ความรู้ที่ชิมได้

โดย sutthinun เมื่อ 7 มิถุนายน 2010 เวลา 7:31 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 3089

ช่วงหัวค่ำฝนเทลงมาอย่างหนัก ถามว่าตกมากแค่ไหน ก็อึ่งอ่างออกมาร้องนั่นแหละครับ ถ้าไม่มีน้ำนองให้ว่ายเล่น อึ่งจะไม่ออกมามาหรอกนะครับ ชาวบ้านมีวิธีวัดปริมาณน้ำฝน ด้วยการประเมินประมาณเอาจากปรากฏการที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ แทนที่จะฟังผ่านไปเฉยๆ ก็สังเกตเอาประโยชน์ด้วยภูมิปัญญาตามประสาคนบ้านป่า แต่ฝนคราวนี้เกิดเรื่องแปลกอยู่อย่างหนึ่งคือ เสียงฟ้าร้องจะมาหลังจากที่ฝนผ่านไปแล้ว และส่งเสียงครืนครางต่อเนื่องกันยาวนานมากเท่าที่เคยมีมา ไม่ทราบว่าฟ้าส่งรหัสอะไรมาเตือนมนุษย์หรือเปล่า

(ไก่ป่าออกมาช่วยกำจัดแมลง)

อากาศเย็นชื้นเช่นนี้ไม่มีอะไรดีกว่านอนแต่หัวค่ำ

คว้าหนังสือทศชาติไปนอนอ่านอย่างมีความสุข

แต่ก็หลับผล็อยไปในเวลาไม่นานนัก

ตื่นมาอ่านต่อเอาตอนย่ำรุ่ง

จวนสว่างสังเกตเห็นแมลงมันตัวดำๆบินมาเล่นไฟ

ตกเกลื่อนตามพื้นจำนวนมาก

-คางคกออกมากินแมลงอย่างอร่อย

-ไก่ป่าเจ้าประจำออกมาเก็บตก

-มดดำก็จะออกมาลากไปเข้ารังจนหมดสิ้น

(หอมผักแขยง ยามฟ้าแดงต้องลมมา)

ฟ้าเปิดแล้ว..เสียบปลั๊กกาต้มน้ำ

อากาศชื้นฉ่ำอย่างนี้ไม่มีอะไรดีกว่าดื่มน้ำชาอุ่นๆ

แวดวงน้ำชากำลังเป็นที่ฮือฮาในหมู่ผู้รักษาสุขภาพไม่น้อย

มีชาสมุนไพร-ชาจีน-ชายุโรป-สูตรใหม่ๆแปลกๆเรียงล่ายซ่ายมาเสนอ

เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับลางเนื้อชอบลางยา

ผมมีปัญหาหลอดลมคร๊อกแคร๊กประจำตัว

มีเรื่องภูมิแพ้มาเยือนเป็นบางครั้ง

จึงสนใจดื่มน้ำชาตอนเช้าตรู่เพื่อให้กายใจอบอุ่น

คนเราถ้าอุ่นกายอุ่นใจอะไรๆก็จะกระฉับกระเฉงใช่ไหมละครับ

ผมทดลองชิมชาหลายสำนัก ในขณะเดียวกันก็พยายามค้นหาสูตรใหม่ๆอยู่เรื่อยๆ ระยะนี้สนใจเรื่องการดื่มชาจากสมุนไพรสดๆของไทย เช่น ทดลองดื่มชากระเพา ปลูกง่าย-เด็ดง่าย-ดื่มง่าย-มีน้ำมันระเหยกลิ่นหอมชื่นใจ..

ไปตลาดเจอผักแขยงก็เอาทดลองปลูกในกระถางตอตาล ลองเด็ดผักแขยงยอดหนึ่งใส่ผสมลงไปในชากระเพา..ได้กลิ่นผสมที่หอมและรสดี น่าจะเป็นชาถ้วยใหม่สำหรับวันนี้ แต่ในวันข้างหน้าก็จะมีชากลิ่นใหม่ๆตามมา เพราะเราจะชิมชาจากสมุนไพรที่อยู่รอบข้างตัวไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้สูตร-โดนใจ-โดนสุขภาพ-โดนรสนิยม-และโดนคุณประโยชน์แวดล้อม ..อร่อยยังไงเอาไว้รายงานอีกทีนะครับ

กระเพาเป็นสมุนไพรที่รู้จักกันมาแต่โบร่ำโบราญ และเป็นที่นิยมในหลายประเทศ ที่อินเดียถือว่าเป็นสมุนไพรที่พระเจ้าประทานให้เลยละครับ ส่วนผักแขยงนั้น คนที่รู้จักจะทราบดีกว่ามีกลิ่นหอมเกือบฉุนเลยละครับ คนเขมรอีสานเรียกว่าผักอีออม นิยมเอามาใส่แกงปูใส่เผือก หรือใส่ในแกงอ่อมแกงป่าทั่วไป บางคนเอามาจิ้มน้ำพริก ผมเคยเจอที่ท้องนาอำเภอลำปลายมาศ ผักแขยงขึ้นแทรกอยู่ในท้องนาแน่นพรึดไปหมด เมล็ดแก่ที่หล่นจะเกิดใหม่หมุนเวียนตามฤดูกาล ผักแขยงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ทราบว่าบางหมู่บ้านมีการเพาะปลูกไว้จำหน่าย ใบผักแขยงตากแห้งยังใส่แกงให้หอมอร่อยได้ไม่แพ้ใบสด ลองค้นดูตารางการส่งผักสมุนไพรไปต่างประเทศ ก็ยังมีชื่อผักแขนงร่วมด้วย

ข้อมูลบางส่วน

ชื่อไทย :

ผักแขยง

ชื่อสามัญ :

-

ชื่อวิทยาศาสตร์ :

Limnophila aromatica (Lomk.) Merr.

ชื่อวงศ์ :

SCROPHULARIACEAE

ลักษณะทั่วไป :

เป็นพืชล้มลุกสะเทินน้ำสะเทินบก ชอบขึ้นในน้ำหรือที่ชื้นแฉะพบมากในนาข้าว ลำต้นอวบน้ำ สูง 15-20 ซม. ใบเป็นใบเดี่ยวรูปหอกไม่มีก้านใบ ขอบใบจักเป็นฟันเลื่อย ใบออกตรงกันข้ามและตั้งฉากกับคู่ถัดไป ดอกออกเป็นช่อที่มุมโคนกิ่ง ก้านช่อดอกยาวมีขน กลีบดอกสีม่วงแดงโคนกลีบติดกันเป็นหลอดยาว ปลายกลีบแบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนที่หนึ่งมี 2 กลีบ อีกส่วนหนึ่งมี 3 กลีบ ต้นและใบเมื่อหักดูจะมีกลิ่นหอมฉุน

ประโยชน์ :

ใช้รับประทานเป็นผักสด หรือปรุงอาหารประเภทต้มแกง มีสรรพคุณทางสมุนไพรรักษาโรค

ประกาศกรมวิชาการเกษตร

เรื่อง มาตรการตรวจสอบเชื้อจุลินทรีย์ Escherichia coli (E.coli) และ Salmonella ในผักสดก่อนการส่งออกไปนอกราชอาณาจักร ด้วยประเทศนอรเวย์ห้ามนำเข้าผักสดของไทยเป็นการชั่วคราว ๘ ชนิด คือ ผักชีไทย ผักชีฝรั่ง ใบกะเพรา ใบโหระพา ผักแขยง ใบสะระแหน่ ผักแพรว และต้นหอมจากประเทศไทย เนื่องจากตรวจพบเชื้อจุลินทรีย์ Escherichia coli (E. coli) และ Salmonella ที่มีผลกระทบต่อระบบ ทางเดินอาหารและประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปหลายประเทศก็ตรวจพบเช่นเดียวกัน ซึ่งอาจมีผลกระทบ ต่อการส่งออกผักสดของไทยในตลาดยุโรปได้ กรมวิชาการเกษตรจึงเห็นสมควรที่จะกำหนดขั้นตอนการส่งออกผักสดทั้ง ๘ ชนิด ไปนอกราชอาณาจักร เพื่อให้มีคุณภาพเป็นมาตรฐานเดียวกัน ดังนี้

. ให้สินค้าผักสด ๘ ชนิด คือ ผักชีไทย ผักชีฝรั่ง ใบกะเพรา ใบโหระพา ผักแขยง ใบสะระแหน่ ผักแพรว และต้นหอม ที่จะส่งออกไปยังประเทศนอร์เวย์และสหภาพยุโรปเป็นสินค้า ที่ผู้ส่งออกต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการควบคุมเชื้อจุลินทรีย์ Escherichia coli (E. coli) และ Salmonella และต้องมีหนังสือรับรองของกรมวิชาการเกษตรก่อนการส่งออกโดยให้ยื่นคำขอและแจ้งสุ่มตัวอย่าง ณ สำนักวิจัยและพัฒนาวิทยาการหลังการเก็บเกี่ยว และแปรรูปผลิตผลเกษตร

. กรณีที่ผู้ส่งออกไม่มีเอกสารใบรับรองปลอดเชื้อจุลินทรีย์มาแสดง ณ จุดส่งออก เจ้าหน้าที่ด่านตรวจพืช ณ จุดส่งออก จะทำการตรวจสอบในสินค้าผักสดที่จะส่งออกทั้งหมด ก่อนออกใบรับรองปลอดศัตรูพืชกำกับให้

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑ กันยายน ๒๕๔๘ เป็นต้นไป

« « Prev : เรียนในป่า

Next : แย้มรับวสันตฤดู » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

4 ความคิดเห็น

  • #1 freemind ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 มิถุนายน 2010 เวลา 11:24

    สวัสดีค่ะครูบา

    เมื่อวานอ่านบันทึกนี้ของครูบา เลยเหลือบไปเห็น “ต้นกะเพรา” ที่แอบขึ้น ไม่ได้ปลูก ….
    เมื่อเช้า ก็เลยลองเด็ดมา 5-6 ใบ ใส่น้ำร้อนพร้อมกับ ดอกอัญชัน 5 ดอก … สีสวยและหอมได้รสชาติดีค่ะ
    คราวนี้รู้แล้ว ต้องลองชาชนิดต่าง ๆ ดังที่ครูบาว่าค่ะ
    ส่วนผักแขยงยังไม่มีที่บ้าน เลยยังไม่ได้ลอง

  • #2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 มิถุนายน 2010 เวลา 16:54

    สนุกกับการชิมชา ที่เราคิดสูตรขึ้นมาเอง
    ทดลองไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้ชาที่โดนใจ อิอิ

  • #3 freemind ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 มิถุนายน 2010 เวลา 20:37

    พรุ่งนี้จะลองสูตรใหม่….
    ทดลองชาใบมะรุมกับอัญชัน…ผสมชาจีนเจียวกู้หลานด้วยค่ะ
    ;)

  • #4 กระแต ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 กรกฏาคม 2010 เวลา 0:14

    อยากได้ข้อมูลของผักชีไทยและโหระพาน่าสนใจดีค่ะ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.6860990524292 sec
Sidebar: 0.3998920917511 sec