อิ อิ-ชิ มิ ชิ มิ-และ เต้าโต้ย

โดย sutthinun เมื่อ 28 พฤศจิกายน 2010 เวลา 7:17 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 2421

ตื่นมาอ่านเจอเรื่องโดนใจอีกแล้วพี่น้อง

คุณนิ้วกลมเขียนเรื่องอ ะ ไ ร อ ยู่ ใ น ชิ มิ ได้โดนใจมาก

เธอบอกว่า>>มนุษย์ทุกวันนี้ใช้เวลาอยู่”หน้าคอม” มากกว่า “หน้าคน”

จ้อง “หน้าจอ” มากกว่า”หน้าจริง” อ้าว!ที่แต่งหน้าทาปากแดงใครจะดูละนี่

บางวันเรา”อ่านและเขียน” มากกว่า”คุย”

เอสเอ็มเอส, เฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์, บีบี, ไอโฟน, มากกว่า “พูด”

แต่เรายังต้องการ”พูด”ผ่าน”พิมพ์” แบบมีอารมณ์

มิใช่พิมพ์แห้งๆและเป็นทางการเกินไป

คนที่สื่อสารผ่านหน้าจอต่างรู้กันดีว่า ถ้าไม่ใส่ “อารมณ์” ลงไปในบทสนทนาย่อมมีโอกาสที่จะเกิดความเข้าใจผิดกันได้ อาทิ “ฉันเกลียดแก” (แบบนี้ดูเหมือนจะรุนแรง) แต่ถ้าเป็น “ฉันเกลียดแก หุหุ) (แบบนี้ก็จะรู้ว่าล้อเล่น) หรือถ้าจะใช้ “ฉันเกลียดแก อะคริอะคริ” ก็อาจจะน่ารักขึ้นอีกหน่อย วิธีนี้น้าอึ่งชอบใช้ ถ้าขี้เกียจพิมพ์ก็อาจจะใช้สัญลักษณ์ “ฉันเกลียดแก:P” แทนการแลบลิ้น เพื่อสื่อว่าล้อเล่นนะจ๊ะ

อารมณ์ ในตัวหนังสือจึงเป็นตัวแทน”เสียง” ที่หายไป

นักสื่อสารยุคใหม่จึงคิดสร้างสรรค์วิธีการสร้างเสียงในความเงียบ

ผ่านตัวอักษร มากมายยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ถ้าแบบนี้แปลว่ามากมายจริงๆ เป็นต้น

ด้วยเหตุนี้ “คิดถุง” จึงน่ารักมากกว่า”คิดถึง” จริงไหมน้า>>

หรือเสียงหัวเราะที่คนไทยเข้าใจชาติเดียวในโลกอย่าง”55555

ก็เกิดขึ้นจากความสะดวกในการพิมพ์

ถ้าใช้เหล็กแกะสลักหินจำต้องใช้ตัวอักษรเหลี่ยมเพื่อแกะได้สะดวก แต่ถ้าใช้เหล็กจารบนใบลานก็ต้องใช้อักษรเป็นตัวกลมๆ ใบลานจะได้ไม่แตกร้าว อุปกรณ์ในการเขียนย่อมมีผลต่อรูปแบบของภาษาเช่นกัน คำใหม่ที่ฮิตๆกันหลายคำในปัจจุบันจะไม่มีวันเกิดขึ้นเลย ถ้าเรายังใช้ปากกาเขียนหนังสือ มิใช่ใช้คีย์บอร์ดพิมพ์อย่างในทุกวันนี้

ของเล่นเด็กๆไม่ใช่”ธรรมชาติ”อีกต่อไปแต่เป็น “ภาษา”

เด็กๆไม่ได้ออกวิ่งตากแดด จับปลา จับตั๊กแตน และทำความรู้จักกับเพื่อนพ้องกับชีวิตอื่นในธรรมชาติ เด็กๆใช้เวลาคุยกับเพื่อนๆผ่านอุปกรณ์ต่างๆแทน และเพื่อไม่ให้การคุยหน้าเบื่อจนเกินไป เด็กๆจึงต้อง”เล่น”กับภาษาที่พวกเขาใช้

พวกผู้ใหญ่อย่างเราๆที่หมกตัวอยู่หน้าจอต่างๆ ก็ถอยห่างจากธรรมชาติมากขึ้นๆ และใช้วิธีแก้เบื่อด้วยการ”เล่น”กับภาษาเช่นกัน ค่อยยังชั่วก็กลุ่มเฮฮาศาสตร์นี่แหละ ที่ยังนัดมาเจอกันบ้าง ไปเที่ยวด้วยกันบ้างเป็นครั้งคราว ไม่งั้นเซ็งตายเลยละอุ้ย

สังคมที่เกิดจากผู้คนที่เอาแต่จ้องหน้าจอ หมกมุ่นอยู่กับตัวเองและเพื่อนๆในวงแคบๆ โดยไม่สนใจรับรู้ว่าสังคมเดือดร้อนและมีชีวิตที่ทุกข์ยากกว่าเขาแค่ไหน สังคมแบบนี้จะเป็นอย่างไร? การมีปัญหาเฉพาะกลุ่มเฉพาะวัยไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ แต่การมีโลกแคบๆเฉพาะกลุ่มโดยไม่สนใจคนอื่นต่างหากที่เป็นปัญหา ใช่ไหมหมอเบิร์ด แคว๊ก แคว๊ก >>

เมื่อวานประชุมทั้งวัน มีแต่เรื่องหนักๆมึนๆ แต่ก็ดีตรงที่ได้เรียนรู้จากจอมยุทธระดับอ๋องทั้งนั้น กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิแต่ละท่านธรรมดาที่ไหนละ ทุกท่านเป็นCEO. ผมจึงได้เรียนจากประสบการณ์ตรงจากบรมครู ฟังท่านอาจารย์อมร จันทรสมบูรณ์ ,คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ,.กนก วงษ์ตระหง่าน, ท่านจอมจิน จันทรสกุล,ได้รู้วิธีแก้ปัญหายากๆที่น่าสนใจคนอื่นมาประชุม”แต่”ผมมาเรียน มื้อเที่ยงขยับไม่ออก ต้องเจี๊ยะบะหมี่ปูบนโต๊ะประชุม กว่าจะเลิกก็บ่ายคล้อยไปมากแล้ว

(เฮียเจ้าของร้านนั่งนับเงินจนเบื่อ เซ็งขึ้นมาหาเรื่องไปเล่นบอลตู้)

กลับมาอาบน้ำแต่งรอเป็นพ่อสายบัว ท่านผู้อุปการคุณจะมารับไปกินข้าวต้มอร่อยที่สุดในโลก เจ้านี้เป็นที่สุดของที่สุดจริงๆนะครับ ไม่ได้โม้ ! ไปถึงหนึ่งทุ่มลูกค้าเข้าคิวรอยาวเหยียด ทั้งขาประจำและขาจรนัดกันมาดวลข้าวต้มคับคั่ง โชคดีเจอเจ้าของร้าน ได้โต๊ะนั่งติดกับตั๊วเฮียเสียด้วย จึงคุยกันสะดวก เฮียเจ้าของร้านถือว่าเป็นรุ่นลูก รับมรดกตกทอดความอร่อยมาบริหารจนรวยไม่รู้เรื่อง ร้านนี้อยู่ตรอกจันทร์ ถนนเจริญกรุงซอย73 สังเกตง่าย จะมีปลาตัวโตแขวนโชว์หน้าร้าน และลูกค้ารุมยังกับมด ต้องสังเกตให้ดีตรงที่มีปลาตัวโตโชว์ด้วย เพราะมีร้านข้าวต้มแถวนั้นเปิดขายคล้ายๆกัน คอข้าวต้มมือใหม่เข้าผิดเข้าถูกมาแล้ว ถ้านัดผมไปเลี้ยงรับรองชัวร์ป๊าบ! วันที่ 15 เดือนหน้าดีไหมละคุณหมอจอมป่วน เราไปป่วนพุงกันที่ร้านนี้ หรือจะไปสาธิตการกินปลาเผาสะเดาหวานกับนักศึกษาแพทย์ที่สวนป่าก่อนก็ได้ ว่าที่หมอเด็กๆจะมาถึงเที่ยงวันที่ 10 กลับบ่ายวันที่ 12 กำลังมองหา หมอเจ๊คนสวย แซ่เฮ อยู่ไหน ยู้ฮู!! มะละกอที่หมอปลูกไว้ออกผลมากลมป๊อก สงสัยจะเป็นสายพันธุ์รัสเซีย

เปิดร้านเป๋ง! ก็เริ่มเล่นเก้าอี้ดนตรี เฮียเจ้าของร้านเล่าว่าปลาเต้าโต้ยสั่งมาจากภูเก็ต วันๆหนึ่งขายข้าวต้มได้ 2-3,000 ชาม บางทีเจ้าประจำก็จะสั่งไปงานเลี้ยงคราวละ500-1,000ชาม ราคามีตั้งแต่100-500บาท เจ้าของร้านนั่งนับเงินจนมือหงิก

ผู้สันทัดกรณีสั่งเกาเหลาเต้าโต้ยมาทดสอบคนละถ้วย

เนื้อปลาสดฝานชิ้นใหญ่ๆในน้ำซุ๊ปปรุงหอมกรุ่น

ใช้ตะเกียบคีบจุ่มน้ำจิ้มรสเด็ด

แทบไม่ต้องเคี้ยวความอร่อยลื่นไหลลงพุง

อร่อยแทบไม่ทัน 5555

ตามด้วยยำทะเลรสเด็ด

จะชิมอย่างอื่นอีกท้องก็ปริเสียแล้ว

จึงสั่งหัวปลาใส่ถุงหิ้วมาพิสูจน์ที่โรงแรม

เจ้ามือกระเป๋ายุบไปพันสอง : 6 ร้อยบาท/คน

เรื่องคิดค้นหาร้านอร่อยนี่คิดถึงน้าแป๊ดเป็นบ้า!!

คืนนี้นอนท้องป่อง ไม่ยุบหนอ ไม่พองหนอ

อาการไม่แพ้ตอนชูชกสะอื้น

ผมแอบฟังนักชิมเขาคุยกัน “เฮียว่าปูที่ไหนอร่อย” เจ้าของร้านบอกว่าต้องที่ดอนสัก สุราษฎร์ธานี “สู้ที่เสมสารได้หรือเปล่า” ปูเสมสารตัวเล็กแต่เนื้อแน่นหวานอร่อย เจอน้ำจิ้มรสเด็ดด้วยแล้วเธอเอ๋ย ทุบก้ามปูแทบไม่ทัน ที่บ้านสั่งทางรถทัวร์มาชิมประจำ ”ปลาที่ไหนอร่อย” ทำกินอย่างไร มีทีเด็ดตรงไหน เคล็ดลับเป็นอย่างไร ทำอย่างไรถึงไม่มีกลิ่นคาว เอาพัดลมเป่าปากหม้อระหว่างต้มใช่ไหม? เออหนอ >> นักชิมเจอกันก็จะสรรหาแต่ของชอบยิ่งๆขึ้นไป เคยไปชิมหม้อไฟที่สุราษราฎร์เมื่อหลายปีแล้ว ตั้งแต่ปีที่ท่านพุทธทาสละสังขารโน่น ก็ว่าอร่อยแล้วนะ แต่ยังถูกร้านเมื่อคืนนี้เฉือนไปเส้นยาแดงผ่าแปด

ย้อนมาดอนสัก สุราษฎร์ฯในปัจจุบัน

ผมนึกขึ้นได้ว่ามีกิ๊กเจ้าแห้วเป็นขาใหญ่เรื่องปูนี่หว่า

ถามแล้ว>> เจ้าแห้วโม้สะบัด

ปูดอนสักส่งออกญี่ปุ่นนะจ๊ะ

เธอคุยซะจนผู้สันทัดกรณีด้านชิมขอไปด้วย

เรื่องปูดอนสักอร่อยที่สุดในโลก

ควรฟังหูไว้หู

ตัดสินใจได้เลย จะเอาหูข้างซ้ายหรือหูข้างขวา

เรื่องนี้มันต้องพิสูจน์ใช่ไหมป้าหวาน

ชิมิ ชิมิ ><

« « Prev : หมาเห่าเครื่องบิน

Next : เจ้าพ่อคาวบอยไทยแลนด์ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

3 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.9017698764801 sec
Sidebar: 0.21409511566162 sec