอาจจะไปจากโรงงานแห่งนี้ก็ได้ ครอบครัวของกิ๊กมี5พี่น้องแบ่งงานกันคนละหน้าที่ เจ๊ใหญ่เป็นนายกอบต.ดอนสักด้วย เป็นผู้บริหารจัดการเรื่องคุมคุณภาพส่งออก คนรองรับเอาเรื่องก้ามปูกระดองปูส่งญี่ปุ่น อีกคนทำหน้าที่บริหารในโรงงาน อีกคนดูแลด้านการตลาดจัดส่งทั่วไทย ส่วนคุณวัฒน์กิ๊กของแห้วรับหน้าที่เรื่องคุมเรือล่าปูในทะเล
(อิ่มแล้วยังซื้อปูกลับบ้าน มาถึงสวนป่าน้ำแข็งยังเหลือ)
เราได้อาศัยบารมีกิ๊กอย่างเต็มประสิทธิภาพ คุณวัฒน์จัดให้เราได้ดูได้ชิมปูสดๆที่ออกจาถังนึ่ง ความพิเศษของปูที่นี่อยู่ที่ปูสดไม่ผ่านการแช่น้ำแข็ง ดังดิ้นกระแด่วๆรสชาติจึงเป็นหนึ่งไม่มีสอง เราบอกไปล่วงหน้าแล้วว่าจะมาตั้งหน้าตั้งตากินปูโดยเฉพาะ เมื่อโจทย์ออกมาในถิ่นปูที่อลังการก็ไม่ใช่เรื่องยาก หลังจากคณะกรุงเทพฯสั่งซื้อปูสุกใส่กล่องโฟมจนไม่มีที่จะใส่ในรถ ต้องไปตั้งบนหลังคารถเป็นตับ
(ไปดอนสักไม่กราบหลวงพ่อจ้อย กับ ไม่ได้ชิมฝีมือป้าทิ้ง เขาบอกว่าไปบ่ถึงสุราษฎร์)
เจ้าภาพขาใหญ่นำเราไปร้านอาหารป้าทิ้ง ตั้งอยู่ริมอ่าวดอนสักบรรยากาศ ถ้าชูชกมาเห็นสะอื้นแน่ ลูกสาวป้าทิ้งเตรียมมาจดรายการ ถามว่าอะไรอร่อยขึ้นชื่อที่สุด เธอบอกว่าทุกอย่าง อยากให้ชิม ว่าแล้วก็จดๆๆๆแล้วไปลำเลียงมา ส่วนปูนั้นคุณวัฒน์สั่งให้คัดชนิดพิเศษนึ่งสุกใหม่ๆแล้วให้นำไปส่งที่ร้านอาหาร ดูอานุภาพของกิ๊กแห้วสิครับ จะว่าแห้วคุยโม้ก็ไม่ใช่ !!! ในเมื่อมาเห็นจะๆกับตา ปูคัดตัวใหญ่ที่สุดจากโรงงานดอนสักวันนั้น มาปรากฏต่อหน้า3ถาดใหญ่ๆ น้ำจิ้มทยอยมา มีอุปกรณ์หนีบก้ามปูให้แตกแจกด้วยนะ ครบเครื่องครบครันจริงๆ เมนูอร่อยทยอยมาให้ชิมจนพยาธิรำพัน ขอยืนยันว่าอร่อยทุกอย่าง เครื่องแกงหอมฉุย ตักคำไหนคำนั้น ร้องอื้อฮือ> > เราจัดสรรเวลาเพื่อการกินปู3 ชั่วโมง คุณวัฒน์แนะนำวิธีแกะปู สาธิตโดยการแกะให้ชิมร้อนๆ มีข้อแนะนำว่าถ้าจะดวลปูกันจริงๆ ต้องเตรียมเวลามา3 ชั่วโมง อย่ารีบร้อนต้องปล่อยให้เนื้อปูไต่เข้าไปในกระเพาะ คุยกันไป สูดโอนโซนจากทะเล รับประกันว่าจะเก็บไปเป็นเรื่องโม้ได้ตลอดชาติ
ที่ดอนสักนี่ไปไหนๆก็ไม่พ้นอิทธิพลของเจ้าแห้ว
แม้แต่ร้านป้าทิ้งนี่ก็เป็นญาติสนิทกัน
แหม! มิน่าละ..เจ้าของร้านทุ่มเททิ้งทวนชวนชิมแบบไม่ยั้ง
จวนตะวันบ่ายคล้อยเราถึงได้เคลื่อนไปไหว้หลวงพ่อจ้อยบนเขา คุณวัฒน์บอกว่าถ้ามาดอนสักไม่ได้กราบหลวงพ่อก็เหมือนมาไม่ถึงสุราษฎรฯ ท่านเป็นเกจิอาจารย์ที่ผู้คนเคารพทั่วไทยแลนด์ หลังจากนั้นไปดูท่าเรือน้ำลึก เจอคณะทัวร์นั่งเรือจากเกาะสมุยมาขึ้นรถทัวร์ที่นี่ ไม่ไกลกันเท่าไหร่นักเราแวะไปชมท่าเรือแฟรี่ของเอกชน
อิจฉาชาวบ้านที่ใช้เวลาพักผ่อนด้วยการตกปลาภายใต้อาคารสำนักงาน
คนๆหนึ่งดูแลเบ็ด3-4คัน
เอากระดิ่งไปหนีบไว้ที่ปลายเบ็ด
พอปลาเขมือบเหยื่อดึงเสียงกระดิ่งจะดัง
พรานสมัครเล่นรีบมายกเบ็ดก่อนที่ปลาจะลากเข้าใต้ก้อนหิน
เจ้าทะเลจัดสรรให้ปลากระเบนตัวเล็กมากินเบ็ดโชว์
นับว่าอัศจรรย์เป็นใจเกินความประทับใจเสียอีก
(ขอบคุณกิ๊กอาจารย์Handy และ กิ๊กครูปู)
ทั้งหมดทั้งมวลที่ตอกย้ำให้เราอยากมีโอกาสมาพักผ่อนอย่างนี้บ้าง หรือจะลงเรือไปดูเขาล่าปลาหมึกก็ไม่มีปัญหา ของแต่ให้บอกกิ๊ก ทริปนี้อิ่มพุงอิ่มตาอิ่มอกอิ่มใจจนบอกไม่ถูก จะเห็นว่าคนไหนมีกิ๊กดี สบายไปแปดอย่าง จะเนรมิตอะไรได้ทั้งนั้น สุดยอดจริงๆครับ โ ด ย เ ฉ พ า ะ ร า ย ก า ร เ จี๊ ย ะ ปู ค อ ปู ทั้ ง ห ล า ย ถ้ า ยั ง ไ ม่ เ ค ย ม า ชิ ม ที่ ด อ น สั ก อ ย่ า เ พิ่ ง คุ ย จะ คุ ย ท ะ ลุ ท ะ เ ล ไ ด้ ต้ อ ง ผ่ า น ด่ า น นี้ ไ ป เ สี ย ก่ อ น ถึงจะคุยได้เต็มปากเต็มคำ อิ.
หลังจากนั้นก็ล่ำลากันมาสนามบิน
ระหว่างที่รอขึ้นเครื่อง อาจารย์ชัยรัตน์เปิดประเด็นเรื่องของปาล์มต่อ เอาข้อมูลจากงานวิจัยต่างๆมาก๊อปลงโน้ตบุกส์ให้ มีเวลาติวเข้มจากอาจารย์ยิ่งกว่าเด็กสอบกลางปี สรุปว่าทริปนี้..ได้พิสูจน์อิทธิพลของกิ๊กนั้นมีพลังมหาศาล ถึงเจ้าตัวไม่ได้มา ก็เพียงแต่มอบหมายให้กิ๊กเป็นัวแทน ทุกสิ่งทุกอย่างก็ลงตัวได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้คณะเราได้บรรจุความรู้ความสุขกลับมามากมายยิ่งกว่าสมใจนึก ขอขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนอุปการคุณ เรามาถึงสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ2ทุ่มครึ่ง
ระหว่างรอรับกระเป๋า
มีกล่องโฟมใส่ปูเรียงล่ายซ่ายมาเกินจำนวน
ของเรา3กล่อง อ้าว! เพิ่มมายังไงอีกกล่อง
ปรากฏว่าเป็นของผู้โดยสารอีกท่านหนึ่งได้ซื้อปูดอนสักมาฝากญาติ
ซื้อที่เดียวกัน-กล่องขนาดเดียวกัน ห่อพาลาสติกกันน้ำแข็งซึมที่ร้านเดียวกัน
อ้าว! จะพิสูจน์กันยังไงละทีนี้ !
พลิกไปพลิกมาก็เจอรหัสประจำกล่อง
จึงตกลงกันได้ด้วยดี แยกย้ายกันขึ้นรถ
ผมต้องหอบกล่องปู กระเป๋าของฝาก รวมๆแล้ว4ชิ้นใหญ่
แทบจะเดินเดี้ยงเหมือนแม่ปูในอ่าวดอนสักไปเสียแล้ว
อิ อิ..
« « Prev : ควันหลงงานอิ๊กไนน์ไทยแลนด์ครั้งที่ 3
6 ความคิดเห็น
บันทึกท่านสนุกมากและยังให้ความรู้อีกด้วยค่ะ
เราขายยางโลละ 150 บาทก็ดีใจกันใหญ่ ไม่คิดแปรรูปกันบ้างเลย สุดท้ายก็เอาไปออกรถ เงินไปตกในกระเป๋าญี่ปุ่นโม้ด
ยางรถยนต์โลละ 500 บาท แถมมันเหล็กทั้งนั้น ยางจริงๆสัก 3 ขีดได้กระมัง กลายเป็นว่าเอาทำยางรถยนต์จะได้โลละ 1500 บาทนะครับ รายได้เข้าประเทศมหาศาล แถมสร้างงานให้ประชาชน แต่รัฐบวมไทยคิดได้แต่ขายดิบทั้งสิ้น ไม่ว่ายางพารา หรือมันสปล. ปล่อยให้บริษัทดัทช์มาสร้างโรรงานผลิตสารตั้งต้นไลโอพลาสติกที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยไปแล้ว
ยางรถยนต์นั้นบริษัทไทยก็ทำได้แล้ว แต่ผลิตออกมาไม่มีคนซื้อ ไปซื้อแต่ยางนอก จนยางไทยต้องพะยี่ห้อต่างชาติแล้วส่งออกขายทั่วโลก แต่ปริมาณก็ยังน้อยมาก เข้าใจว่าขณะนี้ 90% ยางดิบไทยส่งออกนอกหมด มาเลย์เขายังคิดตั้งโรงงานผลิดตเพิ่มมูลค่าเลย
เศร้าจริงๆครับ
-ดีใจที่putarn ชอบอ่าน อิอิ
ทวิช จิตรสมบูรณ์ ชี้แนะเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งก็แปลกใจว่าทำไมเราก้าวไม่ถึงการแปรรูป
ประเทศที่ขายวัตถุดิบก็ย่ำต๊อกอยู่อย่างนี้
ถ้าทะลุไปถึงเพิ่มมูลค่าได้ ประเทศเราจะอู้ฟู้ทั่วหน้า
คงต้องหาเหตุผล-คำตอบ-จุดถ่วง-อยู่ตรงไหน???? หว่า !
ไอ้บ้าไหน? วางยาประเทศไทย !!
อ่านบันทึกนี้ ทำไม หิวข้าวก็ไม่รู้ค่ะ
ปูจิ้มแจ่วป้าแดงเอ๊ย อิอิ เชียวแหละ