: เงินดินดิ้นสู้กับเงินดาวน์ (2)
อ่าน: 1283ชนบทชนหน้าชนหลัง
นะจังงังอยู่กับการพัฒนา..
ทำมากทุกข์มากลำบากหนักหนา
หนี้สินพัวพันผูกเรื่อยมา
ไปถามพ่อค้าราคาก็ร่วงรูด
ทีวีก็ดีแต่พูด ๆๆ ชวนให้กินไก่ขี้โรค
บ้างก็ชวนให้เสี่ยงโชคกับหวยเอื้ออาทร
ข้านอนไม่หลับ
บังคับให้ตัวเองฝัน
แต่คืนนี้กลับฝันร้าย
ฝันว่าควายร้องไห้ไม่อยากไปโรงงานลูกชิ้น
ทุยเอ๋ย
เจ้ากับข้าชะตาเดียวกัน
เจ้าเข้าโรงงาน
ข้าก็เข้าโรงงาน
เจ้าเป็นลูกชิ้น
แล้วข้าล่ะจะเป็นลูกอะไร ?
อนิจจัง ทุกข์ขัง ขังทุกข์ไว้มันก็ดิ้นกระแด่วนะสิ..
ชุมชนคนรากหญ้า ชักหน้าไม่ถึงหลัง พลิกคว่ำพลิกหงาย..สาละวันเตี้ยลง ๆ เรื่องรวยกระจุกจนกระจายมองได้หลายแง่มุม ภาคธุรกิจการเกษตรของเราไปได้ดีมีชื่อเสียงระดับสากล อาหารไทย-ครัวไทยเป็นที่รู้จัก ไม่เฉพาะต้มยำกุ้งหรอกนะ ส้มตำอีสาน-ไส้อั่ว-ข้าวซอย-ฝรั่งก็เริ่มรู้จัก แต่ชาวไร่ชาวนาบางครัวเรือนกินข้าวคลุกน้ำตา ยังสงสัยและแก้ไขไม่ได้ว่า ทำไมสิ่งที่ตนเองลงหยาดเหงื่อแรงกายทำลงไป ได้ผลผลิตมาถึงไม่เหลืออะไรไว้เลย เรื่องนี้สรุปหยาบ ๆ ได้ว่า เกษตรกรไม่ได้ทำไร่ทำนาให้ตัวเอง แต่ไปทำให้คนอื่น คนอื่นในที่นีคือ ค่าน้ำมัน ค่าปุ๋ย ค่ายาฆ่าแมลง ค่าสารเคมี ค่าดอกเบี้ย ค่ารถนวด รถเกี่ยวข้าว ค่าบรรทุก ค่าเหล้า ค่าหวย ค่าโทรศัพท์ ค่าไฟฟ้า จิปาถะ สาเหตุที่เกษตรรากหญ้าประสบเคราะห์กรรม
เพราะขาดความเฉลียว ไม่เหลียวดูตาม้าตาเรือ
ไม่สามารถปรับตัวอยู่ในยุคที่ต้องใช้เงินซื้อทุกสิ่งทุกอย่าง
เงินดินไม่พอจ่ายเงินดาวน์และเงินงวดต่อๆไป
เมืองไทยนั้นอุดมสมบูรณ์นัก ทรัพย์ในดินสินในน้ำ เป็นแผ่นดินทองที่มั่งคั่งด้วยทรัพยากรที่เหมาะต่อการเกษตร แทนที่เราจะรู้รักสามัคคีสิ่งที่เทวดารักษาทุกอย่างไว้ให้ เรากลับทำการเกษตรแบบชะลอหลังยาว ทำลายต้นทุนธรรมชาติ สร้างและสะสมปัญหา เหมือนดินพอกหางหมู ไม่ใส่ใจเรียนรู้เรื่องที่ถูกต้องและเหมาะสม รูปแบบการทำมาหากิน มีแต่กินเนื้อตัวเอง แบบแผนการส่งเสริมและพัฒนาภาคการเกษตรรายย่อยยังไม่สมบูรณ์
จะให้รากหญ้าเดินตามก้นภาคอุตสาหกรรมการเกษตรทั้งยวง เข็นขืนไปไม่ได้ทั้งหมดหรอกนะต๋อย มันมีขั้นมีตอนต้องค่อย ๆ ไต่ระดับ ไม่ใช่เร่งรัดจนเกิดการปีนเกลียว คิดไม่ได้ว่าควรจะสร้างระบบรองรับเกษตรรากฝอยอย่างไร ?
ถ้าจะพัฒนาเงินต้องควบคู่กับความรู้
จากที่เคยมีผักสวนครัวให้เก็บมาลงหม้อแกง
จากที่เคยเลี้ยงเป็ด-ไก่ ทุกอย่างค่อย ๆ ลดลง ๆ
จากที่พึ่งตนเองก็ต้องพึ่งพาภายนอกมากขึ้น
ไม่ทำอย่างนี้ได้ไหม ไม่ได้หรอก ในเมื่อระบบสังคมมันครอบจนดินกระแด่ว ทั้งนี้เกิดจากไม่มีแบบแผนตั้งรับกระแสสังคม ยุทธศาสตรหมู่บ้าน-ชุมชนฉบับรากฝอยอยู่ที่ไหนครับ ก่อนหน้านี้ในหมู่บ้านจะมีปัจจัยให้อาศัยพอกินอิ่มนอนอุ่นพร้อมมูล แต่วันนี้ไม่เหลือต้นทุนอะไรเลย น้ำหมอกน้ำค้างหายไป นกหนูปูปลาหายไป ทำนาปีมีแต่หนี้กับซัง ทำนาปรังมีแต่ซังกับหนี้ ความเป็นอยู่แบบรากหญ้าสิ้นมนต์ขลังแล้วหรือไร เป็นรากหญ้าแต่อยากจะปีนคอนโด อยากจะอยู่แบบสังคมเมือง กอไผ่ ต้นไม้ ไม้ป่า มันดูเกะกะตาพากันโค่นทิ้งหมดหมู่บ้าน ช่วยกันเนรมิตเลียนแบบบ้านจัดสรรอย่างเอาเป็นเอาตาย ทุกเช้าต้องขี่มอเตอร์ไซออกจากหมู่บ้านไปทำงานในเมือง บ้างก็ชวนกันเตลิดไปเมืองหลวงทะลวงไปต่างประเทศ มันเกิดอาเพทอะไรจนอยู่ในหมู่บ้านไม่ได้ ชนบทมันเสียหายตรงไหน ถึงลุกลี้ลุกลนเหมือนคนหนีสึนามิ
บนถนนไร้ฝุ่น มีแต่คนเตะฝุ่น
รากฝอยโดนวางยามาตั้งแต่สมัยผู้ใหญ่ลีโน่นแล้ว คนชนบทเป็นหนูลองยา ลองไปลองมาได้ยาขนานหนึ่งชื่อว่า ”ม็อบ” เอะอะก็จัดม็อบชนม็อบ โรคม็อบกำลังทำลายรากฝอยให้อ่อนแอยิ่งขึ้น แทนที่จะคิดพึ่งพาตนเองให้มากก็คิดแต่จะพึ่งพิงคนอื่น คนอื่นที่ว่านี้ก็ล้วนเป็นพวกมือถือสากปากถือศีลหรือเปล่าไม่รู้นะ ไส้จะเป็นน้ำเหลืองอยู่แล้วมันก็ต้องดิ้นตายล่ะวะ เมื่อคนระดับรากหญ้าจ่อมจมอยู่กับความสิ้นหวัง ความอลเวงย่อมจะเกิดขึ้นในชาติ ใครชวนไปไหนไปด้วย..ดีกว่าอยู่เฉย ๆ จะให้แสดงบทอะไรบอกมา ลีลารักชาติจนน้ำลายไหลก็ทำได้ โห่ฮากี่จังหวะก็ทำได้
จ่ายครบ ฮาแน่!
โทษใครไม่ได้หรอกครับ ในเมื่อคนระดับรากหญ้าถูกครอบงำมานาน ความเป็นธรรมในสังคมถูกบิดพลิ้ว ทำเลเลี้ยงสัตว์ถูกบุกรุกยึดครอง อาหารสัตว์-พันธุ์สัตว์ อุปกรณ์การเลี้ยงต้องสั่งซื้อเข้ามา ทุกเงื่อนไขถูกมัดมือชก อาหารการกินในชุมชนต้องสั่งซื้อแทบทุกอย่าง ผัก/กับข้าว/อาหารสำเร็จรูป อาหารซองจำพวกมาม่า เข้าถึงทุกหมู่บ้านด้วยรถพุ่มพวง
ปล่อยคนแก่อยู่กับหมาผอมโซ จนไม่มีแรงจะโงหัวขึ้นมาเห่า
เราจะพูดคำว่าพึ่งตนเองได้อย่างไร ไข่ไก่ยังต้องซื้อหมู่บ้านละนับล้านบาท/ปี มูลเหตุที่ต้องซื้อทุกอย่างที่ขวางหน้านี่ละครับ ที่ทำให้ชาวบ้านทิ้งถิ่น เปลี่ยนจากเกษตรกรไปเป็นกรรมกร เมื่อไม่เรียนรู้และพัฒนาให้เท่าทันกับความเปลี่ยนแปลงทางสังคม ทำให้รากหญ้าหน้ามืดหันรีหันขวาง ชนหน้าชนหลัง แทนที่จะปลูกกิน ก็ไปซื้อกิน แทนจะที่จะปลูกพริก ก็ไปหาเงินมาซื้อพริกมะเขือ แทนที่จะทำงานของตัวเอง ก็ไปรับจ้างคนอื่น แทนที่จะอยู่ท้องไร่ท้องนา ก็ไปเฮโลสาระพาไปอยู่กลางถนนราชประสงค์ มันผิดที่ผิดทางผิดฝาผิดตัวไปหมดแล้ว มีกฎหมายบังคับให้ใส่หมวกกันน็อคด้วยนะ
ไม่ทราบว่าจะป้องกันมันสมองโง่ๆไว้ทำไม?
เมื่อไม่มีความรู้เพียงพอที่จะอยู่ในท้องถิ่น จึงพากันทิ้งถิ่น ทำอยู่ทำลายทุกสิ่งจนไม่เหลือหรออะไรแล้วสุดท้ายก็หน้ามืด ความเชื่อมั่นชำรุด วาสนาอักเสบ สาเหตุมาจากรากฐานทางเศรษฐกิจ-การเมือง-สังคม-การศึกษาคลอนแคลนเหมือนไม้หลักปักขี้เลน สถานศึกษาสอนแต่วิชาทิ้งถิ่น เรียนจบมาแล้วอยู่ในท้องถิ่นไม่ได้ นักการศึกษาไม่เห็นความสำคัญของบริบทไทยอย่างแท้จริง ไปไขว้คว้าเอาความรู้ตะวันตกมาทั้งดุ้น ใจคอจะให้คนไทยกินทุเรียนทั้งเปลือก
ไม่สอดรับ ชอบสอดไส้ สุดท้ายก็สอบตกวิชาชีวิตกับสังคม
ถ้าดูเรื่องเฉพาะหน้าก็เหมือนคนใจดำ ที่ภาคอุตสาหกรรมหรือภาคธุรกิจรุ่งเรืองขึ้นมาได้ ก็เพราะเอาภาคการเกษตรมาอุดหนุนแทบสิ้นเนื้อประดาตัวไม่ใช่หรือ ทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ แม่น้ำ ภูเขา ความอุดสมบูรณ์ของดิน แรงงานภาคเกษตรฯลฯ ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้ภาคธุรกิจอุตสาหกรรม แต่พอลืมตาอ้าปากได้ แทนที่จะสำนึกบุญคุณ ก็ยังเอาเปรียบภาคการเกษตร ด้วยการคุมกำเนิดความเจริญของรากหญ้าสารพัดวิธี การที่ไม่ดูดำดูดีของคนในสังคม คนรากหญ้าจึงถูกลอยแพ เมื่อเรียนผูกอย่าลืมเรียนแก้ก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าหล่อไม่เตือน
มีการสังเคราะห์ความรู้ที่เป็นแก่นสารของตนเองแค่ไหนวิธีชุบมือเปิบความรู้จากต่างแดนก็ดี แต่มีผลกระทบตามมา ประเทศเราต้องนำเข้าความรู้-เงินทุน-เทคโนโลยีอย่างไม่มีเงื่อนไข โดนชาติตะวันตกโขกสับตามอำเภอใจ มีโครงการไหนบ้าง ที่ไทยแลนด์ต้องจ่ายค่าโง่อย่างหวานอมขมกลืน แต่ละวันนั่งบื้อกันตามสี่แยกรอไฟเขียวไฟแดงบงการชีวิต จะต้องรีดทรัพยาการกี่มากน้อย เพื่อไปแลกโทรศัพท์3จี 4จี 5จี
ได้มาแล้วโทรคุยกันก็ต้องเสียเงินอีก
ปุ่มสวิทซ์ในบ้านเตะเมื่อไหร่จ่ายเมื่อนั้น
มีแต่รายจ่าย ไม่รู้รายรับอยู่ตรงไหน
จะเอาเงินดินสู้กับเงินดาวน์ได้อย่างไร ?
สุดท้าย..ขายควายเข้าโรงงานลูกชิ้น
แล้วเจ้าของควายก็ตามควายเข้าโรงงาน
ควายเป็นลูกชิ้น เจ้าของควายจะลูกเป็นอะไร?
Next : สวรรค์ริมฝั่งแม่มูล » »
1 ความคิดเห็น
ควายเป็นลูกชิ้น เจ้าของควายจะลูกเจี๊ยบ….อิอิ
ต้องมาร่วมกันเป็นสมาชิก “พรรคสังคมนิยมชนบท” ของพ่อคำเดื่อง กัน และช่วยกันผลักดัน โครงการ “กล้วยกู้ชาติ” ด้วย”เกษตรอินทรีย์และเกษตรประณีต” กันครับพ่อครูบาฯ