ผมอยากให้คนทั้งโลกรู้จักแม่ติ๋ว
อ่าน: 2290ช่วงไปอุบลเที่ยวนี้ ได้รับหนังสือที่อ่านมันส์มาก แทบวางไม่ลง ต้องอ่านช้าๆหลายๆรอบ เป็นหนังสือที่ได้รับแจกในงานเลี้ยงฉลองปริญญาดุษฎีบัณฑิต ของแม่ติ๋ว หรือคุณธาสินี น้อยอินทร์ แห่งบ้านโฮมฮัก เมืองยโสธร ซื่่อ “ลุกขึ้นสู้ด้วยธรรมมะ” ทุกย่อหน้า..กระแทกตากระแทกใจเราอย่างสะบักสะบอม เป็นเรื่องจริงๆของนักสู้ชีวิตที่สุดแสนจะโลดโผน ผมได้รับแจกมาเล่มเดียว ถ้ามีมากก็จะส่งเป็น ส.ค.ส.ให้ที่รักทุกท่าน หนังสือแม่ติ๋วจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์แซเทอเดย์ ในเครือของสยามอินเตอร์มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) ราคา175บาท ในหนังสือเล่มนี้..แม่ติ๋วปลดปล่อยทุกอย่างที่ผ่านมาในประสบการณ์ชีวิตได้อย่างน่าทึ่งบวกอึ้งๆๆๆกิมกี่
“..ติ๋วไม่ทราบว่าผู้เสพหนังสือนี้จะเป็นใคร ติ๋วไม่มั่นใจเท่าไหร่นัก ..สภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แต่อย่างน้อยๆ ติ๋วรู้สึกอุ่นใจ ภาคภูมิใจที่ติ๋วได้มีโอกาสบอกแนวทางปฏิบัติของติ๋วในแต่ละวันให้กับผู้ป่วยทางใจ และป่วยทางกาย ได้เรียนรู้ว่ายังมีคนทุกข์มากกว่าเรา ยังมีคนเจ็บปวดมากกว่าเขา ประสบปัญหาและอุปสรรคมากกว่าเขา แต่เชื่อว่าทุกคนน่าจะมีวิธีคิด มีหนทางในการแก้ปัญหานั้นได้ ติ๋วไม่อยากให้ใครต้องมาจมกับเรื่องโชควาสนาหรือโทษดวงชะตาหรืออะไรต่างๆ แต่ติ๋วอยากให้เชื่อมั่นในสิ่งที่เกิดกับตัวเองในวันนี้
แม่ติ๋วป่วยเ็ป็นโรคมะเร็งในลำใส้
ทุกข์ทรมานนานับประการ
แทนที่จะคิดเรื่องความเป็น-ตายของตัวเอง
เธอกลับลุกขึ้นมาสร้างบ้านโฮมฮักด้วย2มือ
โดยไม่เคยร้องขอความช่วยเหลือจากใคร
บ้านโฮมฮักเป็นที่พักพิงของเด็กๆที่ติดเชื่อHIV.ในจังหวัดยโสธร
แม่ติ๋วสู้ชีวิตอย่างหัวชนฝา
เคยนอนกลางถนนให้รถมาทับให้ร่างแหลกราญเสียที
แต่ก็อยู่รอดมาได้จนวันนี้
เพื่อจะมาเล่าเรื่อง..
” วันหนึ่งเมื่อถึงเวลาที่น้องจากไป เด็กกลุ่มนี้จะเศร้าและเจ็บปวดที่สุด เพราะเขาเฝ้ากันมา หรือแม่บางคนที่เฝ้าฟูมฟักเด็กคนนี้มา แล้วเด็กคนนั้นมีอันเป็นไป แม่กลุ่มนั้นก็จะซึมเศร้ามาก ..แล้วเมื่อวันที่เขาจะไปจากพวกเรา ..เราจะมาช่วยกันบีบนวดให้กัน ไม่ใช่บีบนวดให้เขาผ่อนคลาย แต่เราบีบนวดเพื่อให้เด็กรู้สึกตัวว่ามีคนที่เขารักอยู่ใกล้ๆ เล่านิทานให้ฟัง..เพราะฉะนั้นเวลามีเด็กเสียชีวิต เสร็จสรรพจนเอาน้องใส่ผ้าห่ม ยกผ้าห่มลงในโลง ตลบผ้าห่มปิดหน้าน้อง ใครอยากร่ำลาน้องครั้งสุดท้าย บางคนจะไปเอาขวดนม ตุ๊กตา ไปเอาอะไรต่ออะไรที่คิดว่าน้องจะใช้ ติ๋วไม่ห้ามเลย ติ๋วปล่อย เอาเลยลูกใส่โลงไป บางคนเอาข้าวใส่จานข้าว กลัวน้องหิว,,”
” ติ๋วเองเคยพูดว่า ชีวิตติ๋วไม่มีอะไรเจ็บกว่านี้อีกแล้ว ชีวิตติ๋วไม่มีอะไรน่ากลัวกว่านี้อีกแล้ว อดีตที่ผ่านมามีเรื่องให้หวาดกลัวเยอะแยะมากมาย วันนี้ติ๋วก้าวข้ามความเจ็บด้วยการพิจารณาที่ใจตัวเอง มันเจ็บเพราะอะไร เจ็บเพราะอับอาย เจ็บเพราะไม่สู้ เจ็บเพราะเรากระทำการอะไรที่ไม่พึงประสงค์ต่อผู้อื่น แล้วเขาแสดงท่าทีไม่เหมาะสมกับเรา ไม่ใช่เพราะเขาไม่รักเรา เป็นเพราะเราแสดงไม่ดี”
มูลนิธิสุธาสินี น้อยอินทร์ เพื่อเด็กและเยาวชน
3 หมู่ 12 บ้านประชาสรรค์ ต.ตาดทอง อ.เมือง จ.ยโสธร 35000 โทรศัพท์ 045-722-241
อีเมล์ : s...@yahoo.co.th
รถราติดเป็นตังเมอย่างนี้ มีหนังสือดีๆสักเล่มนอนเอกเขนกอ่าน คุณเอ๋ยจะมีความสุขสักปานไหน ..เรื่องการอ่านเป็นปมด้อยของคนเอเซีย สงสัยว่าจะชอบคุยมากกว่าอ่าน แต่ผมชอบอ่านมากกว่าคุย จึงดีใจทุกครั้งที่มีญาติๆส่งหนังสือมาให้ ช่วงที่ได้รับหนังสือเล่มใหม่จะนอนกระสัีบกนระส่าย ถ้านอนมากก็ได้อ่านน้อย ถ้านอนน้อยก็ได้อ่านมาก ด้วยเหตุนี้แหละครับที่ผมแหกตารางนาฬิกาชีวิิตอยู่บ่อยๆ
ปีนี้ก็มีหนังสือดีๆตุนไว้อ่านมากเสียด้วย
ถ้าจะหายหน้าไปจากบล็อกบ้างก็เพราะเหตุนี้ละครับ
แคว๊กๆๆ..
« « Prev : ได้โอกาส หรือได้โอยั๊วะก็ดีทั้งนั้น
9 ความคิดเห็น
พี่ติ๋ว สุธาสินี น้อยอินทร์ค่ะพ่อ ดีใจที่พ่อรู้จักคนจริงเมืองยศ ตอนอยู่ยส.มีโอกาสเจอพี่ติ๋วบ้างไม่มากนัก เคยไปอบรมด้วยกัน เคยคุยกัน เคยพบกันบ้าง 2 - 3 ครั้งเมื่อพี่ติ๋วไปช่วยเด็กที่สงสัยว่าถูกละเมิดทางเพศในหมู่บ้านซึ่งพี่ติ๋วมีวิธีการพูดคุยได้นุ่มนวลแบบที่เบิร์ดทำไม่ได้
พี่ติ๋วป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้ายมานานมากจนหมอทึ่งว่าพี่ติ๋วอยู่ได้ยังไง เพราะนับถอยหลังมาจนติดลบไปแล้ว …พี่ติ๋วอยู่ได้ด้วยใจที่ไม่ยอมแพ้และรักคนอื่นน่ะค่ะ
เวลาที่เด็ก ๆ บ้านโฮมฮักเอาของไปขายตามงานต่าง ๆ พี่ติ๋วจะบอกเสมอว่ากรุณาอย่าซื้อเพราะสงสาร แต่ถ้าจะซื้อขอให้ซื้อเพราะเห็นคุณค่าที่เด็ก ๆ ตั้งใจทำ…และพี่ติ๋วมักจะสอนเด็ก ๆ ว่าถ้าเราอยากให้คนรัก ก็ต้องทำตัวให้เขารัก เป็นคำสอนง่าย ๆ แต่ใช่นะคะพ่อ
พี่ติ๋วอยู่ยส.ตั้งแต่สมัยยังใช้ม้าเป็นพาหนะจนถึงปัจจุบันน่ะค่ะ ไม่ใช่คนยส.แต่ทำเพื่อเมืองยส. ถ้าจำไม่ผิดพี่ติ๋วเคยบอกว่าเป็นคนภาคกลาง ตอนที่ยส.ยังไม่มีบ้านพักพิงเพื่อเด็กที่ถูกทำร้ายหรือละเมิดทางเพศ บ้านโฮมฮักของพี่ติ๋วนี่แหละค่ะที่รับเป็นที่พักใจชั่วคราวของเด็ก
น่าเีสียดายว่ารพ.ยส.มีเงื่อนไขมากมายในการรับบริการทำให้พี่ติ๋วต้องหอบเด็ก ๆ ไปรับบริการที่รพ.อำนาจเจริญแทน เพราะเด็กต้องรับยาสม่ำเสมอ ซึ่งการเดินทางข้ามจังหวัดทำให้เสียค่าใช้จ่ายมาก ซึ่งเบิร์ดไม่สาสมารถช่วยเหลืออะไรได้ในเรื่องนี้ เพราะเป็นนโยบายของรพ.และเสียงเบิร์ดไม่ดังพอ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เบิร์ดเจ็บใจที่สุดเลยค่ะ
พี่ติ๋วรักษาตัวด้วยการกินมังสวิรัติ สวนลำไส้และมีคนใจดีออกทุนในการบินไปรักษาตัวที่ญี่ปุ่น และฝังเข็มที่คลินิกในกทม.
ดีใจที่พ่อเจอพี่ติ๋วนะคะ จนถึงทุกวันนี้เบิร์ดก็รู้สึกยิ่งกว่าคำว่าชื่นชมกับพี่ติ๋วเสมอ
โฆษณาชิ้นนี้ ดัดแปลงมาจากเรื่องข้างบนครับ http://www.youtube.com/watch?v=NFTlHsjWxIc
แม่ติ๋วเธอเป็นมนุษย์พิเศษจริงๆ เสียดายแทน ร.พ.ยโสธร ที่ไม่ได้ร่วมมือกันทำหน้าที่มนุษย์
ดีใจที่เบิร์ดได้รู้จักและพูดคุยกับเธอ
นานๆจะได้พบคนหัวใจแกร่งเป็นเลิศ คิดดี ทำความดีอย่างมโหระทึก
อ่านที่เธอเขียนเธอสื่อออกมาแล้ว ทึ่งๆๆๆๆ
เรื่องเด็กไทยนับวันจะวิกฤติจนยากจะเยียวยา ถ้าไม่ช่วยกันอย่างแข็งแรงของทุกฝ่าย
ข้อความในภาพ
เป็นประโยคที่ตัดมาจากสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์ที่ประทับใจมาก (จนเอาไปบันทึกใน Blog)
เรื่อง : Melody of Life
ความยาวของหนัง : 03:00 นาที
สินค้า : ไทยประกันชีวิต
Brand Name : Thailife Insurance
Agency : Ogilvy & Mather Advertising (THAILAND)
ตอนนั้น ไม่ทราบจริงๆ ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง มาวันนี้ พ่อครู เล่าให้ฟัง ทำให้ซึ้งหนักเข้าไปอีก
โอ้ โลกนี้ช่างสุดวิเศษ ประเทศไทยเราช่างน่าอยู่ เพราะมีคนดีแสนดีเข่นนี้อยู่กับพวกเราด้วย
และได้ดูซ้ำแล้วซ้ำอีก ที่ รอกอด link มาให้ดู
แล้วก็ชวนให้คิดถึง….น้องธวัชชัย…..
อยากให้อาจารย์ ถัง ได้อ่านหนังสือเล่มนี้
เป็นวิชาสาระชีวิตสดๆที่เต็มปลื้มเต็มอิ่มจริงๆ
ข้อความที่ถูก..(สงสัยโฆษณาจะตีความเพี้ยนไปนิดหน่อย) เราอยู่เพื่อทำให้ชีวิตอื่นมีคุณค่า และๆๆ…
W..เพราะในชีวิตมันไม่มีฟ้าหลังฝน หรือฟ้าก่อนฝน
ชีวิตมันพร้อมที่จะตายทุกเมื่อ
เพียงแต่เราเท่าทัน เราเท่าทันมากขึ้น
เราเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้น ที่เป็นความจริงมากขึ้น ..
w..มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อตอนยังมีชีวิตอยู่
เราไม่ค่อยได้ดูแลกันเลย
เรากอดกันเต็มที่แล้วหรือยัง
เราได้ป้อนข้าวกันหรือยัง
เราได้เช็ดฉี่เช็ดอึให้กันไหม
เราชอบมาเขียนคำเยินยอกันที่เชิงตะกอน
ซึ่งเป็นเรื่องที่ล่าช้าผู้ที่ลาล่วงไปไม่ได้รับรู้ใดๆด้วยเลย
เหตุเพราะเราละเลย ละวาง การดูแลใจกันและกัน รึเปล่า!!
เรื่องราวของ คุณติ๋ว บ้านโฮมอัก และมูลนิธิโฮมฮัก ได้ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ มีรายการทีวีที่คนรู้จักมาทำสารคดีเกี่ยวกับ ชีวิตที่ต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ทำให้คนไทยส่วนหนึ่งได้รับรู้เรื่องราว ความเป็นอยู่จริงของผู้หญิงคนหนึ่งที่ลุกขึ้นมาปกป้องเด็ก….ดูแลเขาจนเขาสิ้นลมหายใจ ไปกับความรักของผู้ที่ไม่ใช่พ่อแม่หรือแม้แต่ญาติพี่น้อง ขอยกย่องและสนับสนุนการทำงานของคุณติ๋วแห่งบ้านโฮมฮัก เป็นตัวอย่างของคนดีของประเทศไทยค่ะ
ขอบคุณอาม่าที่มาเติมเต็มข้อมูล
โดนจริงๆ
เหมือนมีหยดน้ำอมฤต มาเติมในถัง
..เพราะในชีวิตมันไม่มีฟ้าหลังฝน หรือฟ้าก่อนฝน
ชีวิตมันพร้อมที่จะตายทุกเมื่อ
เพียงแต่เราเท่าทัน เราเท่าทันมากขึ้น
เราเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้น ที่เป็นความจริงมากขึ้น ..
ขออนุญาตตอกย้ำเข้าไปในก้นบึ้งของจิตสำนึกอีกทีนะคะ พ่อครู….ที่รัก