อิ อิ-ชิ มิ ชิ มิ-และ เต้าโต้ย
อ่าน: 2481ตื่นมาอ่านเจอเรื่องโดนใจอีกแล้วพี่น้อง
คุณนิ้วกลมเขียนเรื่องอ ะ ไ ร อ ยู่ ใ น ชิ มิ ได้โดนใจมาก
เธอบอกว่า>>มนุษย์ทุกวันนี้ใช้เวลาอยู่”หน้าคอม” มากกว่า “หน้าคน”
จ้อง “หน้าจอ” มากกว่า”หน้าจริง” อ้าว!ที่แต่งหน้าทาปากแดงใครจะดูละนี่
บางวันเรา”อ่านและเขียน” มากกว่า”คุย”
เอสเอ็มเอส, เฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์, บีบี, ไอโฟน, มากกว่า “พูด”
แต่เรายังต้องการ”พูด”ผ่าน”พิมพ์” แบบมีอารมณ์
มิใช่พิมพ์แห้งๆและเป็นทางการเกินไป
คนที่สื่อสารผ่านหน้าจอต่างรู้กันดีว่า ถ้าไม่ใส่ “อารมณ์” ลงไปในบทสนทนาย่อมมีโอกาสที่จะเกิดความเข้าใจผิดกันได้ อาทิ “ฉันเกลียดแก” (แบบนี้ดูเหมือนจะรุนแรง) แต่ถ้าเป็น “ฉันเกลียดแก หุหุ) (แบบนี้ก็จะรู้ว่าล้อเล่น) หรือถ้าจะใช้ “ฉันเกลียดแก อะคริอะคริ” ก็อาจจะน่ารักขึ้นอีกหน่อย วิธีนี้น้าอึ่งชอบใช้ ถ้าขี้เกียจพิมพ์ก็อาจจะใช้สัญลักษณ์ “ฉันเกลียดแก:P” แทนการแลบลิ้น เพื่อสื่อว่าล้อเล่นนะจ๊ะ
อารมณ์ ในตัวหนังสือจึงเป็นตัวแทน”เสียง” ที่หายไป
นักสื่อสารยุคใหม่จึงคิดสร้างสรรค์วิธีการสร้างเสียงในความเงียบ
ผ่านตัวอักษร มากมายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ถ้าแบบนี้แปลว่ามากมายจริงๆ เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้ “คิดถุง” จึงน่ารักมากกว่า”คิดถึง” จริงไหมน้า>>
หรือเสียงหัวเราะที่คนไทยเข้าใจชาติเดียวในโลกอย่าง”55555”
ก็เกิดขึ้นจากความสะดวกในการพิมพ์
ถ้าใช้เหล็กแกะสลักหินจำต้องใช้ตัวอักษรเหลี่ยมเพื่อแกะได้สะดวก แต่ถ้าใช้เหล็กจารบนใบลานก็ต้องใช้อักษรเป็นตัวกลมๆ ใบลานจะได้ไม่แตกร้าว อุปกรณ์ในการเขียนย่อมมีผลต่อรูปแบบของภาษาเช่นกัน คำใหม่ที่ฮิตๆกันหลายคำในปัจจุบันจะไม่มีวันเกิดขึ้นเลย ถ้าเรายังใช้ปากกาเขียนหนังสือ มิใช่ใช้คีย์บอร์ดพิมพ์อย่างในทุกวันนี้
ของเล่นเด็กๆไม่ใช่”ธรรมชาติ”อีกต่อไปแต่เป็น “ภาษา”
เด็กๆไม่ได้ออกวิ่งตากแดด จับปลา จับตั๊กแตน และทำความรู้จักกับเพื่อนพ้องกับชีวิตอื่นในธรรมชาติ เด็กๆใช้เวลาคุยกับเพื่อนๆผ่านอุปกรณ์ต่างๆแทน และเพื่อไม่ให้การคุยหน้าเบื่อจนเกินไป เด็กๆจึงต้อง”เล่น”กับภาษาที่พวกเขาใช้
พวกผู้ใหญ่อย่างเราๆที่หมกตัวอยู่หน้าจอต่างๆ ก็ถอยห่างจากธรรมชาติมากขึ้นๆ และใช้วิธีแก้เบื่อด้วยการ”เล่น”กับภาษาเช่นกัน ค่อยยังชั่วก็กลุ่มเฮฮาศาสตร์นี่แหละ ที่ยังนัดมาเจอกันบ้าง ไปเที่ยวด้วยกันบ้างเป็นครั้งคราว ไม่งั้นเซ็งตายเลยละอุ้ย
สังคมที่เกิดจากผู้คนที่เอาแต่จ้องหน้าจอ หมกมุ่นอยู่กับตัวเองและเพื่อนๆในวงแคบๆ โดยไม่สนใจรับรู้ว่าสังคมเดือดร้อนและมีชีวิตที่ทุกข์ยากกว่าเขาแค่ไหน สังคมแบบนี้จะเป็นอย่างไร? การมีปัญหาเฉพาะกลุ่มเฉพาะวัยไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ แต่การมีโลกแคบๆเฉพาะกลุ่มโดยไม่สนใจคนอื่นต่างหากที่เป็นปัญหา ใช่ไหมหมอเบิร์ด แคว๊ก แคว๊ก >>
เมื่อวานประชุมทั้งวัน มีแต่เรื่องหนักๆมึนๆ แต่ก็ดีตรงที่ได้เรียนรู้จากจอมยุทธระดับอ๋องทั้งนั้น กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแต่ละท่านธรรมดาที่ไหนละ ทุกท่านเป็นCEO. ผมจึงได้เรียนจากประสบการณ์ตรงจากบรมครู ฟังท่านอาจารย์อมร จันทรสมบูรณ์ ,คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ, ศ.กนก วงษ์ตระหง่าน, ท่านจอมจิน จันทรสกุล,ได้รู้วิธีแก้ปัญหายากๆที่น่าสนใจ “คนอื่นมาประชุม”แต่”ผมมาเรียน” มื้อเที่ยงขยับไม่ออก ต้องเจี๊ยะบะหมี่ปูบนโต๊ะประชุม กว่าจะเลิกก็บ่ายคล้อยไปมากแล้ว
(เฮียเจ้าของร้านนั่งนับเงินจนเบื่อ เซ็งขึ้นมาหาเรื่องไปเล่นบอลตู้)
กลับมาอาบน้ำแต่งรอเป็นพ่อสายบัว ท่านผู้อุปการคุณจะมารับไปกินข้าวต้มอร่อยที่สุดในโลก เจ้านี้เป็นที่สุดของที่สุดจริงๆนะครับ ไม่ได้โม้ ! ไปถึงหนึ่งทุ่มลูกค้าเข้าคิวรอยาวเหยียด ทั้งขาประจำและขาจรนัดกันมาดวลข้าวต้มคับคั่ง โชคดีเจอเจ้าของร้าน ได้โต๊ะนั่งติดกับตั๊วเฮียเสียด้วย จึงคุยกันสะดวก เฮียเจ้าของร้านถือว่าเป็นรุ่นลูก รับมรดกตกทอดความอร่อยมาบริหารจนรวยไม่รู้เรื่อง ร้านนี้อยู่ตรอกจันทร์ ถนนเจริญกรุงซอย73 สังเกตง่าย จะมีปลาตัวโตแขวนโชว์หน้าร้าน และลูกค้ารุมยังกับมด ต้องสังเกตให้ดีตรงที่มีปลาตัวโตโชว์ด้วย เพราะมีร้านข้าวต้มแถวนั้นเปิดขายคล้ายๆกัน คอข้าวต้มมือใหม่เข้าผิดเข้าถูกมาแล้ว ถ้านัดผมไปเลี้ยงรับรองชัวร์ป๊าบ! วันที่ 15 เดือนหน้าดีไหมละคุณหมอจอมป่วน เราไปป่วนพุงกันที่ร้านนี้ หรือจะไปสาธิตการกินปลาเผาสะเดาหวานกับนักศึกษาแพทย์ที่สวนป่าก่อนก็ได้ ว่าที่หมอเด็กๆจะมาถึงเที่ยงวันที่ 10 กลับบ่ายวันที่ 12 กำลังมองหา หมอเจ๊คนสวย แซ่เฮ อยู่ไหน ยู้ฮู!! มะละกอที่หมอปลูกไว้ออกผลมากลมป๊อก สงสัยจะเป็นสายพันธุ์รัสเซีย
เปิดร้านเป๋ง! ก็เริ่มเล่นเก้าอี้ดนตรี เฮียเจ้าของร้านเล่าว่าปลาเต้าโต้ยสั่งมาจากภูเก็ต วันๆหนึ่งขายข้าวต้มได้ 2-3,000 ชาม บางทีเจ้าประจำก็จะสั่งไปงานเลี้ยงคราวละ500-1,000ชาม ราคามีตั้งแต่100-500บาท เจ้าของร้านนั่งนับเงินจนมือหงิก
ผู้สันทัดกรณีสั่งเกาเหลาเต้าโต้ยมาทดสอบคนละถ้วย
เนื้อปลาสดฝานชิ้นใหญ่ๆในน้ำซุ๊ปปรุงหอมกรุ่น
ใช้ตะเกียบคีบจุ่มน้ำจิ้มรสเด็ด
แทบไม่ต้องเคี้ยวความอร่อยลื่นไหลลงพุง
อร่อยแทบไม่ทัน 5555
ตามด้วยยำทะเลรสเด็ด
จะชิมอย่างอื่นอีกท้องก็ปริเสียแล้ว
จึงสั่งหัวปลาใส่ถุงหิ้วมาพิสูจน์ที่โรงแรม
เจ้ามือกระเป๋ายุบไปพันสอง : 6 ร้อยบาท/คน
เรื่องคิดค้นหาร้านอร่อยนี่คิดถึงน้าแป๊ดเป็นบ้า!!
คืนนี้นอนท้องป่อง ไม่ยุบหนอ ไม่พองหนอ
อาการไม่แพ้ตอนชูชกสะอื้น
ผมแอบฟังนักชิมเขาคุยกัน “เฮียว่าปูที่ไหนอร่อย” เจ้าของร้านบอกว่าต้องที่ดอนสัก สุราษฎร์ธานี “สู้ที่เสมสารได้หรือเปล่า” ปูเสมสารตัวเล็กแต่เนื้อแน่นหวานอร่อย เจอน้ำจิ้มรสเด็ดด้วยแล้วเธอเอ๋ย ทุบก้ามปูแทบไม่ทัน ที่บ้านสั่งทางรถทัวร์มาชิมประจำ ”ปลาที่ไหนอร่อย” ทำกินอย่างไร มีทีเด็ดตรงไหน เคล็ดลับเป็นอย่างไร ทำอย่างไรถึงไม่มีกลิ่นคาว เอาพัดลมเป่าปากหม้อระหว่างต้มใช่ไหม? เออหนอ >> นักชิมเจอกันก็จะสรรหาแต่ของชอบยิ่งๆขึ้นไป เคยไปชิมหม้อไฟที่สุราษราฎร์เมื่อหลายปีแล้ว ตั้งแต่ปีที่ท่านพุทธทาสละสังขารโน่น ก็ว่าอร่อยแล้วนะ แต่ยังถูกร้านเมื่อคืนนี้เฉือนไปเส้นยาแดงผ่าแปด
ย้อนมาดอนสัก สุราษฎร์ฯในปัจจุบัน
ผมนึกขึ้นได้ว่ามีกิ๊กเจ้าแห้วเป็นขาใหญ่เรื่องปูนี่หว่า
ถามแล้ว>> เจ้าแห้วโม้สะบัด
ปูดอนสักส่งออกญี่ปุ่นนะจ๊ะ
เธอคุยซะจนผู้สันทัดกรณีด้านชิมขอไปด้วย
เรื่องปูดอนสักอร่อยที่สุดในโลก
ควรฟังหูไว้หู
ตัดสินใจได้เลย จะเอาหูข้างซ้ายหรือหูข้างขวา
เรื่องนี้มันต้องพิสูจน์ใช่ไหมป้าหวาน
ชิมิ ชิมิ ><
Next : เจ้าพ่อคาวบอยไทยแลนด์ » »
3 ความคิดเห็น
ชามละ ๕๐ บาทที่ภูเก็ต(เพิ่งเจออยู่หน้าปากซอย)ก็อร่อยนะ…ซิบอกให่…
เห็นทีจะต้องจัดประกวดเสียแล้ว คิคิ
งั้นเดี๋ยวจะลองแวะไปชิมถึงที่เลยนะคะ พี่อัยการ