ด้วยปัญญาและรอยยิ้ม
อ่าน: 1352
พรุ่งนี้มีนัดตั้งแต่ไก่โห่ ดร.ศักดิ์พงษ์ หอมหวล จะมารับไปมหาสารคามตอนตี5 เพื่อไปพบปะกับนักศึกษาป.เอกและคณาอาจารย์บ้างส่วน ในหัวข้อ “การจัดการความรู้ในท้องถิ่น” ทราบว่ามีเวลาให้ทั้งวัน วิทยากรควรให้เกียรติผู้เชิญ ด้วยการเตรียมการบ้าน เพื่อเคารพผู้ที่เราจะไปพบปะ เวลาของมนุษย์นั้นมีค่านัก ถ้าคนไม่เห็นคุณค่าในเรื่องนี้ก็จะทำเล่นๆคิดเล่นๆพอให้ผ่านไปแบบไม่รับผิดชอบ คนนะครับไม่ใช่ควาย
ผมมีประเด็นในใจไว้บ้างแล้ว
ช่วงนี้อ่านหนังสืออุปลมณีอย่างสนุก
จะสนุกเฉยๆก็ใช่ที่
จับเอาวรรคทองทั้งหลาย
มาเก็บไว้ในรูปของPower Point
เพื่อไปบอกเล่าวิธีการจัดการความรู้ในท้องถิ่น
อีกทั้งจะเก็บเอาไว้เป็นมะพร้าวห้าวไปขายในสวนอื่นๆอีก
เรื่องหลวงปู่ชา ไปอ่านดูให้ดีเถอะ เป็นรากเหง้าของการจัดการความรู้ในท้องถิ่นระดับปรมาจารย์ชั้นสูง ท่านเอาตัวเองเป็นปัจจัยในการเรียนรู้ พิสูจน์ทราบด้วยความเหนื่อยากลำบาก เค้นหัวกะทิจนแตกมัน ..เนื้อหาคับคั่งทั้งเล่ม เปิดไปตรงไหนก็ล้วนแต่โดนใจ เรื่องจริงไม่ได้โม้ ยกตัวอย่าง เช่น
เรื่องละทิฎฐิมานะ
อย่าไปถือตนถือเขาถือเรา ถือชาติตระกูลกันอะไรไม่ได้ มันไม่เป็นศีลเป็นธรรม อย่าไปเอาเรื่องเอาราวอะไรกันมากนัก อย่าไปคิดเอาผิดเอาถูกอย่างนั้นอย่างนี้ การพูดว่ากันมันเป็นเรื่องธรรมดา คนเราเวลาผิดก็เป็นเรื่องของความผิด ก็ทิ้งมันไป อย่าไปยึดผิดยึดถูก ถ้าเราไปยึดมันก็ไม่ถูกธรรมวินัย ถ้าถูกมันไม่เป็นอย่างนั้นหรอก แต่นี่มันเป็นทั้งธรรมทั้งวินัยนั่นแหละ
ถ้าถูกวินัยมันก็ถูกธรรม
ธรรมกับวินัยท่านไม่แยก
ก็เหมือนอย่างที่ท่านสอนให้รักษาศีลธรรมนั่นแหละ
ไม่ถูกศีลมันจะเป็นธรรมได้ยังไง
เรื่องทุกข์
“ทุกข์เกิดขึ้นแล้ว ไม่อยากให้มันทุกข์ มันก็ไม่เห็นทุกข์ มันก็ไม่รู้จักทุกข์ มันก็เอาทุกข์ออกไม่ได้ ความจริงนี่แหละที่ทำให้เราฉลาดขึ้น ทำให้เกิดปัญญา ทำให้เรารู้จักพิจารณาทุกข์ คนเป็นทุกข์ควรพิจารณาทุกข์ ม่ใช่ว่าหนี ไม่อยากทุกข์ ทุกข์เป็นเครื่องชี้ให้เห็นว่า ตรงนี้ไม่ถูก ตรงนี้ไม่สบาย
สมุทัย
หลวงพ่อเห็นว่า ถ้าไม่ทวนกระแสของตัณหา นักปฏิบัติจะไม่เห็นโทษของมัน จึงกลับหลงมั่นยึดมั่นว่าเป็นตัวตนของตน “เมื่อทุกข์เกิดขึ้นมาก็รู้จักว่ามันทุกข์ ทุกข์นี่มันเกิดขึ้นมาจากอะไร” ถ้าเราเห็นตามธรรมดามันก็ไม่ทุกข์ เช่นว่าเราอยู่อย่างนี้ เราก็สบาย อีกวาระหนึ่งเราอยากได้กระโถนใบนี้ เรายกมันขึ้นมา ต่างแล้ว ต่างกว่าก่อนที่ยังไม่ยกกระโถน มีความรู้สึกว่ามันหนักเพิ่มขึ้น มันมีเหตุ หนักมันจะเกิดเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะเราไปยกมัน ถ้าเราไม่ไปยกมัน มันก็ไม่มีอะไร ถ้าไม่ยกมันก็เบา อะไรเป็นเหตุผล ดูเท่านี้ก็รู้แล้ว ไม่ต้องไปเรียนที่ไหน ถ้าเราไป ยึด อะไร อันนั่นแหละเป็นเหตุให้เกิดทุกข์ ถ้าเราปล่อยมันก็ไม่มีทุกข์
ระหว่างนั่งเขียนบันทึกนี้
เจ้าโต๊ก>> นกยูงตัวผู้เดินมาขอข้าวกิน
แหม ได้จังหวะดีเหมือนกัน
อย่างกับมันจะมาเตือนให้ลุกจากเก้าอี้เสียบ้าง
ไปให้อาหารนกก็ดีนะ ง่ายๆ
แต่ให้อาหารคนนี่ยาก ถึงยากที่สุด
คณะพยาบาลศาสตร์อุบลฯ ขอให้ส่งหนังสือที่ค้างไปให้ อาจารย์อยากจะแจกให้นักศึกษาเอากลับไปอ่านที่บ้านระหว่างเปิดเทอมในวันที่ 8 บังเอิญทางกรุงเทพฯฝากรถทัวร์มาให้เมื่อวานนี้ คืนนี้ก็จะจัดการจัดส่งต่อไปให้ทางรถทัวร์ที่อุบลฯ อาจารย์ยังเล่ามาว่า อ่านหนังสือครูปู แล้วน้ำตาแทบไหล ผมก็บอกไปว่า ช่วงที่คณะพยาบาลมาสวนป่า ครูปูอาจจะมาซ่าส์ด้วย ผลเป็นประการใดยกให้ครูปูรับผิดชอบก็แล้วกันนะขอรับ อิอิ
« « Prev : อุปลมณี
Next : หนำเลียบ ไม่ใช่หนำใจ » »
3 ความคิดเห็น
ทุกข์วางเพราะปล่อยเน๊าะพ่อ
สุขมาก ทุกข์บ้างเป็นเรื่องธรรมดา ใครเห็นทางก่อนก็สบายค่ะ
…..
เสียดาย 23-25 ตค ไม่ได้ไปสวนป่า
แต่ก็มีแผนหนาวนี้ค่ะ
จะส่งข่าวค่ะ
อิอิอิ
แต่ๆๆ เดือนพฤศจิกายน
มีนักศึกษาแพทย์อุบล จะมาเข้าค่าย 3-4 วัน
โปรดเตรียมเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าแต่เนิ่นๆ
ตามอ่านตารางพ่ออยู่
ที่แน่ ๆ ได้โอกาสเมื่อไร
ไปทันที
จะไปในทันใด จะตรงไปจะใกล้ไกล ถเหากเป็นเธอจะรีบไป ให้เธอสบายใจ
อิอิอิ
อยากกอดพ่อวุ๊ยส์ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ