สะกดรอยคนบ้านนอก
อ่าน: 5345ช่วงที่มาตั้งท่า ตั้งตา รอประชุมบ้าๆบวมๆที่เมืองกรุง
มีโอกาสนัดพบกระตู้วู้กับเครือญาติสายเหนือสายใต้
ได้เจ้าหนูสิบล้อพาลุยกรุงเทพแบบระทึกระทวยใจ
“เอ๊ะ ตรงนี้เลี้ยวได้ไหม”
“สัญญาณไฟมองหาไม่เห็น”
“รถเราอยู่ข้างหน้าเลย ไม่รู้จะดูคันไหนเป็นตัวอย่าง”
การเรียนรู้แบบปัจจุบันทันด่วน มันตื่นเต้นจนตับหดจริงๆนะพี่น้อง แล้วฝีมือฝีเท้าฉายาสิบล้อนั้นไม่ใช่ว่าจะมีใครอุปโหลกเกินความจริง ผมว่าสิบล้อเรียกพี่ได้ด้วยซ้ำไป ทั้งๆที่ไม่ชำนาญเส้นทาง ไม่รู้ว่าไปถูกหรือผิด คุณเธอก็บึ่งจนเป็นปกติวิสััย สี่แยกกรุงเทพนั้นมันซ้อนแยกกันไว้ ป้ายอ่านก็ไม่รู้อยู่ไหน เป็นความกล้าหาญชั้นพิเศษส่วนตัวจริงๆ ลองนึกดูเถิดคนที่ไม่รู้ไม่ชำนาญเส้นทางไปไหนด้วยกัน 2 คน มันจะเป็นจะได๋ผ้อง..ระหว่างนั่งรถผมก็โทรถามทางคนโน้นคนนี้ บอกถูกมั่งผิดมั่ง ถามแท๊กซี่บ้าง เด็กปัมท์บ้าง กว่าจะรอดมาได้ก็อ่วมอรทัย เป็นบริการที่หาไม่ได้อีกแล้วในโลกนี้
ช่วงเที่ยง-บ่าย
ไปกินเป็ดย่างเจ้าอร่อยที่สุดในโลก
น้าอึ่ง-ป้านาย-ผม-เป็นผู้โดยสาร
ออกจากโรงแรมก็เลาะไปตามถนนไม่รู้กี่สาย
แต่ก็มาถึงได้ด้วยความชำนาญพิเศษของป้านาย
จอดรถปุ๊บ!..รีบวิ่งไปถาม
คนขายบอกเหลืออยู่แค่นี้ (สักครึ่งตัวได้)
รีบบอกเอ๊ามาเลย
สั่งคอเป็ดย่าง-หมูกรอบมาสมทบ
ชวนกันพุ้ยข้าว-เป็ดอย่าง-อิ่มจนอืด
ทุกคนลงความเห็นเป็นเขาอร่อยขั้นเทพจริงๆเน้อ..
หมดกังวลเรื่องปากท้อง
ชวนกันย่องไปดูพิพิธภัณฑ์สักทอง
อยู่ในบริเวณวัดเทวราชกุญชร วรวิหาร
ตามประวัติบ้านไม้สักหลังนี้อยู่ที่จังหวัดแพร่
ศ.ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน ชื่อแล้วชะลอมาไว้ที่นี่
ปรับปรุงไปตบแต่งหมดเงินไป110 ล้านบาท
เดินเข้าไปก็จะเจอวงปีไม้สักตามหลักวิทยาศาสตร์ แสดงข้อมูลเปรียบเทียบเหตุการณ์สำคัญในช่วงการเจริญเติบโตของวงปีแต่ละวง มีข้อมูลแสดงความเป็นมาของบ้านไม้หลังนี้ นอกจากเราจะได้ชื่นชมบ้านไม้สักที่สวยที่สุดแล้ว ภายในก็วิจิตรบรรจงยิ่งนัก มีหุ่นขี้พึ่งพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 19 พระองค์ และหุ่นขี้ผึ้งไฟเบอร์กลาสพระอริยสงฆ์ 10 องค์ เช่น
หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์
ครูบาศรีวิชัย
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
หลวงปู่โต๊ะ
หลวงพ่อโต พรหมรังสี
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
พุทธทาสภิกขุ
หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ
ภาพหุ่นปั้นได้เหมือนกับท่านยังมีชีวิต ชมใกล้ๆคล้ายกับท่านยิ้มให้และทุกทายเรา ก้มกราบแล้วเดินชมห้องต่างๆ ภาพพระบรมสาทิสลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสวยมาก บางห้องแสดงเหรียญที่ได้รับพระราชทานในงานสำคัญๆต่างๆ ชมจนจุใจแล้วออกไปไหว้พระประธานที่โบสถ์หลังใหญ่ แวะดูปลาที่ท่าน้ำเทเวศร์ แล้วไปหาน้าแป๊ดที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ หมอเจ๊มาสมทบเพิ่มขบวน หารือกันว่าจะไปฝากท้องมื้อเย็นที่ไหนดี บังเอิญของฝากไปใต้ยังอยู่ที่โรงแรมมารวย คณะจึงยกโขยงไปเอาของฝากเสียก่อน หลังจากนั้นก็ไปแวะที่ร้านนนทรี ที่อยู่ในบริเวณสำนักงานศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ฝั่งตรงกันข้าม
คนเยอะ กินเก่ง อาหารอร่อย
ป้านายเป็นเจ้ามือเลี้ยงทุกมื้อ
ขอให้ป้าอายุหมั่นขวัญยืน
จะเป็นผู้ อุปการะคุณลูกหลานไปอีกนานเท่านาน
ระหว่างที่เดินออกมา อ้าวววว!!
เจอหญิงใหญ่ (คุณทิพวรรณ ปิ่นภิบาล) กำลังร้องเพลง
แหม..เสียดาย ถ้านั่งข้างนอกคงได้ขอเพลงระเบิดไปแล้ว
ได้แต่โบกมือบ๋าย บาย
คณะทัวร์แก้เคล็ด(แห้ว) มาส่งผมที่โรงแรม
มีเจ้าหน้าที่ T&Tมานั่งรอปรึกษาแผนงานอบรม
จึงต้องแยกย้ายรายการดวลพุงกันแต่เพียงเท่านี้
ตั้งใจจะรายงานเมื่อคืนนี้
แต่หลับคาเตียงเสียก่อน อิ อิ..
เท่านี้นะครับ ผมกันใหม่เมื่อสวรรค์มีตา
เมื่อวานตื่นสาย ก็ดูบอลนั่นแหละ กลับไปบ้านนอกดูไม่ได้ ทั้งๆที่จานดาวเทียมดำมันคุยนักคุยหนา สุดท้ายก็แนะนำให้เราไปซื้อเสารับแบบนวดกุ้งมาใช้ นี่แหละการบริการแบบไทยแลนด์ มันชุ่ยกี่เต็มที ระหว่างที่นั่งๆนอนๆ ดร.ต่ายโทรมา บอกว่าเธอได้รับการคัดเลือกเป็นกรรมการกกต.แล้ว จะมารับไปเที่ยวไปฉลองตำแหน่งใหม่ อีกครึ่งชั่วโมงมาถึงให้แต่งตัวคอย
ระหว่างนั้นแห้วก็โทรมา..
พ่อคร๊าบบบ..ขอเวลาเคลียคิวที่โรงเรียนแล้วจะมาหา
ผมบอกว่าจะออกไปแล้ว มีสาวๆมารับไปเที่ยว
แห้วถามจะไปที่ไหน เดี๋ยวจะตามไป
ผมไม่รู้จะบอกยังไงว่าไปที่ไหน
เพราะเจ้าภาพไม่ได้บอกไว้
พอขึ้นรถดร.ต่ายถามว่า..จะไปเที่ยวไหนดี
อ้าว!ๆๆ นึกว่ามีแผนไว้แล้ว
ดร.ต่าย ให้เหตุผลว่า วันนี้จะบริการแบบว่าอยากไปเที่ยวไหนก็จะพาไป เมื่อคืนนอนดึก อากาศกรุงช่วงกลางวันก็อบอ้าว จะไปไหนดีหว่า ครั้นจะลงเรือท่องเจ้าพระยาก็เกรงว่าแห้วจะตามมาไม่ถูก ผมก็เลยเลือกไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เพราะไม่ได้มาชมเกือบ20ปีคงจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงดีขึ้นบ้าง และแล้วก็ไม่ผิดหวัง พิพิธภัณฑ์แห่งชาติจัดแสดงไว้ดีมากแม้จะอยู่ในช่วงปรับปรุง เดินชมจนเมื่อยปรึกษากันว่าจะไปเจี๊ยะมื้อกลางวันที่ไหนดี ผมเห็นว่า “สกายไฮ” อยู่ใกล้ๆ จึงแว๊บไป ปรากฎว่า ดร.ต่ายรู้จักเจ๊เจ้าของร้าน เคยไปอบรมเรื่องอาหารครัวโลกด้วยกัน โธ่ก็ไม่บอก..
ระหว่างนั้นน้าอึ่งโทรมาว่าไปตลุยห้างสรรพสินค้าที่จุฬา
จะกลับรถทัวร์เที่ยว3ทุ่ม นัดกินข้าวเย็นกันไหม
น้าคงโทรหาแห้ว..
ปรากฎว่าแห้วหายไปดูการแสดงอะไรสักอย่างตอน2ทุ่ม
รายการดวลมื้อเย็นจึงเอวังด้วยประการละฉะนี้
เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นว่า..แห้วยังไม่ละลดมาตรฐานลงแม้แต่น้อย
แคว๊กๆๆ
« « Prev : ประเทศไทยจะบ่ายหน้าไปทางไหน?
Next : สัมมนาจนเน่าทั้งกะบิ » »
4 ความคิดเห็น
คนบ้านนอก คนนอกระบบ…ท่านมาเมืองกรุง
สนุกจังค่ะ
เสียดายพลาดโปรแกรม ไม่ได้ไปร่วม…
รักษาสุขภาพบ้างนะคะ ไม่งั้นไม่มีแรงไปให้ข้อคิดเห็นเด็ด ๆ กับคณะกรรมการ ฯ
;)
เอาไว้คราวหน้าถ้ามีรายการปะเหมาะกระเทาะหน้าแว่น
ลองมาร่วมรายการกับชาวคณะแซ่เฮนะครับ
ระรองสนุกแน่ๆๆๆๆๆๆ
อยากจะทักทายหลายท่าน แต่กลัวจำชื่อผิด แต่ที่จำชัดๆ คือ น้าแป็ดครับ
แห้วคราวนี้ตะเวนไปรับมรดกเกือบครบ
อิอิอิ
วันหน้าจะไม่ยอมแห้วอีกแล้วล่ะ