คนแซ่เฮบุกสถาบันวิจัยสังคมจุฬาฯ

โดย sutthinun เมื่อ 31 สิงหาคม 2010 เวลา 7:26 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 2683

ตอนเช้าเทวดากริ๊งมา

ถามว่าจะไปจุฬาฯยังไง

สายหน่อยครูอึ่งโทรมาบอกว่ายังอยู่กรุงเทพฯ

ครูอึ่งกับครูอารามลงมาบางกอก ติดต่องานเรื่องอาจารย์ช่วยสอนชาวต่างประเทศ ที่ต้องมีใบรับรองจากคุรุสภาไปต่อวีซ่า ติดต่อล่วงหน้ามาแล้วว่าจะได้รับความสะดวก แต่มาเจอบทโยกโย้ให้รออีก2สัปดาห์ ผมลองติดต่อคนที่รู้จัก เธอบอกว่าจะจัดการให้พรุ่งนี้ ถ้าอย่างนั้นวันนี้>> แทนที่อยู่จะโต๋เต๋แบบเซ็งกระจาย ชวนไปเที่ยวจุฬาด้วยกันดีกว่า จุฬาฯส่งรถมารับที่มารวย ครูอึ่งจับแท็กซี่จากกระทรวงศึกษาธิการ นัดเจอกันที่สถาบันวิจัยสังคมจุฬา

บ่ายโมงนักศึกษาเข้าไปนั่งเอี้ยมเฟี้ยมรออยู่แล้ว ดร.นฤมล บรรจงสิทธิ์ กล่าวแนะนำวิทยากรเป็นใครมาจากไหน ที่จริงได้หารือกันล่วงหน้าแล้ว ให้นักศึกษาเข้าไปค้นในเน็ทเพื่อทำความรู้จักกับวิทยากรล่วงหน้า ใครไม่รู้ว่าครูบาเป็นไผ ไม่ต้องเข้าห้อง อิ อิ แต่เป็นการรู้จักกันข้างเดียว ต่างกับที่SCG. ได้ส่งข้อมูลมีทั้งภาพดูให้รู้หน้าตา ชื่อจริงชื่อเล่น ตำแหน่งงานที่ทำ งานอดิเรกที่ชอบหรือสนใจ ประเด็นนี้ถ้าองค์กรหรือหน่วยจัดอบรมพัฒนาระบบสารเทศเบื้องต้นก็ดีนะครับ เรื่องรู้เขารู้เรามีความจำเป็นเสมอ

ผมเปิดPower Point ด้วยประเด็นคำถาม

· ช่วยแนะนำหน่อยเถิด เจ้าเป็นไผ

· ทำไมถึงมาสนใจเรียนหลักสูตรนี้

· ได้เรียนและค้นคว้าในประเด็นไหนไปบ้างแล้ว

· ช่วยกันเล่าช้า ใจเย็นๆ สบายๆ

· วันนี้เราจะมาเรียนรู้ร่วมกัน

· ไม่มีผิดมีถูกไม่มีข้อจำกัดใดๆในห้องนี้

· เราจะเรียนกันอย่างมีความสุข

นักศึกทยอยแนะนำตนเอง บอกเล่าซื่อแซ่ชื่อเล่น จบปริญญาตรีมาจากภาควิชาและมหาวิทยาลัยอะไร หลายคนบอกว่าที่สนใจหัวข้อ : การจัดสวัสดิการชุมชนบนฐานทุนทางสังคมสังคมและทุนวัฒนธรรม ต้องการจะเติมเต็มความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ พบว่านักศึกษารุ่นนี้จบมาจากหลายคณะวิชาไม่ซ้ำกัน ถ้าแลกเปลี่ยนรู้กันน่าจะได้ทักษะชีวิตและประสบการณ์ที่หลากหลายไปต่อยอดได้

ประเด็นสวัสดิการ-ทุนทางสังคมและทุนทางวัฒนธรรม

ผมสะท้อนมุมมองในฐานะชาวบ้าน

เพื่อให้เห็นว่าคนระดับล่างเข้าใจและมองเรื่องนี้อย่างไร

สวัสดิการที่จัดโดยรัฐฯก็อย่างหนึ่ง

สวัสดิการที่จัดกันเองก็อย่างหนึ่ง

สวัสดิการที่มีอยู่ในวัฒนธรรมและธรรมชาติก็อย่างหนึ่ง

พื้นฐานเดิมที่ปรากฏอยู่ในทุนวัฒนธรรมเป็นอย่างไร

จากสภาพสังคมบ้านเมืองกำลังคุกรุ่นอยู่กับการหาพวกพ้อง นโยบายที่ออกมาจึงหลากหลาย มีคำว่า”ฟรี” รถเมล์ฟรี รถไฟฟรี เรียนฟรี ฯลฯ เป็นสวัสดิการของโหลหรือของดี จริงๆแล้วผมอยากให้รัฐฯจัดสวัสดิการความรู้ น่าจะสมประโยชน์ที่สุด คุณภาพของสังคมขึ้นอยู่คุณภาพของประชาชน คุณภาพของประชาชน ขึ้นอยู่กับการศึกษาและการพัฒนาแบบองค์รวม ถามว่า วันนี้การศึกษาและการพัฒนาของเราอยู่ในอาการอย่างไร? หลังจากนั้นก็ชวนคุยชวนมองด้วยคำถาม

· สภาพแวดล้อมเป็นสวัสดิการจากเทวดาได้ไหม?

· ผักสมุนไพรพื้นถิ่นเป็นสวัสดิการจากธรรมชาติได้ไหม

· ความรักความเอื้ออาทร ความเป็นพี่เป็นน้องเป็นสวัสดิการหรือเปล่า?

· ความเมตตาของครูบาอาจารย์เป็นสวัสดิการหรือเป็นอะไร?

· แสงแดด-อุณหภูมิที่พอเหมาะสมเป็นทุนสวัสดิการหรือไม่?

ยกตัวอย่างการจัดสวัสดิการภาคประชาชน เช่น คุณอัมรา พวงชมพู แห่งบริษัทสยามแฮนด์ เจ้าของสินค้ายี่ห้อแตงโม ไปชวนแม่บ้านบาเกาะ11คน จากสุไหปาดี เดินทางมาฝึกตัดเย็บเสื้อผ้าในโรงงานที่นครปฐม1เดือน แล้วกลับไปตั้งกลุ่มช่วยกันผลิตเสื้อยืดจำหน่าย ขยายผลในหมู่กันเอง ขยายงานไปสู่อาชีพในชุมชน จากฐานคิด “เปลี่ยนอาวุธ เป็น อาชีพ” “คนทำเสื้อกับการสร้างสันติภาพ”เพื่อจะบอกว่าสวัสดิการนั้นไม่ใช่ว่าจะต้องมาจากรัฐฯเท่านั้น ใครๆก็สามารถมีส่วนร่วมได้ถ้ามีจิตสาธารณะ

(สวัสดิการพื้นฐานที่ต้องการมีส่วนร่วม)

ผมเสนอสวัสดิการด้านความรู้น่าจะสำคัญกับยุคสมัย ถ้าจะพัฒนาใดๆเงินกับความรู้ควรจะควบคู่มาด้วยกัน การปะเงินลงไปเฉยๆไม่ต่างกับการโยนก้อนหินลงหนองน้ำ.. แต่ก็ไม่ได้หมายถึงการเรียนฟรี15ปีนะครับ มันเป็นอะไรที่มากกว่านั้น ความหมายรวมไปถึงการอุดหนุนให้เกิดวิชาการความรู้ในทุกระดับ ชาวไร่ชาวนาควรจะได้รับสวัสดิการพัฒนาด้านวิชาชีพ ถามว่าถ้าชาวบ้านจะเรียนรู้ จะไปเรียนที่ไหน ไปเรียนเรื่องอะไร ไปเรียนกับใคร ! ! มีสวัสดิการในเรื่องนี้ดีพอแล้วหรือยัง

เสนอเรื่องการเอาใบไม้เลี้ยงโค ฉายคริปให้เห็นภาพรวมของเรื่องนี้ แล้วชี้ให้ดูว่า สวัสดิการด้านความรู้ความสามารถทางอาชีพนั้น มันเป็นสวัสดิการที่ขยับความก้าวหน้าให้เห็น-ทางออก-ทางเลือก-ทางพัฒนา ขยายผลต่อไปยังเรื่องอื่นได้อีกหลายจุดประสงค์ เพื่อชวนนักศึกษาตีแตกเรื่องสวัสดิการให้กว้างขวางยิ่งขึ้น

ชวนคุยเรื่องเฮฮาศาสตร์ บอกว่านี่ไงละกรณีตัวอย่างของการจัดสวัสดิการยุคใหม่ ที่เกิดขึ้นจากความรักความปรารถนาดีต่อกัน ช่วยกันสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ผ่านการเขียนBlog แลกเปลี่ยนประสบการณ์ชีวิตสม่ำเสมอ ทำให้สมาชิกรู้ใจก่อนรู้ตัว หลังจากนั้นก็ขยายผลไปถึงการจัดกิจกรรมร่วมกันตามมา เกิดเป็นเครือญาติช่วยเหลือพึ่งพากันเอง

ผมโยนไมค์ให้ครูอึ่งช่วยอธิบายบริบทของเฮฮาศาสตร์

นักศึกษาสนใจมากขึ้น

ซุบซิบอยากจะไปมหาชีวาลัยอีสาน

ก็แล้วแต่นะครับ

เรียนในห้องได้ความรู้ เรียนนอกห้องได้ความจริง

ถ้าอยากเป็นนักศึกษาพันธุ์ใหม่ต้องการจะเรียนความจริงก็มา

แต่ถ้าจะเรียนแบบดื้อตาใสก็ไม่ว่ากัน

ได้เปิดเพลง “กอด” ให้ฟัง

เพื่อจะบอกว่า..ถ้าสนใจพัฒนาวิธีการเรียนให้เข้ากับยุคสมัย

จะได้พบว่า> >ได้อะไร > > เกิดอะไร > > และส่งผลอย่างไร?

(หนูคนนี้บอกว่าแอบอ่านเรื่องแม่ น้ำตาไหล”

การบรรยายให้นักศึกษาปริญญาโทครั้งนี้ จบลงด้วยอาจารย์และนักศึกษาเลี้ยงข้าวมื้อเย็น มีนักศึกษาท่านหนึ่งเล่าว่า>>แอบไปอ่านเรื่องมะขือการ์ตูน เรื่องแม่ แล้วน้ำตาไหล คิดถึงแม่.. อิ่มแล้วคณะฯแล้วเอารถมาส่งที่โรงแรม ระหว่างนั่งคุยกันที่มารวย แห้วก็โทรมาเล่าเรื่อง”รูตัน” ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไง ก็ติดตามไปที่Blog ลานเรียนชีวิต ของครูปูก็แล้วกันนะครับ อิ อิ..


จบข่าว ..

« « Prev : ย่ำเชียงใหม่ยามชุ่มฉ่ำ

Next : ลืมกล้องยิ่งกว่าน้องลืมอ้าย » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

6 ความคิดเห็น

  • #1 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 31 สิงหาคม 2010 เวลา 9:28

    ครูอึ่ง กริ๊ง! มาแต่เช้า ได้รับเอกสารเรียบร้อยแล้ว จะปิกละปูนสายๆวันนี้
    เทวดาได้ข่าวมาจากไหนไม่รู้ บอกว่า อุ้ย จะลุยบางกอกพรุ่งนี้
    ไม่รู้ว่าจะเป็นไปตามอีกาคาบข่าวหรือเปล่า
    จะได้ชวนอุ้ยหาเรื่อง อิอิ
    “ครูบา มีไว้ใช้ ก็ต้องใช้ใหเต็มที่”

  • #2 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 31 สิงหาคม 2010 เวลา 10:20

    กรี๊ดๆๆ ครูอึ่งใส่เสื้อลาย..งามแต้ๆ

    ไปเมืองกอกจริงๆค่ะ 1 - 3 กันยายน 2553 , การปฏิรูประบบอุดมศึกษาไทย : ฤาจะเป็นความฝัน , ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์

  • #3 sompornp ให้ความคิดเห็นเมื่อ 31 สิงหาคม 2010 เวลา 17:50

    WoW อยู่ไหนแซ่เฮ ก็เจอกัน
    นโยบาย “ถีบศาสตร์” ของแซ่เฮ น่าจะเป็นประเด็นชูโรงด้วย
    เป็น “ไร้กระบวนท่า” หรือ “มวยวัด” ก็น่าจะวัดกันได้
    คริคริคริ

  • #4 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 31 สิงหาคม 2010 เวลา 17:51

    น่าจะบินมาเที่ยวบ่ายเย็นนี้นะครับอุ้ย

  • #5 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 31 สิงหาคม 2010 เวลา 17:53

    แฟ๊ซ์โรงแรม บอกว่า ห้อง 510 นะน้า

  • #6 dd_l ให้ความคิดเห็นเมื่อ 1 กันยายน 2010 เวลา 7:39

    อิอิ อุตส่าห์ใส่เสื้อลายไปติดต่องาน สงสัยสวยจัด..เลยถูกผลัดผ่อนโน่นนี่ ดีที่ครูบาช่วยกรุณาจัดการเรื่องขัดข้อง
    แถมยังได้ไปเรียนรู้กับน้องๆ อีก ขอบพระคุณค่า เป็นชาวเฮฮาศาสตร์นี่ได้เรียนรู้ทุกศาสตร์เลยล่ะค่ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.10673904418945 sec
Sidebar: 0.10687899589539 sec