เครื่องมือหากิน
อ่าน: 1865
มนุษย์เราเก่งกว่าสัตว์ประเภทอื่น ตรงที่ใช้สมองสร้างเครื่องมือมาใช้ในการทำมาหากิน เมื่อเทคโนโลยีเจริญขึ้นจึงมีการแบ่งกลุ่มสาขา เช่น สาขาเครื่องยนต์เครื่องไฟฟ้าเป็นต้น ผมมีชีวิตอยู่ระหว่างรอยต่อการมีการใช้เครื่องมือแบบดั้งเดิม มาเป็นอุปกรณ์สมัยใหม่ที่สะดวกสบายหลากหลายชนิด เริ่มตั้งแต่ใช้แรงงานสัตว์ล้วน ๆ มาเป็นใช้กำลังเครื่องจักรกล
สมัยเด็ก ๆ เห็นเตี่ยปลูกใบยาสูบใส่ปุ๋ยขี้ไก่ ที่มาจากการเลี้ยงไก่พื้นบ้านไว้ต้มกินตามประสาคนอยู่ป่า รวบรวมมูลไก่ใต้คอนเอาไปใส่หลุมยาสูบ ทำให้ใบยาสูบฉุนหอมเป็นที่รู้จักของหมู่บ้านใกล้เคียง ช่วงที่ใบยาแก่เตี่ยจะมาอบไว้ แล้วเอาออกมาซอยด้วยมือในช่วงเย็นถึงกลางคืน เช้ามาก็เอาใบยาที่ซอยมาตาก แห้งได้ที่แล้วก็เก็บใส่กระชุไว้จำหน่ายและสูบเอง มาถึงวันนี้นึกย้อนหลัง เตี่ยนี่เป็นนักวิจัยชั้นยอด ค้นคว้าวิธีปลูกวิธีแปรรูปจนได้ยาสูบชั้นดีด้วยการค้นคว้าด้วยตนเอง ชาวบ้านถามว่าปลูกยังไง ใบยาสูบถึงโตหนาสม่ำเสมอ แถมยังมีกลิ่นหอมฉุน ภาษาชาวบ้านเรียกว่า “รสเข้มแรง” คงหมายถึงกลิ่นฉุนเมาได้ที่
มาถึงสมัยผมก็หนีไม่ออกเครื่องสับเครื่องซอย เพียงแต่เปลี่ยนจากแรงคนเป็นแรงเครื่องยนต์ ประจวบกับบ้านเมืองเจริญ มีไฟฟ้าเข้ามาในสวน ทำอะไรก็สะดวกขึ้น โดยเฉพาะงานที่ใช้เทคโนโลยี ก่อนหน้านี้ผมมีเครื่องสับกิ่งไม้ไปใช้ศึกษาหาความรู้ ความชัดเจนทำให้ทราบความต้องการของอุปกรณ์ที่พอดีกับงาน ตรงจุดนี้เช่นกันที่เกษตรกรในบ้านเราไม่มีข้อมูลประกอบการซื้อหา ไม่ทราบว่าจะใช้เครื่องจักรกลขนาดไหนถึงจะพอดีกับงาน หลังจากทดลองใช้เครื่องแรก ทำให้กำหนดได้ใหม่ว่าจะต้องใช้เครื่องที่ใหญ่ขึ้นขนาดไหนอย่างไร?
ได้แสวงหาความรู้ด้วยตนเอง ครั้งแรกครูอึ่งกับอาราม พาไปดูเครื่องสับกิ่งไม้ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้คุยกับอาจารย์ที่ทำวิจัยเครื่องสับกิ่งไม้หลายขนาดหลายวัตถุประสงค์ ได้ทราบระบบการทำงาน จุดอ่อนจุดแข็ง รวมทั้งเรื่องของความคงทนของใบมีด ประสิทธิภาพของการทำงาน บางเครื่องก็ใช้สับใช้บดได้ด้วย
สายวันนี้เทวดามาเลี้ยงข้าวหมูกรอบ แล้วชวนกันไปหาข้อมูลเครื่องสับใบไม้ที่บริษัทน่ำเฮง บริษัทนี้เคยรู้จักกันมาก่อน เคยสั่งผลิตเครื่องอัดอิฐดินซีเมนต์รูปอิฐโค้งขนาดรอบวงที่ใหญ่ที่สุดในโลก เส้นผ่าศูนย์กลาง 8 เมตร ประกอบกับเฮียเจ้าของร้านชอบทดลองทำเรื่องใหม่ ๆ แปลก ๆ ตอนหลังประเทศออสเตรเลียก็เอาพิมพ์เขียวมาให้ร้านนี้ผลิตเครื่องกลั่นน้ำมันใบยูคาลิปตัสให้สวนป่า เฮียเจ้าของร้านเคยไปสวนป่าเมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว
วันนี้เราบุกไปที่ร้าน โชคดีเจอเฮียและเจ๊เจ้าของร้านอยู่ทั้งคู่ บังเอิญปลอดลูกค้า จึงได้จังหวะนั่งสนทนาหาความรู้ใหม่ ๆ ช่วงนี้วงการเกษตรไทย เริ่มพัฒนาการเรื่องปุ๋ยเรื่องพลังงานที่ได้จากเศษเหลือใช้ทางการเกษตร นักประดิษฐ์/อาจารย์ที่สอนด้านเครื่องกลจึงคิดเครื่องต้นแบบออกมาทดลองกันหลากหลายให้เหมาะกับการใช้งาน เฮียเจ้าของร้านพาเดินชม อธิบายลักษณะการใช้งาน บริษัทน่ำเฮงมีชื่อเสียงด้านผลิตเครื่องกลการเกษตร ได้จับงานลักษณะนี้มาแต่แรก จึงเล่าถึงการพัฒนาการรูปแบบและเทคนิคตามลำดับ วันนี้ไปดูเฉยๆ ได้แคตตาล๊อก ได้ราคา ได้ข้อมูลมาพิจารณา ถ้าฝันดีวันไหนซื้อวันนั้น อิ อิ..
1. เครื่องสับใบไม้หยาบ/ละเอียดใบมีด9นิ้ว ราคา 60,000 บาท
2. เครื่องผลิตปุ๋ยอัดเม็ด/อัดหัวอาหาร ราคา 70,000 บาท
3. เครืองสับระดับอุตสาหกรรมย่อย ราคา 180,000 บาท
ถามว่าแพงไหม ไม่แพงหรอกถ้าบ้าหาเงิน เครื่องลำดับที่ 3 เอามาทำชิ้นไม้สับขายรวยเละ ราคาไม้ตันละ 6-700 บาท สับแล้วขายได้ 3,000 บาท เรื่องนี้ต้องถามใจตนเองให้ดี จะหาเงินหรือหาความสุขหาความรู้ ถ้าเลือกข้อ1-2 ก็จะได้ทำงานวิจัยทดลองหาชุดความรู้ใหม่ไว้เผยแพร่ให้เกษตรกรมีทางออกในการงานอาชีพต่อไป
หลังจากตระเวณดูเครื่องจักรแล้วก็กลับมานอนเขลง
ตื่นเอา 1 ทุ่ม แต่แปลกแฮะไม่หิวอะไรเลย
อาบน้ำแต่งตัวไปหาซื้อหนังสือมาอ่าน
ไปเจอข้าวโพดต้มเจ้าเก่าที่ขายประจำ
มีชนิดพันธุ์สีเหลืองกับพันธุ์สีขาว
ลองสั่งอย่างละสีมาชิมแทนข้าวมื้อเย็น
กันเหนียวเกรงจะหิวกลางดึก
สั่งขนมปังสังขยามาอีกชุดตุนเอาไว้
แล้วยังงี้จะผอมยังไงละป้าหวาน
ง่าย ๆ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับคืนนี้
ใครอยู่ดึกหิวบอกนะครับ
จะส่งขนมปังสังขยาไปทาง SMS.
ส่วนข้าวโพดอร่อยฟาดหมดไปเรียบร้อยแล้ว
จบข่าว
3 ความคิดเห็น
ทุ่มหนึ่ง ผมยังไม่ถึงบ้านเลยครับ ฝนตกหนัก น้ำท่วมแจ้งวัฒนะ รถไม่ขยับเลย มีรถ ก็เลยไปอ้อมดอนเมือง-ทุ่งสีกัน
จากวัดพระศรีมหาธาตุถึงบ้าน ใช้เวลาสองชั่วโมง — มากกว่าเวลาที่ดูสไลด์ Ignite ของครูบา ดูคลิปการประชุมเมื่อวาน ลงลิฟต์ กินข้าว แล้วขับรถไปน่ำเฮงรวมกันอีกนะครับ
โอ้ ฝนตกไม่ทั่วฟ้า
ระหว่างที่อยู่น่ำเฮงนั่นล่ะครับ ฝนตกหนักจนท่วม