น้ำมาปลากินมด
อ่าน: 2847
(น้ำมาถึงสตึกแล้วครับ กำลังท่วมสูงขึ้นๆๆ นาข้าวจมหาย)
น้ำมาปลากินมด น้ำลดมดกินปลา เป็นการอธิบายถึงสัจธรรมที่สะท้อนให้เห็นการตีความคำว่ายุติธรรม ในมิติของความธรรมดาที่เป็นไปตามธรรมชาติ ที่ไม่ใช่การเอาคืน หรือทีเอ็งไม่ว่า ทีข้าเอ็งอย่าโวย! ปลาที่เถือกแถไปไม่ถึงน้ำ ถึงมดไม่กินก็แห้งแหงแก๋หรือเน่าเหม็นหึ่ง แต่ช่วงที่น้ำมามดไม่มีพื้นที่เกาะอาศัย ลอยเท้งเต่งไปเจอปลา ปลาก็เจี๊ยะ มันเป็นธรรมดาเช่นนี้เอง
น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย
(น้ำมาปลาติดข่าย ส่วนมดว่ายไปกัดคนหาปลา)
ผมน่าจะอยู่ในประเภทปลาน้ำร้อนเป็นกระมัง แต่ไม่ใช่น้ำเดือดปุดๆนะครับ อย่างนั้นเขาเรียกปลาต้มยำ ผมมีเรื่องร้อนๆมารบกวนญาติโกแซ่เฮอยู่เรื่อยๆ ไม่ทราบว่าจำได้หรือเปล่านะครับ เรื่องที่ผมเกริ่นไว้เกี่ยวกับสถาบันรามจิตติ ร้องขอให้ผมค้นหาคนไทยที่มีบทบาทอยู่เบื้องหลัง ทำงานอีแอบเพื่อสังคม อยากให้สังคมปกติสุข เอื้ออาทร รักกัน ช่วยเหลือกัน เข้าทำนองทำอะไรให้สังคมแต่ไม่อยากโม้ไม่อยากโชว์ ผมเห็นว่าพลังเงียบเหล่านี้ก็ดีหรอก แต่ถ้าได้งัดพลังเงียบให้หงายขึ้น บางทีอาจจะเป็นยาหม่อง-ยาดม-ยาแดง-ยาทิงเจอร์ไอโอดีน-ยาปฏิชีวนะฯลฯ บริบาลวิกฤติการณ์บ้านเมืองได้ตามฐานะ ความคิดความรู้ความสามารถตามสไตล์ที่เจ้าตัวเลือก อาจจะมีคำถามตามมาว่า จะคิดและทำอะไรต่อยอดได้อีก โจทย์เหล่านี้โป๊ะแช๊ะกับบริบทของชาวเฮฮาศาสตร์ไม่มากก็น้อย
อาจารย์อมรวิชช์ นาครทรรพ บอกว่า อยากจะระดมพลังเงียบให้มาช่วยกันหิ้วปีกสังคม ที่กำลังสับสนอลเวงเรื่องสมานฉันท์ ฝันเฟื่องเรื่องมิตรไมตรีแต่ลีลาดุดัน ทำอย่างไรจะค่อยๆดึงใยแมงมุมที่ขึงขวางอยู่ในจิตใจ จะมีวิธีไหน มีมิติหรือสไตล์ใหม่ๆอะไร แม้จะเท่าเป็นรูเข็ม แม้จะเป็นช่องแสงเล็กๆ ก็ยังดีกว่าที่จะตกอยู่ในความมืดมน อาจารย์อมรวิชช์ เล่าคร่าวๆว่า
- จะเรียนเชิญมาขึ้นเวทีเจ๊าะแจ๊ะให้เห็นตัวเป็นๆ
- จะรวบรวมผลงานในรูปสื่อต่างๆ
- จะๆๆฯลฯ
อาจารย์โทรมานานแล้ว ผมติดนั่นติดนี่ยังไม่ได้รวบรวมการบ้านส่ง เมื่อวานโดนทวงการบ้าน ยังดีที่บุญมาวาสนาส่ง จึงขอส่งหนังสือ เจ้าเป็นไผ หนังสือเรียนนอกฤดู หนังสือเรื่องที่อยากป่วน หนังสือคนนี้ไง จารย์ปู ครูพันธุ์ก๊ากก! ไปต๊ะไว้ก่อน แล้วให้อาจารย์ติดตามค้นอ่านในลานปัญญา
สรุปว่าผมขออนุญาต เสนอญาติ แซ่เฮไปทั้งโขยง ท่านใดเหมาะกับเนื้อหาสาระใด ท่านผู้อำนวยการรามจิตติจะเรียนเชิญไปถึงเจ้าตัว หรือถ้าสถาบันรามจิตติอยากเห็นหน้าค่าตาชาวเฮ ก็รับเป็นเจ้าภาพจัดเสวนาเฮฮาศาสตร์ที่กทม. ก็ย่อมได้ ผมจะลองเสนอทำนองนี้นะขอรับ
นอกจากกลุ่มแซ่เฮแล้ว ผมยังพิจารณาจอมยุทธในระดับพื้นที่ เช่น ผู้นำผู้รู้ในชุมชนที่เป็นนักปฏิบัติ มีภูมิรู้เชิงรุก ทำการวิจัยไทบ้าน ยกตัวอย่าง เช่น บริบทของพ่อใหญ่แม่ใหญ่ที่ท่านบางทราย อาว์เปลี่ยน นำมาเล่าให้เราฟังเป็นระยะๆ ผมคิดว่า ถ้าเอาชาวเรา+ผู้นำชาวบ้าน ไม่สุดโต่งแยกเป็นผู้รู้ผู้นำขั้นนั้นขั้นนี้ มันก็จะไม่ดาดๆหง๋อยๆเหมือนที่ใครๆเขาทำกัน เช่น คัดจากผู้นำที่ท่านบางทรายจะส่งมา มีชื่อ-ป้าดาว-อาจารย์ขวัญดินแห่งราชธานีอโศก-ลุงโชฎึก แห่งกาฬสินธิุ์-ออต-แผ่นดิน-โสธร ร่วมด้วย จะพิจารณาเอาตรงจุดเรียนตลอดชีวิต จิตอาสา อย่างที่แป๊ดว่า..สำคัญที่ใจ น่าจะดีไหมครับ?
ถ้าเห็นด้วย ยกมือขึ้น!
Next : วันที่คนทุ่งกุลาจ้าละหวั่น » »
2 ความคิดเห็น
เรียนพ่อครูบาครับ
ผมนั้นสนับสนุนการจัดา่ระแบบนี้ครับ สำหรับรายชื่อที่ผมปรึกษาหารือและติดต่อกันมาดังนี้
ที่สกลนคร เป็นสตรี 1. ชื่อแม่พิมพ์ โถตันคำ ด้านเกษตรผสมผสาน
2. พ่อเนาว์
ส่วนที่ดงหลวงนั้น มีชาวบ้านที่ทำจนสำเร็จหลายคน แต่โซ่ออกเวทีไม่ได้ ตายหยังเขียด อันนี้ผมเองปรึกษากับเพื่อนหลายๆคนก็เห็นตรงกัน ว่า ไม่ว่าพ่ออะไรต่อพ่ออะไรนั้น ทำเก่ง แต่พูดตกม้าตายหมด ครับ ต้องซักทีละคำถาม ทีละคำถาม
3. ส่วนป้าดาวจากลำพูนนั้น สุดยอดครับ เธอกำลังเรียนปริญญาโทที่ แม่โจ้ ลูกศิษย์ผมคนนี้ เต็มที่ไปเลย กว้างในวิสัยทัศน์ ทำเองมากับมือ และประสบผลสำเร็จ
ทั้งแม่พิมพ์และ พ่อเนาว์ เขาสังกัด เครือข่ายอินแปง ผมต้องติดต่อผ่านผู้ประสานงานเขา ซึ่งยังติดต่อไม่ได้ แต่ซักถามเพื่อนร่วมงานแล้วก็ว่า โอเค แต่แน่ๆให้คุยกับผู้ประสานงานอีกทีครับ
ที่ขอนแก่นกับที่มหาสารคามนั้นก็มีหลายคน กำลังติดต่อครับ
ขอบคุณมากครับ ขอที่อยู่ เบอร์โทรด้วยนะครับ ส่งเมล์ให้ผมก็ได้