ออนซอนนครพนม

โดย sutthinun เมื่อ 17 พฤศจิกายน 2010 เวลา 3:09 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 3057

(ถนนไม่เหมาะแม้แต่กับรถอีตุ๊กต้องลงเดิน)

สายการบินอีแร้งแก่งดบิน ผมจึงได้อาศัยรถทัวร์บขส.เพิ่งจะเคยใช้บริการครั้งแรก โห! เขาพัฒนาได้ดีเชียวแหละ เป็นรถโค็ชวีไอพีมี2ชั้น ผู้อุปการคุณจองที่นั่งชั้นล่างให้ ได้ที่นั่งเดี่ยวกว้างขวางเอนนอนสบาย มีผู้โดยสาร2คน เก้าอี้ว่าง4ที่ ส่วนมากนักเดินทางจะเลือกนั่งชั้นบน ระยะทาง 727 กม. ราคาค่าโดยสาร 823 บาท ใช้เวลาเดินทาง 11 ชั่วโมง นั่งๆนอนๆงีบเป็นพักๆ ตื่นมากลางดึกเห็นมีไฟส่องอ่านหนังสือ มีปลักไฟฟ้าให้เสียบคอมฯด้วยนะครับ จึงงัดคอมฯมาพิมพ์ข่าวเล่าเรื่องลงบล็อก จวนสว่างผมส่งการบ้านเสร็จพอดี

(อาศัยนั่งรถอีตุ๊กบุกป่า)

เมื่อวานนี้ เช้าจรดเย็นเป็นไปด้วยความระทึกระทวยใจ ตื่นไปให้หมอนวดจี้จุดเดี้ยงตั้งแต่6โมงเช้าอดข้าวอดน้ำ คุณหมอบอกว่าใช้เวลา2ชั่วโมง เธอไล่ไปเปลี่ยนโสร่งโล่งโจ้งนอนลง เธอจะขยำขย้ำนะสิ ว่าแล้วก็ใช้นิ้วอันทรงพลังกดไปทั่วสรรพรางค์กาย เราจะทำอะไรได้นอกจากนอนสะดุ้งตามจุดจี้จ้ำๆ อยู่ดีๆก็มีหมอสาวมาเพิ่มอีกคน เธอบอกว่าเกรงใจเราจะเสียเวลา เรียกเพื่อนมาช่วยแบ่งความรับผิดชอบคนละครึ่งร่าง รายการนวดจึงจบลงได้ภายในชั่วโมงครึ่ง ผมก็เดินเด้งดึ๋งๆออกไปทำบัตรผ่านแดนข้ามไปยังแขวงคำม่วนประเทศลา

(หน้าตาก้วยเตี๋ยวลาวใส่ซ๊อส)

ข้ามมาฝั่งลาวแล้ว สอบถามเจ้าถิ่นหาอาหารร้านไหนอร่อย ได้รับความกระจ่างว่ามีก๋วยเตี๋ยวอยู่เจ้าหนึ่งเป็นที่นิยมของที่นี่ ชาวเราจึงสั่งชนิดพิเศษมาคนละชาม อร่อยใช้ได้เชียวแหละ คุณตุ๊เจ้าถิ่นแนะให้ใส่ซ๊อสสีส้มเหลืองๆ ไม่ลองไม่รู้ เป็นอันว่าได้กินก้วยเตี๋ยวใส่ซ๊อสครั้งแรกที่แผ่นดินลาวนี่เอง อิ่มแล้วออกเดินทางเข้าไปยังพื้นที่ป่าไม้ที่ใครๆมะรุมมะตุ้มกัน เป็นป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยแน่นราวกับนิ้วมือ บางแห่งถูกโค่นล้มระเนระนาด ร่องรอยการเลื่อยไม้ขนาดหลายคนโอบมีให้เห็นทั่วไป กิ่งก้านขนาดต้นมะพร้าวทิ้งเกลื่อนเต็มพื้นเหมือนไร้ค่า ยิ่งเข้าป่าลึกเข้าไปเท่าใดก็ยิ่งสะทกสะท้อนใจ มนุษย์กำลังเปลี่ยนป่ายุคที่เกิดมาหลายหมื่นปี มาเป็นสวนยางพารา ไม่ต่างกับไก่ได้พลอย ไม่ว่าจะพิจารณาทั้งด้านคุณค่าและมูลค่าก็เทียบกันไม่ได้หรอก มันเกิดอะไรขึ้นกับความรู้สึกนึกคิดของมนุษย์ เรากำลังเอาอะไรคิด สรุปหยาบๆได้ว่า “ถ้ายางพารามีราคาแพงขึ้นเท่าใด ป่าไม้บนโลกนี้ถูกล้างผลาญมากขึ้นเท่านั้น” ไอ่คนที่พูดเรื่องโลกร้อน-มลภาวะภาแวะ-ดุลยภาพทางธรรมชาติ-ก็แหกปากไปสิ พวกอยากจะรวยมากๆรวยเร็วๆไม่รับรู้หรอก จ้องจะล้างโลกอย่างเดียว เรื่องนี้ใครไม่มาเห็นกับตัวเองไม่ตระหนกหรอก วันใดที่ป่าไม้ลาวสูญเสียความสมดุล ประเทศไทยนี่แหละจะอ่วมอรทัย แค่ที่เป็นอยู่นี้ก็แทบกระอักเลือดแล้วไม่ใช่หรือ จะต้องตามล้างตามเช็ดเรื่องภัยพิบัติคราวนี้กันอีกเท่าไหร่

(ป่าหนาทึบอย่างที่เห็นนี่แหละถูกหักร้างมาเป็นสวนยางพารา)

เรื่องนี้โทษลาวไม่ได้หรอก

พี่ไทยเองล้างผลาญทรัพยากรธรรมชาติเป็นตัวอย่างมาแล้ว

อ้ายน้องลาวก็กำลังเดินตามรอยติดๆ

แถมพี่ไทยยังลงไปรุมสะกรัมย่ำยีป่าไม้ลาวกันอย่างหน้าดำคร่ำเคร่ง

ด้วยฝีมือพี่ไทย-ลาว ไม่นานหรอก

ภายใน10ปีเดี๋ยวก็รู้หมู่หรือจ่า

คนฉลาดแกมโกงเต็ม2ฝั่งโขง

พัฒนาให้ตายสุดท้ายก็เหลือแต่ตอ

(เปลี่ยนไม้ยืนต้นมาเป็นต้นยืนตอ-ต้นตอ-เหลือแต่ตอ)

ข้อเสนอแนะก็พอมีบ้าง แต่>>ไม่รู้ว่าจะมีน้ำยาหรือเปล่า

1 ถ้ารักประเทศไทย ควรช่วยกันรักสภาพแวดล้อม/ป่าไม้มากๆหน่อย ถ้าประเทศมีแต่ภูเขาหัวโล้น พื้นที่ทำกินเสื่อมโทรมแห้งแล้งดินเลว ความน่ารักหยาบๆที่ตามองเห็นก็จะกลายเป็นความน่าชัง ดังที่เราพบเห็นสิ่งของสาธารณะ แม่น้ำลำคลอง ภูเขาขยะ ความอึดอัดจอแจต่างๆ ซึ่งกระทบถึงความงดงามภายใน เมื่อภายนอกโสโครกแล้วความดีงามในจิตใจก็คลอนแคลนง่าย

2  ควรพิจารณาเรื่องเครดิตคาร์บอน และสนับสนุนเรื่องการประกอบสัมมาชีพให้หลากหลาย พิจารณาเรื่องการปลูกต้นไม้แทรกลงในพื้นที่ตามความเหมาะสม และควรทำแปลงต้นแบบหลายๆกรณีให้พิจารณา นำเสนอการจัดการป่าไม้ขนาดเล็กเชิงประจักษ์

3 เสนอให้ออกระเบียบ/ส่งเสริมปลูกยางพาราในพื้นที่ทำไร่เสื่อมโทรมเท่านั้น พื้นที่ๆปลูกพืชล้มลุกไม่ได้ผล อย่างที่กำลังแห่กันทำอยู่ในภูมิภาคต่างๆในไทย ที่ชาวบ้านกำลังลุยปลูกยางพาราตามที่นาดอน-ไร่อ้อย-ไร่มันสำปะหลัง เพราะกดเครื่องคิดเลขแล้วมันเร้าใจเหลือทน รายได้ดีใครทำมากได้มาก แบ่งประโยชน์กันแบบวัดครึ่งหนึ่งกรรมการครึ่งหนึ่ง

(ป่าไม้หายไปไหน ไปอย่างไร ไปอยู่ที่ไหน ไปอยู่กับใคร ไปมาอย่างไร? ป่าม้วย ป่าม้วย ป่าม้วย)

เจ้าของสวน:คนกรีดยาง 60:40

คนกรีดได้เงินเห็นๆ40บาท/แผ่น

สมมุติวันหนึ่งรับจ้างกรีดยางได้ 30 แผ่น

คนกรีดยางรับทรัพย์วันละ1,200บาท

ครอบครัวหนึ่งกรีดยาง3คน เอา3คูณเข้าไป

โอ้โห วันละ3,600บาท

เดือนหนึ่งกรีดยาง20วัน ทวีคูณเข้าไป

มีรายได้ครอบครัวละ72,000บาท/เดือน

ปีหนี่งกรีดยาง8เดือน กดเครื่องคิดเลขออกมา 576,000บาท/ครัวเรือน

ถ้าครัวเรือนรายย่อยมีสวนยางเป็นของตนเองด้วย 20-30ไร่

ก็จะมีรายได้สมทบอีก รวมๆแล้วตัวเลขกลมๆประมาณ1,000,000บาท/ปี

ภาพที่เห็นด้วยสายตาในการไปบุกป่าไม้ในสปป.ลาว ถ้าเปรียบของไทยคงจะเท่าๆป่าดงพญาเย็นหรือป่าไม้ในเขตอุทยานเขาใหญ่ยังไงยังงั้นเลย แต่ป่าที่ว่านี้มีไม้ใหญ่หลายคนโอบเต็มไปหมด รกเรื้อตามสภาพของป่าเขตร้อนชื้นทั่วไป อุดมสมบูรณ์กว่าของเราอีก แต่วันนี้มีขาใหญ่มาจับจองป่าขายกันเป็นทอดๆ แต่ละแปลงมีรั้วหยาบๆกั้นเป็นแนว หรือไม่ก็มีการตัดสางไม้เล็กเป็นช่องๆ คณะเราลงรถตู้แล้วต่อด้วยรถอีเต๊กเข้าไป ไปจนกระทั้งรถอีเต๊กจนมุม เราเดินเท้าบุกฝ่าไปตามช่องทางพราน ข้ามห้วยและไม้ขอนนอนไพร บุกลึกไปๆจนหลงป่า ผมล้มกลิ้งหงายหลังไปนอนแผ่ในห้วย ที่หมอนวดกดจุดให้กับก้วยเตี้ยวชามใหญ่ละลายหายไปจนหมดสิ้น ได้เจอฝูงผีเสื้อสวยมาก สมุนไพร หวาย สวนยางพาราเกิดใหม่ แปลงปลูกไม้หอมกฤษณา ปลูกข้าวไร่ นอกนั้นก็ไม่มีอะไร เพราะใจคอไปอยู่ที่ยางพาราหมดสิ้นแล้ว กว่าจะกลับออกมาถึงฝั่งไทยก็ตะวันบ่ายคล้อย

(รักต้นไม้ไม่มีอกหัก)

ในประเทศจีน เกษตรกรอวดรวยกันตรงที่ใครมีสวนยางพารามากกว่ากัน เขาบอกว่ามันมั่นคงและดีกว่ามีร้านทองเสียอีก ในไทยเองก็ชื่นมื่นกันมาก ชาวสวนยางมีเงินซื้อรถซื้อทองหย๋องเต็มตัว มีกินมีของใช้ฟุ่มเฟือยเต็มบ้าน ร้านค้าก็เบิกบาน เจ้าของสวนฝันหวานเจี๊ยบ ตอนนี้โคตรความมั่งคั่งมาชุมนุมอยู่ที่สวนยางนี่เอง เรื่องนี้พูดมากไม่ได้ คนกำลังจะรวยช็อกโลก ใครอย่าบังอาจมาพูดกวนอวัยวะเบื้องล่าง จะถูกตอกหน้ากลับ “มันมีอะไรดีกว่านี้ไหม? น่าทำกว่านี้ไหม? “ ขืนทะลึ่งไปโต้แย้งเดี๋ยวปากก็มีสีเท่านั้นเอง เรื่องห้ามรวยห้ามกิเลศเทวดายังทำไม่ได้เลย เจ้าพ่อเจ้าแม่โดนติดสินบนกันทั้งนั้น ระส่ำระสายทั้งทางโลกทางธรรม ยุคนี้อะไรๆก็สู้ทางโลภไม่ได้หรอก ฉันจะรวยมันผิดตรงไหนฟะ เรื่องเดียวกันแต่คิดและทำไปคนละทิศละทาง โจทย์ทุกข้อกำลังเดินไปสู่ความขัดแย้งทางสติปัญญา การที่ไม่รู้ว่าตัวเซ่อก็ยังพอทน แต่ยังนึกว่าตัวเก่งนี่สิเหลือทน รายการแก่งแย่งกันรวยกำลังเป็นกระแสพลุกพล่านไปทั้งโลก สังคมมนุษยชาติจะแตกเป็นเสี่ยงๆเพราะบริหารกิเลศไม่สำเร็จ คนที่คิดดีกับคนที่คิดด้อยผลลัพธ์ส่งผลกระทบสัดส่วนต่างกันมาก กลุ่มหนึ่งนั่งหยุบหนอพองหนอ อีกกลุ่มหนึ่งตัดป่าไม้โครมๆ เผาพรึบ! มันจะเหลืออะไรหนอ ทำดีแต่พอตัวไม่เกลือกลั้วกิเลศก็ดีและดำเนินไปเถิด แต่ก็ควรหาทางป้องกันไฟกิเลศลามเลียมาถึง ไม่อย่างนั้นมีหวังเสียศูนย์เสียใจง่ายๆ แถมยังเรียกคืนไม่ได้ด้วยสิ ไฟลามโลกลามใจ ถ้าใครๆไม่รับผิดชอบต่ออนาคตของโลกใบนี้ คิดดูสิเธออะไรจะเกิดขึ้น มีคนรวยคนไหนบ้างที่หอบความร่ำรวยลงโลงไปด้วยได้ ถึงจะจุดแบ็งค์กงเต๊กไล่หลังตามไป ก็ยังไม่มีใครสักคนกลับมาบอกว่าได้ใช้เงินกระดาษเหล่านั้นหรือเปล่า เห็นแต่ไปแล้วไปลับ ปล่อยให้ลูกหลานที่อยู่ข้างหลังน้ำตาตกในกันทั้งนั้น จะรวยก็ไม่อิจฉาหรอกนะ ถ้าความร่ำรวยนั้นกำกับด้วยคุณธรรม รวยด้วยฝีมือไม่ขี้โกง รวยแบบบันยะบันยัง รวยแบบสมดุล ไม่สร้างความวิบัติให้โลกใบนี้ และอยากจะขอร้องว่า อย่าเกิดมาอีกเลยนะ แค่ชาติเดียวนี้ก็ย่อยยับพอแรงแล้วละต๋อย! อิ อิ

« « Prev : แก้ผ้าเอาหน้ารอด

Next : ข่าวจาก ม.ทักษิณ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "ออนซอนนครพนม"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.11406707763672 sec
Sidebar: 0.071513891220093 sec