:ยู้ฮู..ต้นทุนทางสังคมไทยอยู่ไหน?
อ่าน: 1997
(สถานการณ์ร้อนๆอย่างนี้ ชิมไอติมทอดก็ดีนะครับ)
พี่น้องที่รักทั้งหลาย
ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ผมก็วุ่นๆอยู่กับการเตรียมการบ้าน ไปนำเสนอนักศึกษาโข่งสสสส.2 ที่สถาบันพระปกเกล้าพรุ่งนี้ตอนบ่าย ตอนเย็นมีงานสังสรรค์ระหว่างรุ่นพี่กับรุ่นน้อง มีขาใหญ่แห่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเป็นเจ้าภาพหลัก อุตส่าห์ส่งเทียบเชิญไปถึงที่สวนป่า แต่อนิจจา..วาสนาแห้ว ผมอยู่ร่วมงานไม่ได้ เพราะมีนักศึกษาแพทย์ไปนอนรอเป็นโขยง ต้องรีบเผ่นกลับไปทำการบ้านแห่งที่2
ในกรณีการบรรยายให้นักศึกษาโข่ง ซึ้งล้วนแล้วแต่เป็นจอมยุทธระดับพระกาฬเรียกพี่ คนบรรยายที่รู้แค่หางอึ่งจึงจำเป็นต้องแสวงหาวิธีไม่ให้ตกม้าตาย แต่ก็ไม่แน่หรอกนะ พรุ่งนี้อาจจะตายอย่างเขียดก็ได้ แต่ถึงยังไงก็เถอะ ป้าหวานรับรองเมื่อเช้านี้แล้วว่า..มะเร็งยังไม่ถามหา เมื่อไม่มาเราก็อยู่ ทำหน้าที่มนุษย์ต่อไป ได้เตรียมPower Point.2ชุด ในหัวข้อ..
:ภูมิปัญญาท้องถิ่น
:ต้นทุนทางสังคมไทย
:ในการจัดการความขัดแย้ง
หัวข้อนี้จะไม่ให้หนักใจกระไรได้ ในเมื่อต้นทุนทางสังคมไทยไม่รู้อยู่ที่ไหน ใครเห็นบ้าง.. ความรักความสามัคคี จารีตประเพณี วัฒนธรรม สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติ สภาวะทางเศรษฐกิจ/สังคม/การศึกษา/การพัฒนาล้วนถอยหลังเข้าคลอง ทุนที่มีอยู่กลายเป็นทุนที่อิหลักอิเหลื่อ ไปๆมาๆทำท่าจะเป็นลิงหลอกเจ้าไปเสียทุกเรื่อง ความเสื่อมสลายทางวัฒนธรรมคือความล่มสลายของชาติครับ
ประเทศเรามีฐานทุนทางสังคมเหลือกระปริดกระปรอยเต็มทีครับ สถาบันชาติ-สถาบันศาสนา-สถาบันพระมหากษัตริย์ ตกอยู่ในอาการที่น่าเป็นห่วง ในเมื่อคนเราอยู่กันอย่างกินทุน ทำลายทุน แล้วจะมาถามหาทุนที่ไหนอีกละครับ คนไทยรุมเขมือบทุนของสังคมอย่างตะกรุมตะกรามไปหมดแล้ว ทุกวันนี้จึงต้องกระเสือกกระสนหาทุน ไปพึ่งทุนภายนอก นำเข้าทุน นำเข้าความรู้ นำเข้าเทคโนโลยี ฯลฯ ต้องอาศัยทุนสารพัดสาระพัน ยอมศิโรราบทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งทุน ยอมแม้แต่จะจ่ายค่าโง่สม่ำเสมอ
ถาม
ภูมิปัญญาท้องถิ่นมองเรื่องการจัดการความขัดแย้งอย่างไร?
ตอบ
เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับว่า..เราอยู่กับความรู้ และวิธีคิดอย่างไร
ความรู้เรามีอานุภาพเพียงพอที่ไปจัดการความขัดแย้งแล้วหรือยัง
ถ้ายังไม่มีคำตอบ
ขออนุญาตเรียนว่า..ควรไปศึกษาก่อน
จะไปศึกษาอะไร ก็ควรรู้ว่ามิติทางการศึกษาเป็นอย่างไร
มิติการศึกษาชีวิตเพื่อสังคม
ต้นไม้ไม่เคยดูดน้ำและปุ๋ยจากดินมาเลี้ยงตัวเองอย่างเดียว
หากยังคายน้ำและทิ้งกิ่งใบเป็นปุ๋ยกลับคืนผืนดิน
อีกทั้งยังให้อาหาร และให้ที่พักพิงแก่สรรพสิ่งทั้งปวง
มนุษย์เราก็เช่นกัน
ควรรู้จักตอบแทนผู้มีพระคุณ และทำตนให้เป็นประโยชน์แก่โลก
พินิจดูให้ดี ต้นไม้ยังรู้จักเปลี่ยนแสงแดด ให้กลายเป็นร่มเงา
เปลี่ยนขยะมูลฝอยในดินให้ กลายเป็นดอกไม้และผลไม้หอมหวาน
พระไพศาล วิสาโล
มิติการศึกษากับประชาธิปไตย
..การศึกษาที่พรั่งพร้อมที่จะให้เกิดประชาธิปไตย
ควรมี 3 องค์ คือ มีทั้งศีล มีทั้งสมาธิ มีทั้งปัญญา
..การศึกษาที่ขาดศีล ขาดระเบียบวินัย ขาดสมาธิ
ขาดการสร้างจิตใจที่เข้มแข็งมั่นคง
จึงไม่อาจจะเป็นพื้นฐานที่ดีของการสร้างประชาธิปไตยได้
พระพรหมคุณาภรณ์
การศึกษากับภารกิจทางวัฒนธรรม
..ถ้าเรารับวัฒนธรรมอื่นในลักษณะที่เรียกว่าเลียนแบบ
ก็จะเป็นการถูกครอบงำ
..แทนที่จะเลียน ก็เปลี่ยนเป็นเรียน
เมื่อเราเรียนก็คือการที่เราสามารถถือเอา
ประโยชน์จากของเขาได้ และเอามาใช้ให้เป็น
ประโยชน์เข้ามาเสริมเนื้อตัวของเรา
พระพรหมคุณาภรณ์
ความหมายของการศึกษา
ที่จริงคำว่าศึกษา เป็นการปฏิบัติ ไม่ใช่เล่าเรียน
เล่าเรียนเป็นเบื้องต้นของการศึกษา
ถ้าพูดให้เต็มก็คือ เรียนให้รู้เข้าใจ และทำให้ได้ให้เป็น
หรือเรียนรู้และฝึกทำให้ได้ผล จึงจะเรียกว่าการศึกษา
ไม่ใช่เรียนแต่เนื้อหาวิชาอย่างเดียว
สาระสำคัญของการศึกษา
..การพัฒนาคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์นั่นแหละ
เป็นเนื้อเป็นตัว เป็นความหมายที่แท้ของการศึกษา
..แม้ว่าตัวการศึกษาที่แท้จะเป็นเรื่องบุคคล
แต่สังคมก็ยังสามารถจัดปัจจัยต่างๆ
การอำนวยให้การศึกษาเกิดขึ้นแก่บุคคลนี้เอง
ที่เรียกว่าการให้การศึกษา
ปัญหาพื้นฐานของการศึกษา
..เมื่อพูดถึงปัญหาของการศึกษานั้น
จะต้องมองไปที่ปัญหาของสังคมทั้งหมด หรือปัญหาของโลก
ฉะนั้นจะต้องแยกให้ถูกต้อง
เราจะนึกถึงปัญหาการศึกษาวนอยู่ในวงการศึกษาไม่ได้
การที่จะใส่ใจ..เอาใจใส่การศึกษา
ก็คือมองเห็นคนเป็นผู้ก่อหวอดของปัญหา
การศึกษาจึงมีหน้าที่ที่จะสร้างคนหรือพัฒนาคน
ให้ลดการสร้างปัญหา แล้วกลับมาช่วยกันแก้ไขปัญหา
การศึกษากับการสร้างผู้นำรุ่นใหม่
..การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญที่จะสร้างคนชั้นนำหรือปัญญาชนชั้นนำ
ควรเป็นการศึกษาที่ผลิตคนรุ่นใหม่ให้เป็นผู้นำได้จริง
คือต้องเป็นคนที่รู้จักสังคมไทย
เป็นคนที่พูดกับชาวบ้านรู้เรื่อง
อยู่กับชาวบ้านได้
เป็นคนที่ชาวบ้านเชื่อถือและนับถือจนนำชาวบ้านได้
ไม่ใช่เป็นการศึกษาที่แยกคนรุ่นใหม่ออกจากสังคมไทย
ทำให้คนไทยรู้สึกแปลกหน้ากัน
ควรเป็นการศึกษาที่ทำให้คนไทยเข้าใจกัน และรู้ทันคนนอก
ไม่ใช่สร้างคนไทยที่ฝากใจไว้กับคนนอก
การศึกษากับความเปลี่ยนแปลง
.. การศึกษามีความมุ่งหมายประการหนึ่ง
คือไม่ให้คนเป็นทาสของความเปลี่ยนแปลง
แต่ให้เป็นผู้มีความสามารถนำการเปลี่ยนแปลงได้
คือให้เป็นอิสระอยู่เหนือการถูกกระทบกระแทกชักพาโดยความเปลี่ยนแปลง
และนำความรู้เท่าทันต่อเหตุปัจจัยของความเปลี่ยนแปลงนั้นมาชี้นำ
จัดสรรความเปลี่ยนแปลงให้เป็นไปในทางที่เป็นผลดีแก่ตนได้
ทุกข์หรือสุขมีประโยชน์ทั้งนั้น
..ความทุกข์ใดๆผ่านเข้ามาในชีวิต
ล้วนแต่มาเติมความแข็งแกร่งให้เราทั้งสิ้น
บางทีก็น่าขอบคุณความทุกข์เหมือนกัน
แต่เมื่อเราได้เก็บความแข็งแกร่งนั้นมาแล้ว
ก็ไม่จำเป็นต้องเก็บต้นตอไว้ให้มันเหมือนเรือข้ามฟาก
เมื่อเราขึ้นฝั่งแล้วก็ไม่ต้องคิดอีกว่าเรือลำนั้นมาจากไหน
แต่เราควรจะคิดว่าเราจะไปไหนต่อมากกว่า
..อาหารของความทุกข์ คือความสนใจของเรา
เรายิ่งสนใจมันมาก ความทุกข์ก็จะอ้วนมาก
มันจะมีอายุยืนยาว และยิ้มแก้มปริ เมื่อเห็นน้ำตาเราร่วง
รู้อย่างนี้แล้ว เราก็เริ่มงดอาหารมัน
มันเศร้ามากที่เราไม่สนใจ แล้วมันก็ฝ่อตายไป
ความทุกข์จะเก่งกาจขนาดไหน มันก็ตายเป็นเหมือนกัน
..ไม่มีใครรู้ว่าวันตายจะมาถึงเมื่อไหร่
แต่ธรรมดาแล้วมักจะรู้สึกว่ามันจะไม่มาถึง
เรายังวางใจว่ามีเวลาอีกนาน เลยยังไม่เลิกทะเลาะกัน
บางคู่แก่จวนจะเข้าโลงแล้วก็ยังทะเลาะกันอยู่นั่นแหละ
ความชราไม่สอนให้รู้ว่า
ควรจะใช้ชีวิตให้มีความสุขหรืออย่างไร
..บางคนมีชีวิตอยู่เพื่อช่วยเหลือคนอื่น
บางคนกลับทิ้งชีวิตลงขวดเหล้าอย่างน่าเสียดาย
ถูกคนด่าว่า “เมาเหมือนหมา”
ในความเป็นจริงหมามันไม่เคยเมาหรอก
คนรูปหล่อแถมมากด้วยอัฉริยะภาพ ทำอะไรดูดีไปหมด เจอกันวันนี้มีหนังสือดีมาอวด อ่านแล้วภูมิคุ้มกันหัวใจพุ่งปริ๊ด เป็หนังสือที่คุณหมอจอมป่วนถอดบทความออกมาจากลานปัญญา เสนอเรื่องบอกเล่าที่..นักกระบวนกรควรรู้ แต่ไม่ค่อยมีคนพูดถึง ผู้เขียนพยายามเลี่ยงเรื่องราวที่มีท่านอื่นเขียนไว้ในตำรามากแล้ว เรื่องสนุกๆที่ได้อ่านจึงเป็นเกล็ดเด็ดๆอ่านแล้วแม้แต่พยาธิยังเผลออมยิ้ม หนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็น 3 ตอน
- ป่วนกระบวนกร
- ป่วนจิต
- ป่วนเรื่อง(เขา)เล่า
ผมได้อ่านแล้ว นับว่าตัวเองช่างวาสนาดีเหลือเกิน ที่ได้รู้จัก ได้พูดคุย ได้เรียนรู้จากคุณหมอที่ไม่ธรรมดาท่านนี้ ขอบคุณนักการอิ่ม ที่ได้ช่วยเลือกเอาเรื่องที่บันทึกในลานปัญญามาเก็บไว้ในรูปหนังสือ เป็นการนำร่องให้ชาวเราเกิดกำลังใจที่จะรวบรวมเรื่องของตนเองออกมาคนละเล่มสองเล่ม เมื่อนำมาเชื่อมร้อยความคิดความรู้ซึ่งกันและกัน ก็จะออกมาในรูปของพลังทางสังคม ที่จะนำไปสู่การบูรณาการสังคมโดยรวมทั่วไป หนังสือเล่มนี้ขอรับจากผมก็งั้นๆแหละ ถ้ารับจากมือคุณหมอจอมป่วนด้วยตนเอง นอกจากได้ลายเซ็นที่ระลึกแล้ว ยังได้กอดเป็นของแถมอีกต่างหาก หนังสือเขาดีจริงๆขอบอก คุณหมอยังใจดีมอบหนังสือมาให้จำหน่ายเอารายได้สมทบทุนกิจกรรมของมหาชีวาลัยอีสาน ดังนั้น..ถ้าสั่งที่สวนป่า จะได้บัตรคิวไปรับกอดภายหลัง..อิอิ..
ข้อเสนอแนะ
ควรเปิดพื้นที่ทางสังคม
เปิดพื้นที่ทางปัญญา
สร้างเครือข่ายกระตุ้นต่อมอยากเรียนรู้ให้แก่คนไทย
จัดม็อบสังคมอุดมปัญญา
กรณีตัวอย่าง เช่น
กระบวนการเชื่อมโยงที่ไม่เป็นทางการเรียกว่า กลุ่มเฮฮาศาสตร์
ประกอบด้วยคนไทยในหลากหลายกลุ่มอาชีพหลายสถานะ
ใช้อินเตอร์เน็ทเป็นสะพานเชื่อมโยงกัน
เปิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ตามกระบวนการKM.ธรรมชาติ
ท่านสามารถเข้าไปค้นหาได้ที่”ลานปัญญา”
แล้วท่านก็จะได้รู้จักชาวเฮฮาศาสตร์อย่างชื่นมื่น
ที่สำคัญ..จะได้รู้ว่า..ชาวเฮฮาศาสตร์กำลังก่อร่างสร้างทุนให้แก่สังคม
ท่านใดจะร่วมเป็นเพื่อนเดินทาง 2 มือล้วงกระเป๋า 2เท่าก้าวเข้ามา..
อิ อิ..
คัดจาก power point.การบ้านบางส่วนที่จะนำเสนอวันพรุ่งนี้
« « Prev : รักต้นไม้ไม่มีคำว่าอกหัก
8 ความคิดเห็น
เย้..ได้อ่านก่อน นักศึกษา สสสส….อิอิ
อุ้ยไวยิ่งกว่าจรวด ตั้งแต่ย้ายห้องลงมาชั้น 2 แคว๊กๆ
พรุ่งนี้รีบสะสางงานที่มุก แล้วเข้าขอนแก่น หากไม่ติดขัดอะไรจะเดินทางต่อมาสวนป่าครับ ไม่แน่ใจว่า ออตกับป้าหวานจะมาด้วยกันได้หรือไม่ เพราะท่านทั้งสองก็มีภาระกิจล้นอก
-ถ้าป้าหวานกับออตมาได้ มาพร้อมกับท่านบางทราย ผมจะตำน้ำพริกละลายป่าให้ชิม
-คุณหมอจอมป่วนมาถึง 23 ตอนค่ำ
-มะเดี่ยวมาแน่ แต่ไม่รู้ช่วงไหน
-รอกอด กับผม จะถึงสวนป่า 1 ทุ่มวันพรุ่งนี้
-ดีใจแทนนักศึกษาแพทย์รุ่นนี้ ที่จะได้เจอชาวเฮฮาศาสตร์มากหน้าหลายตา
พรุ่งนี้ต้องไปเรียนแล้ว สสสส2 บังเอิ้น..บังเอิญ ได้อ่านหัวข้อที่จะไปฟังบรรยายในวันพรุ่งนี้แล้ว แต่มันก็ยัง งง!
ยินดีครับ ที่จะได้เจอกัน
อาจจะหาย งง หรือ งง เพิ่มก็ได้นะครับ อิอิ
เสียใจไม่ได้ไป สลับตารางสอนบ่ได้เลย
อดกินน้ำพริก…………………………….
ถ้าเจออาจารย์บางทรายจะฝากบีโกเนียให้ไปงามที่สวนป่าครับ
วาสนาแห้วแล้วละออตเอ๋ย อาจารย์บางทรายมาถึงตอน1ทุ่ม ป่านนี้นอนแล้วละมั๊ง