ยุทธการโส่เหล่
อ่าน: 2317
แปลความตามภาษาพื้นถิ่นอีสาน โสเหล่หมายถึงการจัดวงสนทนาตามวิถีไทอีสานบ้านเฮา ไทอีสานนั้น..เมื่อใดมีจังหวะดีๆก็จะนัดหมายมาพบปะพูดคุยปรึกษาหาหรือกันตามวาระสะดวก นอกจากความคิดถึง ก็เตรียมของฝากมาต้อนแบบ “หนุ่มนาข้าว สาวนาเกลือ” เจ้าเรือนก็จะจัดอาหารเลี้ยงดูปูเสื่อ หลังจากทักทายไหว้กันตามธรรมเนียม ลูกเต้าก็จะเรียงร่ายส่ายมาแนะนำอี่นางน้อยนี่ลูกคนโน้น บักหำน้อยนี่หลานคนนี้ เรียกว่าครบเครื่องเรื่องกระบวนการสมานฉันท์อย่างแท้จริง ไม่ใช่นั่งคนละด้าน โต้กันไปกันมาผ่านไมโครโฟน ทั้งๆที่นั่งใกล้จนลมหายใจจะรดต้นคอ
เมื่อวานตอนบ่ายมีคณะครูละเมิดอธิปไตยบุกมารดน้ำ
กำลังนอนเพลินๆ.. งีบด้วยแหละ
นุ่งผ้าโสร่งแถมไม่ใส่เสื้ออีกต่างหาก
เป็นแฟชั่นครึ่งท่อนคอลเล็คชั่นสวนป่าขนานแท้
อ้าว!..มะรุมมะตุ้มกันมา
หลังจากนั้นก็ล้อมวงถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกัน
ครูก็จะเล่าเรื่องอะไรละครับนอกจากการศึกษา
มี..งบไทยเข้มแข็งอุดหนุนให้แต่ละเขตพื้นที่การศึกษา
เปิดการสอนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงอย่างเต็มที่
ก็เป็นเรื่องดีนะครับ..ผมจะรอดู
ช่วงนี้ไม่ได้ออกไปไหน เตรียมการเรื่องนักศึกษาแพทย์จะลงมาเร็วๆนี้ ต่อเนื่องด้วยงานใหญ่ระดับงานภูเขาทองเรียกพี่ในต้นเดือนหน้า ผมคิดว่างานใหญ่ไม่ใหญ่อยู่ความตั้งใจของทั้ง2ฝ่าย เท่าที่สนทนานอกรอบเป็นระยะๆ ทั้งครูอึ่งครูอารามและอุ้ยสร้อยอัดฉีดพลังเต็มที่ อยากจะให้ฝันเป็นจริง ขนความปรารถดีใส่ลงในงานนี้จนท่วมท้นใจ ในช่วงดังกล่าว ผมก็ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมคณะอื่นๆจึงมะรุมมะตุ้มชนกันจังเบ้อเร่อ
1. หมอJJชวนชาวรังสีโรงพยาบาลขอนแก่นมาวันที่ 5 ไป-กลับ
2. คณะอาจารย์พระจอมเกล้าธนบุรี มา1รถตู้วันที่8 ไป-กลับ
3. คณะนักศึกษา ป.เอก มหาวิทยาลัยราชภัฎมหาสารครามมาวันที่
8-9ประมาณ18ชีวิต คณะนี้ไล่ยังไงก็ไม่กลับ ทราบว่าท่านอาจารย์โสรีช์ โพธิแก้ว พาลูกศิษย์หัวแก้วหัวแหวนมาโขยงใหญ่ ก็ต่อรองจะขอเรียนรู้แบบประชิดติดพัน บอกว่าไม่สะดวกยังไงก็ยอม ผมเห็นความดันทุรังตั้งใจดีก็หยวนๆ เอาเป็นว่านักศึกษาชายปูเสื่อนอนชมดาวที่ลานร่มไม้ ส่วนนักศึกษาสุภาพตรี อาจจะให้นอนโรงแรมในตัวอำเภอ แต่อาจารย์ก็ยังต่อรองอีก จะขอให้ลูกศิษย์นอนกลางดินกินกลางทรายเหมือนคณะครูอึ่งทั้งหมด เอาละสิ! ร้อนๆอย่างนี้คุยกันดึก รอให้อากาศเย็นๆจึงแยกย้ายกันไปนอน ก็คงได้งีบกันไม่มากนัก ตี4ไก่ก็จะโก่งคอปลุกแล้ว แต่ก็ดีนะครับจะได้เรียนวิชาตื่นพร้อมไก่ ใครขยันก็งัวเงียออกมาพบปะกันยามย่ำรุ่ง บ่ายๆจะให้แยกไปพักผ่อนชดเชยตามอัธยาศัย บางกลุ่มอาจจะสันทะนาฯหรือสนทนาก็ไม่ว่ากัน
ตอนเย็นจะชวนทำอาหารเมนูสะเด็ด ทีมภาคเหนือจะตำน้ำพริกอ่อง แกงบ่าหนุนหรือฯลฯก็ได้นะ ทีมสวนป่าจะให้ชิมอาหารพื้นเมือง ผัดสมุนไพรกระทะร้อน มีน้ำมะขาม-ใบเตยหอมเป็นเครื่องดื่มแก้กระหายตลอดงาน มีตะลิงปริงสดให้ใส่ยำแทนมะนาว เราจะแบ่งกลุ่มทำอาหารทุกวัน กลุ่มไหนเสน่ห์ปลายจวักฝีมือตก จะให้เหมาโหลล้างจาน ผลการตัดสินของคณะกรรมการถือว่าเด็ดขาด อิ อิ..
การจัดค่ายช่วงร้อน
จุดคลิ๊ก! อยู่ที่ได้เผชิญกับสภาพธรรมชาติรอบๆตัวเรา
ปีนี้มีปรากฏการณ์แปลกๆค่อนข้างมาก
ถ้าได้เรียนวิชาปรับตัวปรับใจให้เข้ากับทุกมิติสภาวะโลก(ร้อนๆ)
ซึ่งจะชวนชมในจังหวะที่เดินชมแปลงสวนครัว-สวนป่า และจัดกิจกรรม
และรับฟังแง่มุมสาทกของท่านอาจารย์โสรีช์ โพธิแก้ว
ลองอ่านตัวอย่างนิดๆที่ผมขออนุญาตยกมาเป็นน้ำจิ้ม..
คนเราแต่ละคน เกิดมาเพื่อเป็นของขวัญอันสวยงามให้แก่โลก
โลกทั้งโลกแสดงความยินดี
ด้วยการให้ความเกื้อกูลอย่างสมบูรณ์
คนเราได้รับอากาศอันบริสุทธิ์สำหรับการเริ่มชีวิตใหม่
ได้น้ำมาสร้างความชุ่มฉ่ำให้ชีวิต
ได้รับแสงแดดจากดวงตะวัน
ได้รับความเกื้อกูลจากพื้นดิน ให้พืชพรรณต่างๆ
ได้รับความรักจากบุคคลรอบๆตัว
เสียงนกร้องและสายลม เป็นบทเพลงธรรมชาติ
กล่อมให้กัวใจรื่นรมย์
ชีวิตใหม่ทุกชีวิตที่เกิดขึ้นในโลก
จึงเป็นของขวัญแห่งธรรมชาติ
ซึ่งได้รับเกื้อกูลจากสรรพสิ่ง
ให้ดำเนินความเจริญเติบโตและงอกงาม
เป็นของขวัญอันน่าชื่นชม
มนุษย์พึงนึกถึง
ความเกื้อกูลที่เขาได้รับจากสรรพสิ่ง
เพื่อจะได้รู้สึกซาบซึ้งและดิ่มด่ำกับคุณค่าแห่งชีวิต
ทั้งจะได้เกิดความรู้สึกอ่อนน้อม
และขอบคุณ ต่อสรรพสิ่งรอบๆตัว
ร้อนๆอย่างนี
ควรเดินเบาๆ
หายใจเบาๆ
คิดเบาๆ
ยิ้มน้อยๆ
ค่อยๆใคร่ครวญ
ถ้ายังลดกระแสความร้อนไม่ได้
อาจจะชวนเล่นสาวน้อยปะแป้งก็ได้นะอุ้ย
งานนี้ห่วงแต่ป้าหวาน หมั่นแง้มดูวีซ่านะครับ
อิ.. อิ..
Next : รักต้นไม้ไม่มีคำว่าอกหัก » »
6 ความคิดเห็น
งานนี้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินได้ติดต่อมาว่าอยากมาด้วย
ได้ประสานหลายครั้งแล้ว อยากได้กำหนดการ ก็รออยู่ว่าจะให้ส่งที่แมว เอ้ยเมลไหน
เจอกันจั๋ง ๆ ครั้งนี้ น้าจะขอนอกรอบเครือข่ายคนดี “นะพ่อนะ”
ไม่รออะไรให้พร้อมแล้ว เท่าไหน เท่านั้น
…..
ร้อนจริง ๆ เด้อคา
…..
อยากนุ่งโสร่งเหมือนพ่อ แต่เกรงวาบหวิว อิอิอิอิ
จ๊ากส์ๆๆๆๆๆน้าเอ๊ย
แซวคนแก่ มีความสุข ก็แซวไปเถิด แคว๊กๆ
ขอให้ลูกหว้าได้เป็น ดร.เร็วๆ อิอิ
ดูแล้ว..คนจะถึงพันละมั้งคะ..ฮ่าๆๆ
ครูบาคะ..มาหลายกลุ่มก็ไม่เป็นไร..ลองคิดแบบหยิบพลังกลุ่มมาช่วยการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้กลุ่มอื่นๆ คร่าวๆ แบบนี้ค่ะ
โปรแกรมที่อยากให้เห็นจริง…อาจจะมีพระเอกตัวหลัก 2 คน ในเรื่องของการนำแนะการเรียนรู้ …ก็คือครูบาและ อ. โสรีย์
การจัดการเรียนรู้ มีการเดินไปตามโปรแกรม…อย่างยืดหยุ่น…ถ้าจะให้ “ได้” อย่างที่ตั้งใจ…
1น่าจะมีทีมที่จะดูแลในด้านของขั้นตอนการดำเนินการ….การใช้ความละเอียดอ่อนต่ออารมณ์การเรียนรู้…หน้าที่นี้ น่าจะยกให้กับทีมจิตวิทยา
2 ยกหน้าที่ครัวให้หนึ่งคนเป็นหัวหน้าวางแผนการ..มีช่วงเวลาให้หัวหน้าครัวได้บอกเล่าก้าวสิบ ทุนทางทรัพยากรที่มี และเปิดพื้นที่การเรียนรู้การจัดการให้กับคนที่มา..น่าจะยกหน้าที่นี้ให้กับทีม ผู้ตรวจการฯ ที่น่าจะชำนาญด้านการจัดการทรัพยากร
3 การลองสร้างทฤษฎีการเรียนรู้ใหม่ๆ จากประสบการณ์สวนป่า…น่าให้ทีมนักศึกษาปริญญาเอกทำเป็นแบบฝึกหัดนำแลกเปลี่ยน
โปรแกรมที่เขียนคร่าวๆนั้น ทุกคืนจะมีการสะท้อนคิดการเรียนรู้ ….วิธีการนำเสนอรวมทั้งการจะสะท้อนแบบทีมหรือแบบเดี่ยวเป็นเรื่องของคนเรียน …โปรแกรมนี้สำคัญกับการพัฒนาตัวเองของผู้เรียน…และฝึกได้หลายทักษะ..เขียนไว้ว่าครูบาและทีมวิทยากรนำ…คิดว่าโยนไมค์ไม่ยากค่ะ..น้าอึ่งน่าจะเป็นหัวหน้าทีมได้
มีอีกกี่กลุ่มก็ได้มั้ง..ถ้าหากว่า ตั้งใจมาเพื่อ “แลกเปลี่ยนเรียนรู้” กันค่ะ