ลานสวนป่า

(กล้าม-ป๊อบอาย ของคุณหมอภาคภูมิ)

ถ้าชีวิตคือการเรียนรู้

ผมก็เรียนมาจนโข่งค่อนชีวิต

โง่ดักดานก็ทำมาแล้ว

เซ่อมหาเซ่อจนเพ้อเจ้อก็แสดงมาแล้ว

ซื่อบื้อเป็นไอ้เบื้อกก็ผ่านมาแล้ว

ทำเรื่องไม่เข้าท่าเรื่องเหลวไหลเหลวแหลกก็ไม่น้อย

ยังจะอะไรอีกละ

ในเมื่อสลัดความโง่ไม่ออก

แต่ถึงเวลาก็ต้องส่งการบ้านและทำการสอบประเมินผลนะสิครับ

ปลายเดือนนี้จึงเรียนเชิญสายญาติหลายสำนักมากำกับการสอบ

เท่าที่มีผู้แสดงเจตจำนงอย่างแรงกล้า

ขันอาสามาตีแตกข้อสอบและกระแซะลมหนาว

มาช่วยกันทำเรื่องยากๆ ให้เป็นเรื่องง่าย

ทำเรื่องธรรมดาๆ ให้เป็นเรื่องพิเศษ

ระหว่างวันที่ 28-29-30-1 ท้ายเดือนพฤศจิกายนชนต้นเดือนธันวาคม

สายภาคกลาง มีอาจารย์นฤมล ปราชญ์โยธิน แห่งท่าพระจันทร์ ฤๅษีอ้น ลูกศิษย์ก้นกุฏิมาด้วย มีเจ้าพ่อไอทีแห่งเอเชีย คุณตฤณ ตัณฑเศรษฐี และผู้ติดสอยห้อยตาม แห้วศรีจะหนีงานนี้ออกไหมนี่..อยากจะชวนกอล์ฟมาด้วย ว่างไหม ยกมือสูง ๆ หน่อย..

สายเหนือ มีอุ๊ยจั๋นตาคณะพยาบาลศาสตร์ น้าอึ่งคณะเภสัชศาสตร์ จากถิ่นไทยงาม ครูอาราม ครูอึ่ง แห่งมงคลวิทยาเมืองละปูน หมอจอมป่วนจะมาได้ไหมหนอ นอกจากหิ้วปิ่นโตและกระติกน้ำแล้ว ช่วยหิ้วลูกสาวคนสวยผมมาด้วย เห็นบ่น ๆ ว่าหาแฟนไม่ได้สักกะที เธอชื่ออาจารย์ลูกหว้า เสียดายแทนตาหวานที่งานท่วมจนตาโบ๋..ส่วนน่องหวานก็คงทำนองเดียวกันละมัง อิอิ

สายอีสาน นอกจากทีมเจ้าถิ่นแล้ว ขอชวนแผ่นดิน-สายลม-ออต-ป้าหวาน-ท่านบางทราย-อาว์เปลี่ยน ตรงนี้เลย ไม่ทราบว่าขอวีซ่าได้หรือเปล่า

สายใต้ ไม่มีใครว่าง จมน้ำกะปอดกะแป้ด ยังหาคนยกมือไม่ได้ :ซึ่งก็น่าเห็นใจ ระยะทางไกลห่างจากความรักเหลือเกิน

สายตะวันออก เจ้าลูกชายกามนิตหนุ่ม ไม่ทราบว่าไปทุ่มใจอยู่กับสาวไหน ใครเจอหน้าช่วยบอกด้วย..ที่ผ่านมาพ่อให้อภัยหมดแล้ว กลับมาตายรังเพื่อซ่อมปะผุหัวใจด่วน!

นอกจากสุมศีรษะในสวนป่าแล้ว จะพาไปเจอกับญาติธรรมที่ศีรษะอโศก ไปชมการบริหารธรรมมะในหัวใจอย่างประสบสุขและรื่นเริง จะพาตระเวนเมืองดอกบัว ไปชมอาคารหลังงามอายุเก่าแก่ที่สร้างด้วยไม้ตะเคียนทองหลังใหญ่ที่สุดในโลก พาไปไหว้พระที่วัดหลวงปู่ชา ใช้เวลา 5 วัน 4 คืน ทั้งตื่นและหลับคิดว่าน่าจะพอ วันที่ 28 นี้ก็จะเริ่มแอ่นแอ๊น..ล้อหมุนบนถนนทุกสายมุ่งมหาชีวาลัย เพื่อมาร่วมงาน “วันดวลสะเดา จิ้มแจ่วหัวใจครูบา”

คราวที่แล้วจัดมหากรรมกอด มาคราวนี้จะจัดมหกรรมกิน เริ่มด้วยการเปิดวีดีทัศน์ วันประชุมแผนกำลังคนด้านสาธารณสุขอีสาน กิจกรรมในรายการจะชวนชิมน้ำปั่นคลอโรฟิลล์ สนทนาเรื่อง”หยิน” “หยาง” การออกกำลังกายกำลังใจ การใช้พลังงานแบบประณีตผ่านผ่อนการหายใจ ชวนขุดดินทำเตาดาโกต้า เอาเศษไม้แห้งรอบ ๆบ้ านนั่นแหละมาหุงข้าว ด้วยหม้อดินตามตำหรับอีสาน..จะรินน้ำข้าว น้ำที่ได้จากข้าวใหม่ทุ่งกุลาร้องไห้นั้น คงไม่ต้องบอกว่าจะหอมกรุ่นอุ่นกระเพาะขนาดไหน? หั่นใบเตยลงไปหน่อยอร่อยเหาะ แค่ดมกลิ่นก็เซาะลิ่มประสาทสัมผัสแล้ว ตัดใบตองมาวางแล้วเอาฝาหม้อปิด กลิ่นข้าวสวยระอุที่ได้ น่าจะเป็นข้าวจานแรกที่อร่อยล้ำที่สุดแห่งปี

ส่วนสำหรับกับข้าว จะชวนไปเด็ดดอกสะเดามาลวก ถ่านไฟที่ยังคุปะทุอยู่เอาปลาช่อนตัวอ้วนไปเผา หมกไข่ห่าน หมกมันเทศ ตำน้ำพริกเผา ตำน้ำจิ้มแจ่ว ต้มโคล้งปลาสลิดใส่ใบมะขาม เอาไว้ซดไล่ความหนาว จะพาไปเด็ดถั่วพู มะเขือกรอบ มะเขือเทศ ตะลิงปลิง มาทำยำใหญ่ใส่สารพัด งาคั่วและถั่วลิสงบด เมนูไข่เจียวใบมะรุมลืมได้ที่ไหนละ ตั้งกระทะร้อนฉ่าเจียวไข่ให้กรอบนอกนิ่มในเหลือง อากาศเย็น ๆ อาหารต้องควันฉุยใช่ไหมละครับ วาดลวดลายเสน่ห์ปลายจวักเรียบร้อยแล้ว ก็จะกางโต๊ะบนชานบ้านท่ามกลางแดดอุ่น มื้อพิเศษนี้จะกินข้าวเคล้าแสงอรุโณทัย เพื่อเก็บเรียบทุกวิตามิน A-B-C-D-Z.

หลังจากข้าวเรียงเม็ด จะพาเดินชมการเสียบยอดไม้พันธุ์ดี ก็เหมือนความความรู้ดี ๆ มาต่อยอดกันนั่นแหละ เราเอายอดมะกรูด-ส้มโอ-มะนาว-ส้มมือ-ส้มจิ๊ด-ส้มเช้ง มาเสียบกับต้นตอกระสัง ดูการเสียบยอดมะตูมพันธุ์ยักษ์กับตอพันธุ์พื้นเมือง ไปชมยอดน้อยหน่าเพชรปากช่องลูกโตหวานเจี๊ยบเสียบกับต้นน้อยโหน่ง ชมพอสังเขปแล้ว จะให้ปฏิบัติจริง แจกกล้ากระสังที่เพาะในกระถางคนละ 2-3 กระถาง แจกอุปกรณ์ คัตเตอร์ เทป เชือก แล้วจะให้ทุกท่านทดลองเสียบยอดมะนาวมะกรูด ทำเป็นไม้แฟนซีเอากลับไปปลูกที่บ้าน ส่วนคนไหนเสียบหล่นเสียบหล่นก็ไม่ต้องห่วง..จะเอากาวตราช้างติดให้จนแน่นสนิท อิ อิ.

มื้อเที่ยง จะให้ตัวแทนแต่ละภาคทำอาหารกลุ่มละ 1 อย่าง น้ำพริกอ่องภาคเหนือแกงส้มภาคกลางตำน้ำพริกป่าจิ้มผักลวกของอีสาน มีปลาแดดเดียวเป็นของแถม ส่วนผลไม้มีมะละกอและกล้วยหอมที่ 3 สาวซ่ามาปลูกรอไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว บ่าย ๆ จะชวนปลูกผัก เตรียมเพาะกล้านานาชนิดไว้แล้ว ปลูกกันคนละ 5 ต้น 10 ต้นพอสนุก เมื่อผักงามจะถ่ายรูปส่งไปดูในภายหลัง

มื้อเย็น แม่ครัวหัวป่าส์แห่งมหาชีวาลัยแสดงเอง มื้อเบา ๆ อย่างนี้จะให้ชิมข้าวต้มใบมะรุม ส่วนของหวานจะเป็นฟักทองนึ่งกับต้มถั่วเขียว เมนูนี้เบา ๆ แต่อร่อยหนักนะขอรับ อิ่มแล้วนั่งสนทนาเฮฮาสไตล์คนแซ่เฮ หลังจากนั้นจะให้ไปอาบน้ำทาขมิ้นให้ผิวผ่องเป็นยองใย นุ่งสไบเดินลงจากเล่าเต๊ง

ประมาณ 1 ทุ่มจะชวนเข้าอุโมงค์ธรรม ช่วงนี้กำลังปรับปรุงห้องอิฐดินซีเมนต์ทรงกลม มีท่อระบายอากาศแบบหมุนเวียน ปูเสื่อปูเบาะนั่งล้อมวง จะชวนตีแตกหลักสูตร“สุขอนามัยเพื่อชีวิตในมหาชีวาลัยอีสาน” หมายความว่า..ต่อไปมหาชีวาลัยอีสานจะปรับตัวมาทำเรื่องการใช้ชีวิตที่ปกติสุขอย่างพอเพียงนะขอรับ จะเรียนรู้วิธีลดละเลิกส่วนเกินทุกอย่างมาให้อยู่ในจุดพอดีและปลอดภัยกับร่างกายและหัวใจของคนไทย ระหว่างถ่ายเทความรู้ คนสวยจะเสิร์ฟน้ำสมุนไพรอุ่น ๆ ให้จิบ..ข้อมูลจะได้ลื่นไหล ทุกความคิดจะบันทึกไว้แล้วนำมาตีความ ถอดเป็นสาระวิชาว่าด้วยวิธียูเทิร์นสุขภาพดี กว่าจะง่วงนอน..เราน่าจะได้ตำราที่เป็นยาขมหม้อใหญ่ ไว้รักษาไข้ใจของคนอีสาน

ถ้าเราจับความดีมาใส่ความงาม

เราน่าจะได้ความดีงาม

ถ้าเขยิบรุดหน้าต่อไป

ก็จะได้ความงดงาม

ความดีความงามมีอยู่ทั่วในทุกอณู..ถ้าดวงตามีแววก็เหมือนเครื่องเอกซเรย์อยู่ในหัวใจ เก็บรายละเอียดได้ และส่องทะลุปรุโปร่งไปถึงไหน ๆ จิตใจสบาย ความสุขก็หลั่งมาเทมากองอยู่รอบ ๆ ชีวิตเรา บางท่านอาจจะคิดว่า..ไอ้หมอนี้เพี้ยน หรือมันบ่นอะไรของมันวะ อิ อิ..คือคำตอบ

เวลาของคนดีนั้นมีค่านัก

ถ้าจับคนดีมาเจอกันได้

เมล็ดความดีความงามก็จะถูกบ่มเพาะ

ถ้าชีวิตคือการเรียนรู้

วันนี้เราอยู่กับความรู้อะไร?

« « Prev : ควันหลงจากเมืองขอนแก่น

Next : ลาแล่วหนอ..บางกอกเอ้ย.. » »