แก้ผ้าเอาหน้ารอด

โดย sutthinun เมื่อ 16 พฤศจิกายน 2010 เวลา 4:19 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 4087

(นอนฝั่งไทยข้ามโขงไปเที่ยวฝั่งลาว)

การที่เราได้ไปเที่ยวในพื้นที่โดยมีเจ้าถิ่นเป็นเจ้าภาพพาตระเวนนั้น ถือเป็นที่สุดของการทัวร์ขนานแท้ ไม่ใช่การนั่งรถวิ่งพรวดๆไปถึงก็จอดๆๆรีบๆๆชมแล้วก็ต้อนขึ้นรถไปที่อื่นต่อ ถ้ารีบร้อนไปทุกกระเบียดมันก็ยากที่จะได้เรียนรู้อะไรดีๆ ทำได้ก็แค่มีเรื่องผ่านหูผ่านตาแบบสวกๆ แต่การไปท่องลาวเที่ยวนี้ ดูไปแล้วคล้ายกับที่พี่น้องชาวเฮจัดทัวร์เฮฮาศาสตร์ ทุกอย่างจึงอิ่มเอมด้วยไมตรีจิต-รอยยิ้ม-ความกระตือรือร้น-ความเป็นกันเอง-ความปรารถนาดีเรียงล่ายซ่าย ผมมีลูกหลานชาวนครพนมจึงโทรไปชวนและหนีบไปด้วย คุณตุ๊ถึงจะเป็นคนในพื้นที่และเป็นนักพัฒนาก็เถอะ การที่ได้สัมผัสกับมืออาชีพระดับก่อกิจการนั้นถือเป็นวาสนาเชียวแหละ ผมอยากให้เธอได้รับฟังแนวคิดดีๆและซักถามปัญหาต่างๆโดยตรง และเธอก็เคยทราบมาแล้วว่า ไปไหนกับผมจะเจอแต่เรื่องบ้าๆบวมๆที่ไม่ธรรมดา จึงรีบอาบน้ำทาแป้งยิ้มแป้นมาสมทบแต่เช้า

เรานัดเจอกันร้านโจ๊กหน้าโรงแรม ร้านนี้มีหนุ่มๆแต่งเครื่องแบบเต็มร้าน คนข้างๆอธิบายว่าที่นครพนมมีวิทยาลัยนานาชาติการบิน หนุ่มๆเหล่านี้คือศิษย์การบินมหาวิทยาลัยนครพนมนั่นเอง ต้องขอชมคนที่คิดสร้างหลักสูตรนี้ ไม่ซ้ำซ้อนกับใครแถมดูดีอีกต่างหาก

(คณะเราเรียงคิวถ่ายรูปทำใบผ่านด่าน)

คณะออกจากโรงแรมไปยังด่านศุลกากรท่าแขก ไปยืนถ่ายรูป1นาที กรอกรายละเอียด2 นาที เจ้าหน้าที่ตรวจแล้วเซ็นแกร๊ก 1 นาที ไม่เกิน5นาทีเราก็ได้ใบผ่านแดนเดินลงเรือล่องโขงในยามเช้าแล้ว ที่ฝั่งลาวมีรถตู้มารอรับ เป็นผู้สันทัดกรณีเส้นทางอธิบายจุดต่างๆอย่างสนุก เช่น ถามว่า ถ้าจะแต่งงานกับสุภาพสตรีลาวจะต้องเสียค่าสินสอดเท่าไหร่ โชเฟอร์บอกไม่แน่นอน อาจจะ3ล้าน-5ล้าน-หรือ-40-100ล้านกีบ เป็นเงินไทยเท่าไหร่เอา200หาร >>ในประเทศลาวหนุ่มไทยขายดีไม่แพ้หนุ่มๆชาติอื่น ถ้าพ่อแม่ชอบพอด้วยก็แล้วแต่จะใส่สินสอดมา แต่ถ้าไม่เข้าตาก็จะเรียกแพงแถมขอทองเพิ่มอีกเป็นกระบุง ราคาขึ้นอยู่กับเงื่อนไขพิเศษหลายประการ ถ้าเป็นพวกนักธุรกิจมาลงทุนในลาว ก็อาจจะขอลูกสาวแถมแม่ยายด้วยก็ยังได้ อิอิ ..

(แม่ค้าผัก กับ แม่ค้าขายเก้งสัตว์ป่า)

จุดแรกเราได้ไปพบกับกิจการของคนลาวหัวก้าวหน้า ครอบครัวนี้มีพี่น้องหลายคน ต่างคนต่างไปทำงานขุดทองในประเทศต่างๆ อเมริกา-แคนนาดา-ออสเตรเลีย-ญึ่ปุ่น บางคนก็รับราชการในกระทรวงต่างๆ ส่วนใหญ่อยู่ในวัยกลางคน มีหน้าที่การงานดี บางคนทำงานในองการนาสาของอเมริกา มีครอบครัวแตกลูกแตกหลานอยู่ทั่วโลก คนลาวรุ่นใหม่เหล่านี้ไม่ลืมบ้านเกิดเมืองนอน หอบเงินดอลล์เงินเยนมาลงทุนทำธุรกิจในลาว ตั้งโรงน้ำแข็ง โรงเลื่อย ปลูกยางพารา กำลังเดินรุดหน้าไปด้วยดี คนเหล่านี้เองที่จะเป็นพลังสร้างชาติลาวให้ก้าวหน้า เป็นผู้ที่นำความเปลี่ยนแปลงมาปรับปรุงในพื้นที่ต่างๆ พวกเขาเหล่านี้มาลงทุนไว้คนละหลายร้อยเฮกตาร์ (ลาวเรียกจำนวนที่ดินเป็นเฮกตาร์ตามยุโรป) คนหนุ่มที่เราไปดูบอกว่าพรุ่งนี้ก็จะบินไปอเมริกาแล้ว ว่างๆก็บินกลับมาดูสวนยาง น่าอิจฉาพิลึก

(ไปชมสวนชาวลาวรุ่นใหม่ที่มาลงทุนปลูกยางพาราทิ้งไว้ที่บ้านเกิด)

เราไปรับประทานมื้อเที่ยงที่รีสอร์ตกลางน้ำ เมนูมีปลาแม่น้ำโขงเป็นส่วนใหญ่ เสน่ห์หม้อข้าวหม้อแกงใช้ได้เชียวแหละ อิ่มแล้วก็ไปชมโรงเลื่อยไม้ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นกิจการของน้องชายเจ้าภาพฝั่งลาว ตื่นตาตื่นใจกับการออกแบบและการทำงานที่ทำให้เราอึ้งกิมกี่ พี่ลาวยกเอาต้นไม้ใหญ่ๆทั้งต้นมาทำเป็นเสาประธาน เสาค้ำด้านข้างก็ใช้ต้นย่อมๆไล่ระดับกันไป ที่ทึ่งมากก็คือเสาเหล่านี้เป็นต้นมันปลาที่เคยปลูกโตช้ามากๆ เป็นบุญตาที่มาเห็นต้นมันปลาจากป่าธรรมชาติใหญ่มโหระทึก แม้แต่เสาไฟฟ้าเขาก็ใช้ไม้ใหญ่ทั้งต้น คนลาวถือว่าไม้มันปลาเป็นของสูงเหมือนกับคนไทยถือว่าไม้พยุงเป็นไม้พิเศษ จะไม่เอามาทำพื้นเป็นอันขาด โครงหลังคาเป็นเหล็กทั้งหมด ทำให้โปร่งโล่งสะดวกต่อการทำงาน คนงานกำลังเลื่อยไม้ที่โต๊ะ2ตัวจากจำนวน12ตัว มีไม้แปรรูปทุกขนาดกองเรียงไว้เป็นระเบียบ ทราบว่าส่วนใหญ่จะส่งมาจำหน่ายในประเทศเรา

(สวนยางพาราในลาวโดยทั่วไปมีสภาพเจริญสมบูรณ์ถูกต้ิองตามวิธีการปลูกสร้างสวนยางที่ดี)

วิธีขออนุญาตตัดไม้ของจุดนี้ ผู้รับอนุญาตจะอาสาพัฒนาถนนหนทางลาดยาง  ช่วยเหลือสิ่งปลูกสร้างต่างๆให้ทางราชการ และก็คงมีรายการตามคำขออื่นๆอีกตามวิธีบริหารจัดการเรื่องค้าๆขายๆแบบอิงระบบ โรงงานนี้กำลังต่อเรือต่อรถชักลากไม้ เข้าใจว่าไม้ส่วนหนึ่งคงจะลากขึ้นจากบริเวณที่กำลังสร้างเขื่อน ส่วนไม้ที่อยู่ตามป่าธรรมชาติทั่วๆไป เห็นร่องรอยการบุกเบิกพื้นที่ป่ามาปลูกพืชไร่ทางการเกษตร ประเทศลาวกำลังเปลี่ยนป่าไม้ธรรมชาติมาเป็นสวนยางพารากันอย่างขะมักเขม้น คนลาวจะพูดถึงสวนยางของตนเองว่ามีกี่ต้น เช่น บางคนบอกว่ามี2,000ต้นหรือ10,000ต้น เราก็งงเพราะต้องมาคิดสูตรคูณเทียบกลับมาเป็นไร่ ถ้าผืนใหญ่ๆเขาก็จะบอกว่ามีกี่เฮกตาร์ เนื่องจากปลูกยางพาราในดินที่เปิดป่าใหม่ ไม่ได้เอาดินเสื่อมโทรมมาปลูกอย่างในแถบอีสาน ยางพาราอายุ4ปีมีขนาดลำต้นโตเท่ากับต้นยางบ้านเราอายุ6ปี ต้นยางของลาวสูงชะลูดใบเขียวเป็นมัน ถึงยางปีนี้ราคาดีกิโลละ120บาท คนลาวก็ใจเย็นไม่รีบร้อนกรีดแบบจำบ่ม ไม่เหมือนข้างสวนผม ต้นยางเท่าแขนก็กรีดแล้ว ความยากจนไม่เข้าใครออกใครจริงๆ

อนึ่ง คนไทยมืออาชีพทางการทำสวนยาง ได้ขยับขยายเอาประสบการที่ดีในประเทศไทยมาใช้ในลาว ระยะการปลูก/การดูแลใส่ปุ๋ย/การจัดการสภาพแวดล้อม ทำได้ดีกว่าที่เห็นๆในบ้านเราเสียอีก ที่นี่เราจะไม่พบแปลงยางที่ปลูกชิดกันมากแบบมักโลภ ตรงตามหลักวิชาการทุกอย่าง เจ้าภาพพาเราไปชมแปลงยางที่เป็นของคนลาวและคนไทยจนเต็มอิ่ม ส่วนมากจะเป็นรายใหญ่ รายย่อยๆปลูกแบบครัวเรือนละ15ไร่อย่างในบ้านเรายังไม่ได้เจอ จึงไม่ทราบว่ามีหรือไม่หรือมีสัดส่วนเท่าไหร่

ผมชอบแวะตลาดพื้นถิ่นที่ชาวบ้านเอาผักผลไม้และของป่าต่างๆมาจำหน่าย แม่ค้าจะบอกราคาเป็นเงินกีบ ว่ากันเป็นหมื่นๆแสนๆกีบ ผมไม่สนใจอัตราแลกเปลี่ยนเงิน เวลาจะจ่ายเป็นเงินไทยต้องหันไปถามเจ้าถิ่น ถ้าไปไทยกันเองล้วนๆมีหวังกระเป๋าฉีก เพราะแม่ค้าจะขายของให้ในอัตรานักท่องเที่ยว ช่วงนี้สินค้าแบกะดินจะเป็นเผือก มันป่า กล้วย ผักป่า หน่อไม้ หัวหน้าทีมเราชอบกินเนื้อเก้ง บอกว่ามันนุ่มอร่อยรสชาติดี เจ้าถิ่นไปกระซิบกระซาบอีท่าไหนไม่รู้ เจ้าประจำบอกว่ามีเนื้อเก่งอยู่เศษ1ส่วน4ของตัว ต้องรองราคากันได้ที่1พันบาท เนื้อยังสดๆแดงๆอยู่เลย แม่ค้าจัดการสับห่อให้ด้วยความชำนาญ แถมยังอารีบอกวิธีหิ้วผ่านด่านให้อีก น้ำใจลาวอร่อยเช่นนี้เองละขอรับ

ไปเจอแม่ค้าขายแตงโม

เธอเป็นคนอารมณ์ดีเรียกร้องให้พวกเราช่วยซื้อ

เธอบอกว่าชอยซื้อ “หมากเยียวหลายแน๊อ้าย”

แปลเป็นไทยว่า>> ช่วยซื้อผลไม้ที่กินแล้วถามหาสุขาอยู่หนไหนหน่อยพี่

แตงโมน้ำเยอะกินเข้าไปก็ไขก๊อกบ่อยนะสิครับ

ไกด์กิตติมศักดิ์เราถามดื้อๆว่า

“อีน่างมีผั๊วแล่วบ่เจ้า”

เธอตอบว่ามีแล้วเป็นผัวมูล

แปลเป็นไทยว่า>> เธอแต่งงานแล้วผู้เฒ่าผู้แก่เห็นดีเห็นงามจัดแต่งให้

เธอถือว่าเป็นเกียรติของลูกผู้หญิง

จับใจความได้ว่าสามีสุดที่รักมีค่าเท่ากับมูลมังในกองมรดก

เฮ้อ! ถ้ามีภรรยาแบบนี้รักตายเลยเชียวแหละ อิ อิ..

เราข้ามฟากมาถึงฝั่งไทย ต้องขับรถวิ่งโร่ไปหาแม่ครัวหัวป่าก์ที่ปากแม่น้ำสงคราม โทรศัพท์ล่วงหน้าให้แม่ขวัญอ่อนต้มเป็ดมะนาวดอง ทอดหัวเป็ดทาบี เตรียมเครื่องผัดเผ็ดไว้รอ คณะแวะซื้อเหล้าต่างประเทศไปด้วย ผมซื้อ”บูคาดี”ของคิวบาไปขวดหนึ่ง เอาไปให้แม่ครัวใส่ผัดเผ็ดเก้งหอมคลุ้งคับบ้าน เนื่องจากเตรียมการดี ไม่ถึง15นาทีเมนูเด็ดก็เรียงล่ายส่ายมาเต็มโต๊ะ เรื่องกินข้าวฝีมือคนที่บ้านของเครือญาตินั้นถือเป็นจุดไฮไลด์ เหมือนที่คณะเราเคยไปล้มทับบ้านตาหวาน ขาดเหลืออะไรก็กุลีกุจอจัดให้จนจุใจ มื้อนี้อร่อยจนแถบคลานขึ้นรถ นอนผ่านไปครึ่งคืนตื่นมายังอิ่มอร่อยอยู่เลย ฝีมือผัดเก้งใส่พริกไทยสดจัดจ้านจริงๆ ต้มเป็ดมะนาวดองก็เหมาะกับอากาศเย็นๆ ซดควันออกหูอร่อยเป็นใช้ได้

วันนี้เราจะข้ามโขงไปลุยดูสวนป่าสวนยางในอีกจุดหนึ่ง

แต่ก่อนไปเรานัดเจอหมอนวดจับเส้นไว้ตอน6โมงเช้า

ผมยังมีอาการเดี้ยงติดพันมานิดหน่อย

บางทีอาจจะปลิดเดี้ยงทิ้งไว้ที่ลาวนี่ก็ได้นะเออ

เอาไว้ผลเป็นประการใดจะเล่าให้ฟังนะครับ

ตอนนี้ขอเกริ่นไว้ชั้นหนึ่งว่าบึ่งไปลาวเที่ยวนี้คักแท้ๆแม่อีหนูเอ๋ย

จะได้เป็นเขยลาวหรือเปล่าเดี๋ยวก็รู้

ผู้สันทัดกรณีถามว่า ต้องการคนสวยระดับไหน?

โห มีเลือกได้ดั่งใจด้วยรึ

สเป๊กเอาสวยพอไปวัดไปวาก็ได้

ข้อสำคัญเราต้องการได้คนที่ทำงานเก่งทำงานเป็นบริหารงานได้

จะเอามาเป็นเพื่อนคู่คิดคู่เคียงไม่ใช่เพื่อนคู่เตียงเฉยๆ

เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้าชู้ประตูดินอะไรหรอกนะครับ

ใครๆที่จะมาค้าขายในประเทศลาว

จำเป็นที่จะต้องแสวงหาผู้อุปการะคุณเป็นคนในพื้นที่

จึงจะติดต่อการงานส่วนราชการของลาวได้สะดวก

ฟังหูไว้หูนะพี่น้อง

เรื่องนี้เสี่ยงต่ออวัยวะทุกส่วน

พลาดท่าเสียทียังไงอาจจะตกม้าตายหรือไม่ก็หูแดง

เรื่องทั้งหมดใช่ว่าจะไม่เจียมบอดี้

แต่>> ต้องการกระตุ้นอาว์เปลี่ยนว่าอย่ารักแต่แมว

หนาวนี้หาคู่ให้ดูสักคนเถอะน่า

เรื่องแก้ผ้า -เอาหน้ารอด -จึงจบลงด้วยประการละ ฉะนี้ อิ อิ..

« « Prev : เสือนอนกลุ้ม!

Next : ออนซอนนครพนม » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

7 ความคิดเห็น

  • #1 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2010 เวลา 8:45

    มีหนังสอประวัติศาสตร์ลาวฉบับหนึ่ง ใหญ่เหมือนดิกชันนารีสามเล่มมาติดกัน ราคา 1 ล้าน(กีบ) เป็นไทยประมาณ 4-5 พันบาท เล่มเดียวนะครับ อยากได้ เห็นราคาแล้วต้องหดมือ นี่หากอาว์เปลี่ยนเห็น อาจกัดฟันแบกกลับเมืองไทยก็ได้

  • #2 silt ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2010 เวลา 11:27

    สอยมาแล้วครับ….
    หนังสือนะครับพี่บูธ
    ส่วนเมียยังไม่ได้สอยครับพ่อ…อิ อิ
    หาคู่ให้แมวไปก่อนครับ

    ช่วงนี้เฉลิมฉลองเวียงจันทน์ ๔๕๐ปีครับ คนสยามต้องอยู่แบบหลบๆหน่อยเพราะประวัติศาสตร์ของเวียงจันทน์มีแต่กล่าวถึงกองทัพสยามมาบุก

  • #3 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2010 เวลา 12:44

    ผมว่าคนไทยเข้าใจคำว่าประเทศราชแปลกๆ นะครับ

    อาณาจักรล้านช้างหลวงพระบาง อาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ และอาณาจักรล้านช้างจำปาศักดิ์ ต่างเป็นประเทศราช ไม่ขึ้นต่อกันและกัน อยู่ภายใต้การปกป้องทางทหารของสยาม แต่มี “กษัตริย์” เป็นของตัวเอง — ไม่ใช่มี ผวจ.ขึ้นตรงต่อ มท. ไม่ใช่ส่วนกลางแต่งตั้งเจ้าเมืองไปครองเมืองหรือข้าหลวงมณฑลไปบัญชาการมณฑล

    คนลาวก็เข้าใจประวัติศาสตร์ลาวแบบที่ฝรั่งเศสอยากให้เข้าใจครับ ส่วนตรงที่เจ้าอาณานิคมไม่อยากให้เข้าใจ อาจหายไปเฉยๆ

    ผมยืนยันความถูกต้องไม่ได้เนื่องจากอายุไม่มากพอนะครับ

    อาณาเขตพื้นที่หมายถึงทรัพยากรและความอยู่รอด การแย่งชิงจึงเป็นเรื่องธรรมดาครับ

  • #4 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2010 เวลา 13:10

    จ๊ากสสส์ อาว์เปลี่ยน ฮั่นแน่คิดแล้วเชียว
    ยังมีอีกหลายเล่มอยากได้จริงๆ แต่ราคาสู้ไม่ไหว
    แหมหากมีห้องสมุดไทยไปกว้านซื้อมาเข้าห้องสมุดแล้วเปิดมุมลาว จะเยี่ยมเลนนะครับ

  • #5 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 พฤศจิกายน 2010 เวลา 9:37

    อยากเสนอลุงเปลี่ยน เอาเรื่องที่เขียนในหนังสือ “50 ปี พยาบาล มช. สานต่ออานาคตที่สดใส” ไปอวดสาวๆ ..สาวใดที่ได้อ่านแล้วอยากรู้จักลุงเปลี่ยนกันทั้งน้าน…อิอิ

    (จะส่งหนังสือเล่มนี้ไปให้ครูบานะคะ….เผื่ออ่านแล้วจะติดใจคนเขียนในเล่มก็ได้…อิอิ….แอบขี้คุยเล็กๆว่า เป็นเล่มที่พอใจฝีมือการทำและเรื่องทุกเรื่องที่เลือกมาลงค่ะ…อิอิ)

  • #6 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 พฤศจิกายน 2010 เวลา 11:09

    จะรออ่าน คะร๊าบบบบบ และขอบคุณ ล่วงหน้า

  • #7 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2010 เวลา 11:05

    ส่งไปแล้วค่ะ พนักงานบอกว่าจะถึงสตึกประมาณวันจันทร์…แบบ EMS เมืองไทย…อิอิ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.057192087173462 sec
Sidebar: 0.046663999557495 sec