การศึกษา ตอน:เหวี่ยงแหหา เหาใส่หัว
อ่าน: 2402จรัล มโนเพชร ร้องเพลงมอเตอร์ไซจีบอีน้องคนงาม..ดูจะเข้ากับเนื้อเรื่องนี้มาก..ชีวิตคนเราสมัยนี้ ต้องประยุกต์วิถีการทำงานให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย เข้าบางกอกเที่ยวนี้เจอเรื่องสนุกๆจนเละ นี่ถ้าไม่มีมือที่มองไม่เห็นคอยปิดทองก้นพระมีหวังอ่วมอรทัย นับตั้งแต่ลงรถทัวร์ หนูสิบล้อยิ้มแป้นรอรับ ตอนแรกแห้วจะให้แวะไปวัดตัว เพื่อเช่าชุดใส่ไปงานรับใบประกาศฯที่โรงเรียนแห้ว ..เป็นช่วงที่ช่างมาจัดการเรื่องเสื้อผ้าบุคลากรในโรงเรียน ระหว่างยังไม่เจอตัวก็โทรศัพท์ถามกัน “พ่อแวะมาที่โรงเรียนหนูก่อนได้ไหม” “พ่อเอวเท่าไหร่” ผมคลับคล้ายคลับคลาว่า “38 นิ้ว” คนถามแย้งว่าเป็นไปได้ไง ก็ยืนยันไปว่า”น่าจะ” มาลงเอยตรงที่ทางร้านยังหากางเกงขนาดนี้ไม่ได้ จึงไม่ต้องแวะไปลองชุด แต่ก็กำชับให้หนูสิบล้อวัดรอบพุงดูสิ ว่ามันเป็นเท่าไหร่แน่ หนูสิบล้อบึ่งมาส่งที่โรงแรมมารวย ชวนกันไปกินข้าวหมูแดงเจ้าประจำ แล้วบึ่งไปส่งผมที่สถานีรถไฟฟ้าจตุจักร เพราะจวนจะถึงเวลาประชุมกรรมการนโยบายยกเครื่องการศึกษา
ก่อนที่จะไปเรื่องอื่น ขออนุญาตแวะเข้ามาเรื่องรอบพุง เจ้าหนูสิบล้อนี่สุดยอดจริงๆ โทรมาบอกว่าหาซื้อสายวัดพุงแบบพกพามาฝากไว้ที่โรงแรมให้แล้ว กลับมาผมลองวัดพุง 38นิ้วจริงๆนะแห้วเอ๋ย ก่อนขึ้นรถทัวร์ก็ลองชั่งน้ำหนักตัว พบว่าไขมันพอกพูนกลับมาอยู่ที่65ก.ก.เมี๊ยนเดิม จึงถามไปที่หมอเจ๊คนสวยแซ่เฮ ที่กรุณาอ่านค่าผลเลือดที่คุณป้าหวานเมตตาส่งให้ กลับมาเปิดอ่านในเมล์พบข้อควรระทึกใจที่หมอเจ๊ชี้แนะ พักหลัง..ปล่อยตัวปล่อยใจตามปาก น้ำหนักกลับคืนมา ไม่ค่อยได้นอนได้พัก รู้สึกเหนื่อยและอ่อนแอ ไม่ไอแต่ก็มีอาการภูมิแพ้ น้ำมูกเยอะ ถ้าอยู่บ้านรับประทาน2มื้อ แต่มากรุงเทพที่ไรนิสัยเสีย สวาปามไปเรื่อย ภักษาหารที่เคยหม่ำที่บ้าน ก็มาเปลี่ยนเป็นเมนูขยะคนกรุง ที่มาเลือกพักโรงแรมมารวยก็เพราะมีร้านข้าวหมูแดงเจ้าอร่อยนี่แหละป้าหวาน กลับไปคงรีดตือฮวนยกใหญ่ จะตัดกิจนิมนต์ให้เหลือน้อยที่สุด จะได้อยู่กับเหย้าเฝ้าอยู่กับเรือน แต่ปลายเดือนนี้ชนต้นเดือนหน้าก็มีคิววิ่งรอกแบบบินเช้า-เย็นกลับติดต่อกันอยู่2-3รายการ
กลับมาตะลุยบางกอก ชักติดใจรถไฟฟ้ามาหานะเธอเสียแล้ว นอกจากเร็วแล้วประหยัดเงินประหยัดเวลาด้วย เป็นทางเลือกใหม่ที่ไม่ทำไม่ได้ของคนกรุง เป็นเหมือนไฟล์บังคับอัตโนมัติถ้าจะบริหารเวลา ผมขึ้นจากสถานีจตุจักรไปลงสถานีชิดลมแป๊บเดียว พอลงรถเจ้าประคุณเอ๋ย ฝนตกยังกับฟ้ารั่ว ดีว่าหนูสิบล้อรอบคอบเอาร่มใส่กระเป๋ามาให้ กางร่มลุยน้ำไปถามจราจรแถวนั้น โรงแรมอะเดรียติก พลาซ่า อยู่ตรงไหน? เขาก็บอกอย่างที่เคยดูในแผนที่เทวดาส่งให้ น้ำเจิ่งนองเต็มถนนเพชรบุรี เรียกแท็กซี่ขึ้นไปนั่งติดแหงกเหมือนคนบ้า เต่าเดินยังเร็วกว่ารถแท็กซี่ยามนี้ น้ำท่วมสูงจนกระฉอกเข้ามาในรถ นั่งทรมานใจจวนใกล้เวลาประชุมเต็มที จึงตัดสินใจลงรถ เดินไปคุยกับมอเตอร์ไซ
“ลูกพี่ผมจะไปโรงแรมชื่อบ้าๆเรียกยากๆนี่เท่าไหร่”
“ขอ50บาท” แล้วกัน
ผมกระโดดกอดเอวแกเผ่นแน๊บ!
เกิดมาก็เพิ่งได้ซิ่งมอเตอร์ไซกลางกรุงกับเขานี่แหล่ะเทวดาเอ๋ย
ได้ทั้งโอกาสและบรรยากาศ
เจอนักซิ่ง2ล้อด้วยกันหัวเทียนบอดกลางถนน
ขาซิ่งก็แซวกันคลายเครียด..
เป็นวิถีไทยแท้ล้วนๆที่สุดแสนประทับใจ
เมื่อก่อนนึกว่าจะมีแต่มอเตอร์ไซทำหล่นที่บ้านนอก
เดี๋ยวนี้มีซิ่ง2ล้อเกลื่อนกรุงเป็นทางเลือกสุดท้าย
เดินกระปรกกระเปลี้ยเข้าห้องเสวนา แต่ละคนมาแบบตุปัดตุเป๋กันทั้งนั้น ผมยังงงว่าทำไมเขาถึงมาเลือกประชุมกลางกรุงที่จ๊อกแจ๊กจอแจอย่างนี้ เดินทางมาก็ยากเรียกชื่อก็ยากแถมยังดูประหลาดๆ คำแรกที่บอกทีมงาน..”การศึกษามันก็มีอาการเหมือนฝนท่วมกรุงยามนี้แหละ ช่างชุลมุนสิ้นดี” วันนี้ที่ประชุมตั้งธงไปที่ตัวเด็ก ระบบการศึกษาควรจะแก้ไขจุดไหนบ้าง ถึงจะทำให้ลูกหลานไทยมีสุขภาวะทางการเรียนดีขึ้น ก็มีผู้สันทัดกรณีให้ความเห็นกันอย่างคับคั่ง ผมฟังไปก็แอบต่อล้อต่อเถียงในใจ เช่น
ครูมีจิตใจเมตตาผูกพันศิษย์..จริง
จะไปหาที่ไหนละ เห็นมีแต่-ครูอึ่ง-ครูอาราม-ครูอุ้ย-ครูแห้ว
ครูค้นจุดอ่อนจุดแข็งลูกศิษย์..พบ
แหมตัวครูเองก็อ่อนอกอ่อนใจเต็มที มีบริการเสริมจุดแข็งให้ครูก่อนไหมละ
ครูสร้างแรงบันดาลใจให้ศิษย์..ได้
ใครจะสร้างแรงบันดาลใจให้ครู ครูบ่มีแฮง จะส่งแรงบันดาลใจได้ยังไง
ครูแนะนำการเรียน..เก่ง
แหมวิธีแนะนำให้เก่งไม่พอหรอก มันต้องแนะทำมากๆ?
กิจกรรมการสอน..เหมาะ
หลักสูตร-กฎหมาย-ระเบียบต่างๆ มันเหมาะแล้วงั้นรึ!
ผู้บริหารสถานศึกษา..เข้มแข็ง
อ๋อ..เข้มแข็งแน่..วิ่งไขว้คว้าตำแหน่งกันจนขาขวิด
หลักสูตรตอบศักยภาพเด็ก..ชัด
สอนให้เป็นใบ้-ไม่อ่าน-ไม่เขียน-ไม่ถาม-ท่องๆจำๆๆลอกๆชัดไหมละ
สิ่งสนับสนุนการเรียนการสอน..ใช่
ช่วยสนับสนุนให้ครูดีมีกำลังใจหน่อยเถอะ ดีกว่าสนับสนุนอย่างอื่น
บรรยากาศแลกเปลี่ยนเทคนิคการสอน..มี
มีเทคนิคสอนให้เด็กอาชีวะไม่ตีรันฟันแทงกันไหมละ
เด็กด้อยโอกาสได้รับสิทธิ์ดูแล..เท่าเทียม
เด็กไทยก็ด้อยโอกาสทุกคนนั่นแหละ ถ้าบริหารบริการการศึกษาอย่างนี้
เส้นทางก้าวหน้าผู้บริหารและครู..ส่งเสริม
ส่งส่วย-ส่งเดช-ส่งเสีย เกิดความก้าวหลังแทนการก้าวหน้าจะทำยังไง
: ครูมืออาชีพมีน้อย ครูตัวลีบมีเยอะ !
การประชุมดำเนินไปอย่างเข้มข้น มีผู้เสนอภาพย่อยภายในสถานศึกษาที่อยากเห็น เช่น โรงเรียนด้อยคุณภาพถูกปล่อยตามยะถากรรม ครูออกไปหาผลประโยชน์ตนเวลาไหนก็ทำได้ ผู้บริหารสถานศึกษาลืมภารกิจหลัก โรงเรียนแห้งแล้งทรุดโทรม ความสามารถนักเรียนถูกลบเลือน ถูกแทรกแซงบทบาทหน้าที่โดยผู้ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย โรงเรียนไม่แทรกแซงพิเศษต่อปัญหาเด็กเป็นรายบุคคล
ประเด็นของอาชีวะ ม.ต้นไม่มีแรงเสริมอาชีวะ อาชีวะไม่มีพลังพอ มาตรการเสริมจากผู้ประกอบการต่ำ คุณลักษณะเด็กไทยไม่ถูกปลูกฝังให้สู้งาน คนไทยหลงกับดักค่านิยม ธุรกิจก้าวหน้าการศึกษาตามไม่ทัน >>>
· ยังมีเรื่องความยาวสาวความยืดไปอีกหลายขยัก
· คุณภาพครูคืออะไร? เก่งอย่างไร? พัฒนาอะไร? ประกันอะไร?
· สอนให้แข่งขันหรือสอนให้แก่งแย่งกัน
· สอนให้สอบ หรือสอนให้รู้!
· เรื่องค่าหัวเป็นตัวกีดกันอาชีวะใช่ไหม?
· อย่าสอนให้เป็นเพียงลูกจ้าง ควรสอนให้เป็นผู้ประกอบการได้ไหม?
ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติฉบับที่ 8 เราปักธงไปในเรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ แต่ทำไม่สืบเนื่องไม่เพียงพอ ขึ้นแผน9-10ก็ไปล่อเละเรื่องเศรษฐกิจจะเป็นนิคส์ จนถูกน็อคตกกระป๋องเรื่องต้มยำกรุง ตั้งแต่มีประเทศไทย เราเคยยกเอาการพัฒนาการศึกษาของชาติเป็นหมายเลข1บ้างไหม? คนไทยจึงตกรุ่นตกขอบ กลายเป็นทรัพยากรบุคคลซังกะบ๊วย สร้างปัญหาดึงชาติให้ล่มจมตกต่ำ เกิดวิกฤติไปทุกกรณีทุกย่อมหญ้า สร้างวัฒนธรรมหน้าไหว้หลังหลอก เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ กระลิ้มกระเลี่ยไปวันๆ
ผลโดยการสรุปของมูลนิธิสาธารสุขแห่งชาติพบว่า
เด็กไทยเป็นชาติที่เด็กถูกบังคับให้เรียนในห้องเรียน โดยใช้ชั่วโมงเรียนในแต่ละวันมากที่สุดในโลก เปรียบเทียบกับเด็กจีนถึงแม้จะมีความเครียดสูง มีประชากรมาก มีการแข่งขันสูง แต่ก็ยังใช้เวลาเรียนในห้องเรียนน้อย ของไทยเด็กในเมืองและเด็กในชนบทมีความทุกข์จากระบบการศึกษาไม่แตกต่างกัน กล่าวคือ ใช้เวลาเรียนในห้องมากและต้องกวดวิชาตั้งแต่ชั้นอนุบาล จนเกิดความเครียดและความเบื่อหน่าย ซึ่งการเปลี่ยนระบบคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยมาเป็นแบบแอดมิสชั่นส์ ส่งผลให้เด็กต้องเรียนกวดวิชามากขึ้น รวมถึงนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการที่เน้นให้เด็กต้องเก่งวิชามาตรฐาน ทำให้ครูต้องสอนวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ด้วยภาษาอังกฤษ โดยต้องขยายผลให้ได้ 2,500โรงในปีถัดไป ทั้งที่ยังไม่พร้อม ครูและนักเรียนจะรับไหวหรือไม่ ซึ่งอาจจะไปเพิ่มความกดดันให้เด็กมากขึ้น
หากครูไม่มีเทคนิคการสอนที่น่าสนใจ แถมยังเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ เด็กจะรู้สึกทุกข์ทรมานจากการเรียน ครูบางคนไม่ให้เด็กมีส่วนร่วมในการเรียน ไม่ฝึกให้เด็กรู้จักคิดให้เด็กมีหน้าที่ฟังอย่างเดียว นั่งฟังนานๆทำให้เด็กเครียด เหนื่อยล้าส่งผลต่อสุขภาพจิตเด็กในที่สุด
ใครละที่ฝึกหัดครู-บรรจุครู-บริหารครู-พัฒนาครู
คิดและทำตรงจุดนี้ให้มีประสิทธิ์ภาพดีแล้วหรือยัง?
เด็กไทยเรียนหลายวิชา เรียนมากแต่มีผลการเรียนแย่ เป็นสิ่งที่กระทรวงศึกษาควรนำไปขบคิด การเรียนแบบไม่มีความสุข ทำให้เด็กเรียนอย่าง”ขอไปที” เรียนแล้วไม่สามารถนำวิชาไปใช้ในการดำรงชีวิต เรียนแล้วไม่สนใจที่จะศึกษาเพิ่มเติม เพราะรู้สึกว่าการเรียนเป็นหน้าที่ ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองรัก ซึ่งทำให้เด็กจำนวนหนึ่งเรียนเท่าที่ได้รับการสอน กล่าวคือ เมื่อครูสอนจบ เด็กรู้สึกมีอิสระ ไม่ต้องถูกบังคับให้นั่งฟังอีกต่อไป ขณะที่เด็กบางคนทุกข์จากเรียนในห้องแล้ว ยังถูกพ่อแม่บังคับให้ไปเรียนพิเศษ ทำให้เด็กเครียด อาจจะสะสมความรุนแรงก้าวร้าวไว้ภายใน หรือแม้แต่ประสบความสำเร็จในการเรียนเหนือกว่าเด็กอื่น แต่ก็อาจกลายเป็นเด็กที่ไม่มีความสุข ขาดความฉลาดทางอารมณ์ ไม่รู้จักใช้ชีวิตอย่างยืดหยุ่น
ดังนั้น สิ่งที่กระทรวงศึกษาธิการต้องทำคือ การปฏิรูปกระบวนการเรียนการสอนขนานใหญ่ ต้องจัดกระบวนการเรียนการสอนที่ทำให้เด็กมีความสุข ให้เด็กได้มีส่วนร่วมในการเรียน มีช่วงเวลาทำกิจกรรมเพื่อสร้างความฉลาดทางอารมณ์ หลักสูตรไม่ควรยัดเยียดวิชาความรู้ให้เด็กโดยมองข้ามพัฒนาการด้านอารมณ์และการใช้ทักษะชีวิต หากจะจัดหลักสูตรความเป็นเลิศทางวิชาการ ก็ควรจัดกระบวนการเรียนการสอนอย่างสมดุลและพอดี
อย่าปฏิรูปการศึกษา
โดยปรับเปลี่ยนแต่โครงสร้าง
จนลืมมองไปว่า
เด็กจะอยู่อย่างไรในระบบการศึกษาไทย
สรุป: เมื่อคิดจะเข็นการศึกษาเข้าห้องผ่าตัด ถ้าผ่าไม่สำเร็จ หรือไม่กล้าผ่า ก็หากันหามไปป่าช้ากันเถอะ อย่าเสียเวลาอ้อยสร้อยลูบหน้าปะจมูกกันต่อไปเลย ขอได้ไหมความกล้าหาญ มีไหมคนกล้าเพื่อแผ่นดินนี้ ที่จะทำ-สิ่งเสมือนจริง-ให้เป็นจริง-ให้ปรากฏ
Next : ทำชีวิตติดดิน ให้ติดใจ » »
6 ความคิดเห็น
ดีจังเลยค่ะที่ได้อ่านการประชุมด้วย กราบขอบพระคุณครูบาค่ะ
การศึกษาไทยระดับพื้นฐานหรือมัธยมนี่ไม่ค่อยรู้…รู้ว่ามาถึงระดับมหาวิทยาลัยแล้ว คนเรียนเกินกว่าครึ่ง นิยมคำตอบสำเร็จรูปและใจร้อนต้องการทุกอย่างตามใจตัวเอง เวลาให้เขียนรายงานเดี่ยวจะเขียนได้ดีเลิศ แต่พอทำงานกลุ่ม…ทำกันไม่เป็น ถ้าลองจัดแบ่งกลุ่มทำงาน มักรีบแบ่งงานเป็นส่วนๆ ให้ไปทำกันคนละส่วนแล้วมาปะติดปะต่อรวมเล่ม
ส่วนเรื่องจิตพิสัย…เกินกว่าครึ่ง…ต้องการเรียนเพื่อให้จบคลอส วัตถุประสงค์อะไรไม่สำคัญเท่ากับอาจารย์จะออกข้อสอบกี่ข้อ ออกข้อสอบเรื่องไหนบ้างโดยไม่ค่อยจะวิเคราะห์ว่าประเด็ยสำคัญของแต่ละเรื่องคืออะไร …ถ้าสอนแบบให้เห็นความเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ส่วนหนึ่งจะประเมินว่าเสียเวลาไม่เน้นประเด็น(ที่จะสอบ)
คนยุคใหม่ไม่จดเลกเชอร์ ..รอดูจาก A tutor และขอก๊อบไฟล์
การศึกษาไทย..ถ้าการบริหารจัดการศึกษาเช่นปัจจุบันที่เน้นแต่ผลงานวิชาการของอาจารย์เหมือนระดับมหาวิทยาลัยที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ น่าจะจัดสอนแบบ เรียนทางไกลซะให้หมด อาจารย์ก็ไปนั่งเขียนหนังสือขาย(จากการลอกตำราต่างประเทศ) นักศึกษาก็ไปซื้อหนังสืออ่าน เสร็จแล้วก็นัดติวกันเป็นช่วงๆ …จบแล้วไปทำอะไรได้หรือไม่…น่าจะปล่อยให้ผู้บริหารการศึกษารับผิดชอบบ้าง (ประชดค่ะ)
มันผิดตัวผิดฝามาตั้งแต่อนุบาลถึงอุดมศึกษา
ไม่ง่ายเลยที่จะประคับประคองให้ครรลองออกมาในทิศทางที่เหมาะสม
เป็นเรื่องที่ยากสุดๆแต่ก็เลี่ยงไม่ได้
ไม่ทำก็มีแต่จมลง จมลง
หนักอกหนักใจยังไงก็ต้องทำ
และร่วมใจทำอย่างเข้าใจ ว่าทำไมถึงต้องทำจริงๆเสียที
ทุกคนร่วมเป็นเจ้าภาพ ค่อยๆปลดล็อคที่ละเปลาะๆๆ
-ประชุมเครียดกลับมานอนน็อคจนใกล้สว่าง
-กำหนดแล้วจะไปเชียงใหม่-ลำพูนวันที่ 26-27-28 :ซ่อมต้นไม้ให้เสร็จเสียที
ไฟล์บังคับนะอิ่ม
ทีนี้พอได้ยินคนเมืองกรุงบ่น พ่อจะได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งเสียทียังไงล่ะคะ ฮี่ๆๆ :P
ถ้าไม่สัมผัสเราก็วาดฝันว่าเมืองกรุงเป็นสวรรค์
ที่จริงมันเป็นเมืองแห่งความเครียด-ฉุกละหุก-เบี่ยงเบน-และบ่ายเบี่ยง
จริตคนกรุง เหมาะกับในกรุง
แต่เรื่องพุงวัดแล้วๆๆ 38 นิ้ว
จากนี้ไปจะตั้งใจลดพุง ลดๆๆๆๆ