สัมมนาจนเน่าทั้งกะบิ

โดย sutthinun เมื่อ 26 มิถุนายน 2010 เวลา 9:13 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 2443

ช่วงที่ผ่านมา2-3ปี คณะวิทยาการจัดงานหงายท้องให้เห็นอยู่เสมอๆ กระแสสั่งให้ผู้คนสนใจมาร่วมด้วยช่วยกันพัฒนางานอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง มีทั้งการเดินทางมาเยี่ยมเยียน มาดูงาน มาส่งเสริมการงานอาชีพ จัดฝึกอบรม นักวิชาการเดินทางกันจนขาขวิด ผู้นำชุมชน กลุ่มแม่บ้าน ปีหนึ่งๆไปดูงานจนตาแฉะ ไปมาหมดแล้ว ขึ้นเหนือล่องใต้ได้รู้ได้เห็นมานับ10-20ครั้ง กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญการไปศึกษาดูงานจนเจนจบ ไปสัมภาษณ์ในหมู่บ้านดูเถอะ มีใครบ้างที่ไม่เคยไปอบรม

พ่อใหญ่บอกว่า..ไปดูที่ไหนก็เจอแต่เรื่องดีๆ ได้ยินได้ฟังแต่เรื่องดีๆ รู้เห็นมาหมดแล้ว แต่พอกลับมาบ้านก็มานั่งงง ไม่รู้จะจัดการตัวเองยังไง ดินทำกินมีน้อย คลองส่งน้ำก็ไม่มี พันธุ์พืชพันธุ์สัตว์ไม่มี ทำเลเลี้ยงสัตว์กลายเป็นสวนยางพารา ถนนหนทางก็ไม่สะดวก ทุนหายกำไรหด หนี้สินก็ท่วมท้น ซื้อหวยก็ไม่ถูก มีปัญหาบังปัญญาจนมืดมิด

ถามว่า..

..พวกผมไปซื้อเหล้ามากินได้ไหมครับ?

..พวกผมเล่นไพ่ได้ไหมครับ?

ตัวอย่างพวกนี้ใครนำร่องไว้ก็ไม่รู้

~!$&*&~~%$%%%#@@!

~!$&*&~~%$%%%#@@!

การอบรมดูงานมากล้นจนเหลือเฝือ

ชาวบ้านเบื่อจำใจเข้าเป็นแนวร่วมแบบงั้นๆ

บางหน่วยงานก็จัดให้มันจบๆไปตามใบสั่ง

การศึกษาดูงานถูกบรรจุในพันธกิจของทุกองค์กร

เมื่อความซ้ำซ้อนเป็นขยะมันจึงด้อยค่าลงไปเรื่อยๆ

เกิดอาชีพรับจ้างอบรมทั้งหมู่บ้าน

ไปเอาค่าหัวมากกว่าเอาความรู้..

หน่วยงานไหนหาคนอบรมไม่ได้ขอไปที่อบต..> > >

กระเป๋าเสื้อผ้าพร้อมที่จะเดินทางในฐานะผู้สนใจให้ใครก็ได้

ไปนั่งป๋อหลอเต็มห้องร่วมพิธีเปิด

หลังจากนั้นอีแอบจะทยอยกลับบ้าน

พอจะดำเนินการอบรม..อ้าว!

สมาชิกหายไปไหนหมด

เหลืออยู่แต่กระป๋องกระแป๋ง

หน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการถึงกับนั่งกุมขมับ

การอบรมแบบเดี๊ยงทั้งประเทศ

ฤๅอาชีพรับจ้างอบรมเดินทางมาถึงจุดสุดท้ายแล้วกระมัง

การเข้าถึงวัฒนธรรมในแต่ละพื้นถิ่นเป็นการบ้านที่ต้องทำ

การสร้างความเข้าใจล่วงหน้าเป็นสิ่งสำคัญ

การเตรียมสารสนเทชุมชนเป็นหัวใจของพันธกิจ

การตีแตกโจทย์ร่วมกันจะคลุกเคล้าความฝันใฝ่

การถ่ายเททุกข์สุขนำมาซึ่งความ-เห็นใจ-เข้าใจ-ตั้งใจ

การทิ้งช่วงว่างได้ฉุกคิดบ้างเป็นการเว้นวรรคความเครียด

การแลกเปลี่ยนความปรารถนาดีเป็นครรลองที่จะคลี่ใจให้กระจ่าง

การมุ่งมั่นจัดการอบรมแบบทุ่มเทเต็มที่ต่างจากละครอบรมแน่นอน

ปัญหาหนักอกของนักก่อการทางสังคม อยู่ที่ไม่รู้ว่าจะเกณฑ์เอาคนที่ไหนมาร่วมกระบวนการ การจัดอบรมสัมมนาตามปกติทั่วไปของหน่วยราชการหรือหน่วยงานต่างๆเริ่มประสบปัญหาที่ว่านี้ นอกจากจะต้องค่าเดินทาง-คาที่พักตามปกติแล้ว ยังต้องมีค่าหัว/ค่าเงินติดกระเป๋า คิดเป็นค่าเสียเวลาจ้างให้มาเอาความรู้

..ถ้าอยากให้ฉันมีความรู้

เธอต้องจ้างฉันมารับรู้ และต้องบริการฉันดีๆด้วย..

รถต้องมารับส่งกันบันไดบ้าน

ต้องมีรายการแวะเที่ยวสนุกๆด้วยนะ

เหล้ายาปลาปิ้งอย่าได้ขาด

เกิดเป็นกระบวนการสร้างเงื่อนไขในเข้าอบรม

เหตุการณ์นี้กระจายทั่วถึงไปทุกวงการณ์

ที่ทำให้ผู้จัดงานสัมมนาใจตุ๊บๆต๊อมๆ

ต้องสร้างเงื่อนไขมาจัดการอย่างรัดกุม

แม้แต่ม๊อบต่างๆนี่ก็เถอะ

ที่เกณฑ์คนมาจัดฉากเย๊วๆเอาเป็นเอาตายได้นั้นก็ต้องจ่ายจนหน้ามืด

ประชาสังคมแบบซื้อหามันก็อ่วมอย่างนี้แหละ

ในเมื่อระบบราชการห่วยแตกเรื่องการจัดอบรมสัมมเน่าจนเข้าตาจน

ทำลายวัฒนธรรมการแสวงหาความรู้จนยับเยิน

หน้าแตกเย็บไม่ติดจะไปคิดบัญชีเอาที่ใคร?

ถ้ายังตั้งเข็มทิศแห่งตนไม่ได้

เรื่องขอกินเหล้าจะตอบว่ายังไง

เอาอย่างนี้ดีไหม

จะนึ่งข้าวเหนียวร้อนๆ แกงอ่อมอร่อยๆ ลาบปลาดุกให้ชิม

ใจเย็นๆ..เหมือนน้ำลวกไก่

ปัญหาที่เกิดจากความเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องใหญ่

เมื่อสังคมชนบทพื้นถิ่นถูกวัฒนธรรมใหม่บดขยี้

ความรู้ความสามารถและทักษะชีวิตขายไม่ออก

เพราะรูปแบบของวิถีชนบทเปลี่ยนไป

วิชาเอาควายไถนา เคียวเกี่ยวข้าว นวดข้าวด้วยแรงคน

แม้แต่การปักดำก็มีรถดำนามาทดแทน^^พูดไม่ได้ไอไม่ดัง

ฟังไปแล้วไม่ได้ใช้>>

ไม่เฉพาะเรื่องทำนาหรอกนะ

ทุกเรื่องนั่นแหละที่ทำให้วิชาความรู้ยุคเก่าตกรุ่น

ถามว่า..ผู้นำชุมชน พ่อแก่-แม่เฒ่าว่า..

จะเอาความรู้อะไรไปถ่ายทอดลูกหลาน

สภาพการณ์ตกอยู่ในอาการปีนเกลียว

ถามนักวิชาการว่า..

แผนงานพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่สอดรับกับความจริงอยู่ตรงไหน?

คนยุคเก่าจะเอาอะไรมาถ่ายทอดคนรุ่นใหม่

มนุษย์พันธุ์เก่ากับมนุษย์พันธุ์ใหม่จะเรียนเรื่องอะไร?

กรณีเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

การเกณฑ์คนมายัดเหยียดความรู้ตามสไตล์ราชการ

มันก็ไอ่แค่นั้นแหละ

ถูลู่ถูกังกันไปอย่างน่าเวทนา

อนิจจา อนิจจัง พุทธถัง พุทธเท

กระบวนการ แห้วเห แล้วฤๅ

พอดี พอเพียง พอเดี๊ยง

จุดเปลี่ยนอยู่ตรงไหน? อยู่ตรงไหน? อยู่ตรงไหน?

อิ

อิ

อิ

« « Prev : สะกดรอยคนบ้านนอก

Next : วิชาเกินเผชิญวิชาการ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

3 ความคิดเห็น

  • #1 freemind ให้ความคิดเห็นเมื่อ 26 มิถุนายน 2010 เวลา 12:34

    อ่านแล้วเจ็บจี๊ด ๆ ที่หัวใจ…

    ละครสัมมนา เปิดใจยาใจได้ดูชม…
    ก็รู้ทั้งรู้ ก็ยังต้องทำกันไป
    เหมือนดูละครโรงใหญ่ เฮ ๆ กันเข้าไป…
    ดูแล้ว…ก็เหมือนเดิม

    สาูธุค่ะ

  • #2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 26 มิถุนายน 2010 เวลา 13:05

    -ขออภัยมณีที่เว้าซื่อๆ ตีขลุมไม่แยกแยะ
    -หน่วยงาน/องค์กร ที่เขาทำดีคิดดี มีการแก้ไขปัญหาอยู่ตลอดก็ใช่ว่าไม่มี
    -บ่ายวันนี้ดีใจที่เห็นรายการทีวี สทท รายการประเด็นดังหลังข่าว
    -เอาคริปเริ่มรายการ คนคิดบวก ที่สวนลุมมาออกอากาศ

  • #3 freemind ให้ความคิดเห็นเมื่อ 27 มิถุนายน 2010 เวลา 14:31

    ครูบาคะ

    ที่เจ็บจี๊ด ๆ เพราะแทงใจดำ เป็นจริงดังที่ครูบาว่าไว้เลยค่ะ

    ไม่กล้าสัญญาว่า หากได้มีโอกาสเป็นผู้จัดการสัมมนาต่อไป… จะทำให้ดีกว่านี้…
    เพราะคิดมาหลายครั้ง แต่…แห้ว ๆ ๆ ๆ

    ;)


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.60491108894348 sec
Sidebar: 0.26058483123779 sec