บริบทของรากหญ้า
อ่าน: 2642
ผู้ที่อยู่ในสังกัดชุมชนคนรากหญ้า จะโดนพาดพิงฉิวไปเฉี่ยวมาในหลายกรณีหลายวาระ เป็นเสมือนกระโถนท้องพระโรง ใครมีอะไรเอะอะก็จะเอาขยะมาโยนทิ้งไว้ บางครั้งก็ถูกดึงไปร่วมก่อการในกระบวนการต่าง ๆ ถูกมองว่าเป็นพวกดินพอกหางหมู เป็นตัวถ่วงความเจริญ และเป็นพวกที่ต้องถูกพัฒนา เป็นหนูลองยาขนานแล้วขนาดเล่า
พวกกระผมนั้นเปรียบเสมือนยอดหญ้า
ผู้ว่าเปรียบเสมือนส้นตีน
ถ้าส้นตีนเหยียบยอดหญ้า
หญ้าก็แหลกราญไม่มีชิ้นดี
ตามธรรมเนียมของชาวแซ่เฮจะถามกันว่า “เจ้าเป็นไผ” ตัวข้าพเจ้าเอง..มีนามกรว่านายสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ เป็นหน่อเนื้อเชื้อไขของเกษตรกร อยู่กับวงจรชนบทมาแต่อ้อนแต่ออก ทำมาหากินอยู่กับต้นใบหญ้า ด้วยลีลาท่าทีเกษตรกรรมทุกเมื่อเชื่อวัน ได้รู้ ได้เห็น ได้สะอื้น เคยได้รับรางวัลพระราชทานเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาปลูกสร้างสวนป่า จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ปี 2523 ถือว่าเป็นมงคลสูงสุดของชีวิต จึงอุทิศเวลาก้มหน้าก้มตาปลูกป่าทีละต้น ทีละต้น
ต้นไม้ต้นเดียวเป็นป่าไม่ได้หรอก อยากได้ป่าคืนมาต้องปลูก-ปลูก-และปลูก การบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ ต้องปลูกมากกว่าตัด ตัด 1 ต้น ปลูก 100 ต้น ถ้าไม่สมดุลเราก็จะเหลือแต่ตอไม้กับผืนดินโล่งโจ่ง ทำให้เกิดวิกฤติไม่น้ำท่วมก็แห้งแล้ง บ่นกระปอดกะแปดเคี่ยวเข็ญเทวดา บ้างก็แห่นางแมว ทั้ง ๆ ที่แมวมันไม่รู้อะไรด้วย ทะลึ่งตัดต้นไม้ แต่ไปลงที่แมว พวกพฤติกรรมแมว ๆ เมื่อไหร่จะเลิกเสียที
ปลูกต้นไม้เป็นกิจที่หนึ่ง เที่ยวไปจุ้นที่โน่นที่นี่เป็นกิจที่สอง
ผมเห็นว่าโลกนี้มันยุ่งนัก เราเองก็ไม่สามารถที่จะไปเจ้ากี้เจ้าการอะไรได้ จึงฟื้นฟูพื้นที่พำนักให้พอประทะประทังชีวิตสงบๆง่ายๆ โดยยึดหลักว่า คนเราอยู่ที่ตรงไหนก็ควรสร้างความเจริญให้กับพื้นที่ตรงนั้น ได้เริ่มปลูกต้นไม้ สร้างป่าขึ้นมาอยู่กับนกหนูไก่กา เลี้ยงหมูเหมยซาน เลี้ยงวัว ไก่ต๊อก ไก่แจ้ ไก่งวง เป็ด ห่าน และนกกระจอกเทศ มีนกยูงมาขออาศัยอยู่ด้วยคู่หนึ่ง ร้องโต๊กๆเสียงลั่นป่า
การสร้างโลกอยู่เอง ถึงเหนื่อยแต่ก็สนุกสะบัดเลยละครับ งานสร้างต้นทุนชีวิตในพื้นที่แห้งแล้งดินเลว ต้องค่อยเป็นเป็นค่อยไป เอาทุกอย่างเป็นครู หลังจากนั้นก็สวมหัวโขน ถึงใครจะให้เป็นอะไรก็ช่างเถิด ผมก็คงเป็นชาวไร่ชาวนาเดินดินกินข้าวกล้อง อยู่กับท้องไร่ท้องนานอนดูท้องฟ้าและดวงดาว จะหาวบ้างก็ตอนง่วงหน้าจอคอมพิวเตอร์ เจ้าคอมพิวเตอร์นี่แหละ ที่ทำให้ผมได้ก้าวออกจากสวนป่าไปรู้จักจอมยุทธทั่วปฐพี ทุกผู้ทุกนามที่รู้จัก ต่อมากลายเป็นเครือญาติผม รวมกลุ่มกันตั้งชื่อว่าชาวเฮฮาศาสตร์ อยู่ในสกุลคนสวย แซ่เฮ คนแซ่นี้ประกอบด้วยผู้สันทัดกรณีหลายสาขา กระจายตัวอยู่ในองค์กร-สถาบัน-มหาวิทยาลัย-และหน่วยงานต่าง ๆ เราใช้บล็อกเป็นปัจจัยในการเชื่อมโยงความรักและความรู้ ลองเข้าไปใน บล็อกลานปัญญา ค้นคำว่า”ลานสวนป่า” ถ้าบล็อก goto-know ค้นหาชื่อ “KM.ในมหาชีวาลัยอีสาน“ แล้วจะพบว่าชาวเฮฮาศาสตร์น่ารักน่ากอดทั้งนั้น เราพยายามสร้างสังคมอุดมศิลปศาสตร์ ตามสไตล์ของกระบวนกรที่ว่า..”จะเรียนรู้ทำไมต้องทุกข์ด้วย” เรียนด้วยความเบิกบานไม่ได้เชียวหรือ ชาวแซ่เฮจึงกำหนดเอายุทธศาสตร์การกอดมาเป็นเครื่องมือในการระดมพลระดมใจ ขออนุญาตเอาเพลงประจำสำนักที่ชื่อว่า กอด มาขยายความนะครับ
เนื้อเพลง กอด
อภินันทนาการ จากอัยการบัณฑูร ทองตัน
แต่งโดย โกไข่ แห่งแกรมมี่
เจอกันเมื่อไร เราก็กอด
แม้ไม่เจอกัน เราก็ใช้ใจกอด
ตัวไม่มาไม่เป็นไร ฝากกอด
แม้รู้จักกันผ่านโลกเสมือน แต่ใจเตือนให้ห่วงหา
รู้สึกคลับคล้ายคลับคลา ว่าเราเป็นญาติกัน
ถึงเราห่างกันสักเพียงไหน แต่ในใจเราผูกพัน
คิดเอยคิดฮอดทุกวัน สายสัมพันธ์เชื่อมไมตรี
เราคนแซ่เฮ ใจเฮตรงกัน เฮเพื่อสร้างสรรค์ให้สังคมดี
เอื้อเฟื้อความรู้ไปสู่น้องพี่ ให้โลกเรามีแต่ความงดงาม
เห็นเธอมาแล้วยิ่งดีใจ เอ้าเร็วมากอด กอดดดด..
* เขียนมาถึงตรงนี้ เพื่อสนับสนุน CD. กอด ของป่าหวาน
Next : นกขมิ้นเหลืองแก่ยักแย่ยักยัน » »
2 ความคิดเห็น
ขออนุญาตส่งข่าวถึงครูบา ส่งการบ้านไว้ที่ http://lanpanya.com/dd190751/archives/397 แล้วค่ะ
อยากให้ลงไว้แบบในเจ๊าะแจ๊ะ
ค้นหาง่าย
ขอด่วนเลยนะครับ
หรือท่านใดช่วยได้ ช่วยโยงมาไว้ในบล็อกนี้ด้วย