ผมอยากให้คนทั้งโลกรู้จักแม่ติ๋ว

โดย sutthinun เมื่อ 23 ธันวาคม 2009 เวลา 18:41 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 2235

ช่วงไปอุบลเที่ยวนี้ ได้รับหนังสือที่อ่านมันส์มาก แทบวางไม่ลง ต้องอ่านช้าๆหลายๆรอบ เป็นหนังสือที่ได้รับแจกในงานเลี้ยงฉลองปริญญาดุษฎีบัณฑิต ของแม่ติ๋ว หรือคุณธาสินี น้อยอินทร์ แห่งบ้านโฮมฮัก เมืองยโสธร ซื่่อ “ลุกขึ้นสู้ด้วยธรรมมะ” ทุกย่อหน้า..กระแทกตากระแทกใจเราอย่างสะบักสะบอม เป็นเรื่องจริงๆของนักสู้ชีวิตที่สุดแสนจะโลดโผน ผมได้รับแจกมาเล่มเดียว ถ้ามีมากก็จะส่งเป็น ส.ค.ส.ให้ที่รักทุกท่าน หนังสือแม่ติ๋วจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์แซเทอเดย์ ในเครือของสยามอินเตอร์มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) ราคา175บาท ในหนังสือเล่มนี้..แม่ติ๋วปลดปล่อยทุกอย่างที่ผ่านมาในประสบการณ์ชีวิตได้อย่างน่าทึ่งบวกอึ้งๆๆๆกิมกี่

“..ติ๋วไม่ทราบว่าผู้เสพหนังสือนี้จะเป็นใคร ติ๋วไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก ..สภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แต่อย่างน้อยๆ ติ๋วรู้สึกอุ่นใจ ภาคภูมิใจที่ติ๋วได้มีโอกาสบอกแนวทางปฏิบัติของติ๋วในแต่ละวันให้กับผู้ป่วยทางใจ และป่วยทางกาย ได้เรียนรู้ว่ายังมีคนทุกข์มากกว่าเรา ยังมีคนเจ็บปวดมากกว่าเขา  ประสบปัญหาและอุปสรรคมากกว่าเขา  แต่เชื่อว่าทุกคนน่าจะมีวิธีคิด มีหนทางในการแก้ปัญหานั้นได้  ติ๋วไม่อยากให้ใครต้องมาจมกับเรื่องโชควาสนาหรือโทษดวงชะตาหรืออะไรต่างๆ แต่ติ๋วอยากให้เชื่อมั่นในสิ่งที่เกิดกับตัวเองในวันนี้

แม่ติ๋วป่วยเ็ป็นโรคมะเร็งในลำใส้

ทุกข์ทรมานนานับประการ

แทนที่จะคิดเรื่องความเป็น-ตายของตัวเอง

เธอกลับลุกขึ้นมาสร้างบ้านโฮมฮักด้วย2มือ

โดยไม่เคยร้องขอความช่วยเหลือจากใคร

บ้านโฮมฮักเป็นที่พักพิงของเด็กๆที่ติดเชื่อHIV.ในจังหวัดยโสธร

แม่ติ๋วสู้ชีวิตอย่างหัวชนฝา

เคยนอนกลางถนนให้รถมาทับให้ร่างแหลกราญเสียที

แต่ก็อยู่รอดมาได้จนวันนี้

เพื่อจะมาเล่าเรื่อง..

” วันหนึ่งเมื่อถึงเวลาที่น้องจากไป เด็กกลุ่มนี้จะเศร้าและเจ็บปวดที่สุด เพราะเขาเฝ้ากันมา หรือแม่บางคนที่เฝ้าฟูมฟักเด็กคนนี้มา แล้วเด็กคนนั้นมีอันเป็นไป แม่กลุ่มนั้นก็จะซึมเศร้ามาก ..แล้วเมื่อวันที่เขาจะไปจากพวกเรา ..เราจะมาช่วยกันบีบนวดให้กัน ไม่ใช่บีบนวดให้เขาผ่อนคลาย แต่เราบีบนวดเพื่อให้เด็กรู้สึกตัวว่ามีคนที่เขารักอยู่ใกล้ๆ เล่านิทานให้ฟัง..เพราะฉะนั้นเวลามีเด็กเสียชีวิต  เสร็จสรรพจนเอาน้องใส่ผ้าห่ม ยกผ้าห่มลงในโลง ตลบผ้าห่มปิดหน้าน้อง ใครอยากร่ำลาน้องครั้งสุดท้าย บางคนจะไปเอาขวดนม ตุ๊กตา ไปเอาอะไรต่ออะไรที่คิดว่าน้องจะใช้ ติ๋วไม่ห้ามเลย ติ๋วปล่อย เอาเลยลูกใส่โลงไป บางคนเอาข้าวใส่จานข้าว กลัวน้องหิว,,”

” ติ๋วเองเคยพูดว่า ชีวิตติ๋วไม่มีอะไรเจ็บกว่านี้อีกแล้ว ชีวิตติ๋วไม่มีอะไรน่ากลัวกว่านี้อีกแล้ว อดีตที่ผ่านมามีเรื่องให้หวาดกลัวเยอะแยะมากมาย วันนี้ติ๋วก้าวข้ามความเจ็บด้วยการพิจารณาที่ใจตัวเอง มันเจ็บเพราะอะไร เจ็บเพราะอับอาย เจ็บเพราะไม่สู้ เจ็บเพราะเรากระทำการอะไรที่ไม่พึงประสงค์ต่อผู้อื่น แล้วเขาแสดงท่าทีไม่เหมาะสมกับเรา ไม่ใช่เพราะเขาไม่รักเรา เป็นเพราะเราแสดงไม่ดี”

มูลนิธิสุธาสินี น้อยอินทร์ เพื่อเด็กและเยาวชน

3 หมู่ 12 บ้านประชาสรรค์ ต.ตาดทอง อ.เมือง จ.ยโสธร 35000 โทรศัพท์ 045-722-241

อีเมล์ : s...@yahoo.co.th

รถราติดเป็นตังเมอย่างนี้ มีหนังสือดีๆสักเล่มนอนเอกเขนกอ่าน คุณเอ๋ยจะมีความสุขสักปานไหน ..เรื่องการอ่านเป็นปมด้อยของคนเอเซีย สงสัยว่าจะชอบคุยมากกว่าอ่าน แต่ผมชอบอ่านมากกว่าคุย จึงดีใจทุกครั้งที่มีญาติๆส่งหนังสือมาให้ ช่วงที่ได้รับหนังสือเล่มใหม่จะนอนกระสัีบกนระส่าย ถ้านอนมากก็ได้อ่านน้อย ถ้านอนน้อยก็ได้อ่านมาก ด้วยเหตุนี้แหละครับที่ผมแหกตารางนาฬิกาชีวิิตอยู่บ่อยๆ

ปีนี้ก็มีหนังสือดีๆตุนไว้อ่านมากเสียด้วย

ถ้าจะหายหน้าไปจากบล็อกบ้างก็เพราะเหตุนี้ละครับ

แคว๊กๆๆ..

« « Prev : ได้โอกาส หรือได้โอยั๊วะก็ดีทั้งนั้น

Next : ลาปีเก่ามาเว้าวอน » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

9 ความคิดเห็น

  • #1 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 ธันวาคม 2009 เวลา 19:15

    พี่ติ๋ว สุธาสินี น้อยอินทร์ค่ะพ่อ ดีใจที่พ่อรู้จักคนจริงเมืองยศ ตอนอยู่ยส.มีโอกาสเจอพี่ติ๋วบ้างไม่มากนัก เคยไปอบรมด้วยกัน เคยคุยกัน เคยพบกันบ้าง 2 - 3 ครั้งเมื่อพี่ติ๋วไปช่วยเด็กที่สงสัยว่าถูกละเมิดทางเพศในหมู่บ้านซึ่งพี่ติ๋วมีวิธีการพูดคุยได้นุ่มนวลแบบที่เบิร์ดทำไม่ได้

    พี่ติ๋วป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้ายมานานมากจนหมอทึ่งว่าพี่ติ๋วอยู่ได้ยังไง เพราะนับถอยหลังมาจนติดลบไปแล้ว …พี่ติ๋วอยู่ได้ด้วยใจที่ไม่ยอมแพ้และรักคนอื่นน่ะค่ะ

    เวลาที่เด็ก ๆ บ้านโฮมฮักเอาของไปขายตามงานต่าง ๆ พี่ติ๋วจะบอกเสมอว่ากรุณาอย่าซื้อเพราะสงสาร แต่ถ้าจะซื้อขอให้ซื้อเพราะเห็นคุณค่าที่เด็ก ๆ ตั้งใจทำ…และพี่ติ๋วมักจะสอนเด็ก ๆ ว่าถ้าเราอยากให้คนรัก ก็ต้องทำตัวให้เขารัก เป็นคำสอนง่าย ๆ แต่ใช่นะคะพ่อ

    พี่ติ๋วอยู่ยส.ตั้งแต่สมัยยังใช้ม้าเป็นพาหนะจนถึงปัจจุบันน่ะค่ะ ไม่ใช่คนยส.แต่ทำเพื่อเมืองยส. ถ้าจำไม่ผิดพี่ติ๋วเคยบอกว่าเป็นคนภาคกลาง ตอนที่ยส.ยังไม่มีบ้านพักพิงเพื่อเด็กที่ถูกทำร้ายหรือละเมิดทางเพศ บ้านโฮมฮักของพี่ติ๋วนี่แหละค่ะที่รับเป็นที่พักใจชั่วคราวของเด็ก

    น่าเีสียดายว่ารพ.ยส.มีเงื่อนไขมากมายในการรับบริการทำให้พี่ติ๋วต้องหอบเด็ก ๆ ไปรับบริการที่รพ.อำนาจเจริญแทน เพราะเด็กต้องรับยาสม่ำเสมอ ซึ่งการเดินทางข้ามจังหวัดทำให้เสียค่าใช้จ่ายมาก ซึ่งเบิร์ดไม่สาสมารถช่วยเหลืออะไรได้ในเรื่องนี้ เพราะเป็นนโยบายของรพ.และเสียงเบิร์ดไม่ดังพอ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เบิร์ดเจ็บใจที่สุดเลยค่ะ

    พี่ติ๋วรักษาตัวด้วยการกินมังสวิรัติ สวนลำไส้และมีคนใจดีออกทุนในการบินไปรักษาตัวที่ญี่ปุ่น และฝังเข็มที่คลินิกในกทม.

    ดีใจที่พ่อเจอพี่ติ๋วนะคะ จนถึงทุกวันนี้เบิร์ดก็รู้สึกยิ่งกว่าคำว่าชื่นชมกับพี่ติ๋วเสมอ

  • #2 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 ธันวาคม 2009 เวลา 19:45

    โฆษณาชิ้นนี้ ดัดแปลงมาจากเรื่องข้างบนครับ http://www.youtube.com/watch?v=NFTlHsjWxIc

  • #3 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 ธันวาคม 2009 เวลา 20:11

    แม่ติ๋วเธอเป็นมนุษย์พิเศษจริงๆ เสียดายแทน ร.พ.ยโสธร ที่ไม่ได้ร่วมมือกันทำหน้าที่มนุษย์
    ดีใจที่เบิร์ดได้รู้จักและพูดคุยกับเธอ
    นานๆจะได้พบคนหัวใจแกร่งเป็นเลิศ คิดดี ทำความดีอย่างมโหระทึก
    อ่านที่เธอเขียนเธอสื่อออกมาแล้ว ทึ่งๆๆๆๆ

  • #4 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 ธันวาคม 2009 เวลา 20:13

    เรื่องเด็กไทยนับวันจะวิกฤติจนยากจะเยียวยา ถ้าไม่ช่วยกันอย่างแข็งแรงของทุกฝ่าย

  • #5 ถัง ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 ธันวาคม 2009 เวลา 23:04

    ข้อความในภาพ
    เป็นประโยคที่ตัดมาจากสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์ที่ประทับใจมาก (จนเอาไปบันทึกใน Blog)
    เรื่อง : Melody of Life
    ความยาวของหนัง : 03:00 นาที
    สินค้า : ไทยประกันชีวิต
    Brand Name : Thailife Insurance
    Agency : Ogilvy & Mather Advertising (THAILAND)

              ตอนนั้น ไม่ทราบจริงๆ ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง มาวันนี้ พ่อครู เล่าให้ฟัง ทำให้ซึ้งหนักเข้าไปอีก

              โอ้  โลกนี้ช่างสุดวิเศษ  ประเทศไทยเราช่างน่าอยู่  เพราะมีคนดีแสนดีเข่นนี้อยู่กับพวกเราด้วย 

              และได้ดูซ้ำแล้วซ้ำอีก ที่ รอกอด link มาให้ดู

              แล้วก็ชวนให้คิดถึง….น้องธวัชชัย….. 

  • #6 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 ธันวาคม 2009 เวลา 4:41

    อยากให้อาจารย์ ถัง ได้อ่านหนังสือเล่มนี้
    เป็นวิชาสาระชีวิตสดๆที่เต็มปลื้มเต็มอิ่มจริงๆ
    ข้อความที่ถูก..(สงสัยโฆษณาจะตีความเพี้ยนไปนิดหน่อย) เราอยู่เพื่อทำให้ชีวิตอื่นมีคุณค่า และๆๆ…

    W..เพราะในชีวิตมันไม่มีฟ้าหลังฝน หรือฟ้าก่อนฝน
    ชีวิตมันพร้อมที่จะตายทุกเมื่อ
    เพียงแต่เราเท่าทัน เราเท่าทันมากขึ้น
    เราเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้น ที่เป็นความจริงมากขึ้น ..

    w..มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อตอนยังมีชีวิตอยู่
    เราไม่ค่อยได้ดูแลกันเลย
    เรากอดกันเต็มที่แล้วหรือยัง
    เราได้ป้อนข้าวกันหรือยัง
    เราได้เช็ดฉี่เช็ดอึให้กันไหม
    เราชอบมาเขียนคำเยินยอกันที่เชิงตะกอน
    ซึ่งเป็นเรื่องที่ล่าช้าผู้ที่ลาล่วงไปไม่ได้รับรู้ใดๆด้วยเลย
    เหตุเพราะเราละเลย ละวาง การดูแลใจกันและกัน รึเปล่า!!

  • #7 Lin Hui ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 ธันวาคม 2009 เวลา 11:10

    เรื่องราวของ คุณติ๋ว บ้านโฮมอัก และมูลนิธิโฮมฮัก ได้ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ มีรายการทีวีที่คนรู้จักมาทำสารคดีเกี่ยวกับ ชีวิตที่ต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ทำให้คนไทยส่วนหนึ่งได้รับรู้เรื่องราว ความเป็นอยู่จริงของผู้หญิงคนหนึ่งที่ลุกขึ้นมาปกป้องเด็ก….ดูแลเขาจนเขาสิ้นลมหายใจ ไปกับความรักของผู้ที่ไม่ใช่พ่อแม่หรือแม้แต่ญาติพี่น้อง ขอยกย่องและสนับสนุนการทำงานของคุณติ๋วแห่งบ้านโฮมฮัก เป็นตัวอย่างของคนดีของประเทศไทยค่ะ

  • #8 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 ธันวาคม 2009 เวลา 13:25

    ขอบคุณอาม่าที่มาเติมเต็มข้อมูล

  • #9 ถัง ให้ความคิดเห็นเมื่อ 24 ธันวาคม 2009 เวลา 20:31

    โดนจริงๆ 
    เหมือนมีหยดน้ำอมฤต มาเติมในถัง

    ..เพราะในชีวิตมันไม่มีฟ้าหลังฝน หรือฟ้าก่อนฝน
    ชีวิตมันพร้อมที่จะตายทุกเมื่อ
    เพียงแต่เราเท่าทัน เราเท่าทันมากขึ้น
    เราเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้น ที่เป็นความจริงมากขึ้น ..

    ขออนุญาตตอกย้ำเข้าไปในก้นบึ้งของจิตสำนึกอีกทีนะคะ พ่อครู….ที่รัก 


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.81603193283081 sec
Sidebar: 0.066950082778931 sec