เล่าเรื่องยาว ๆ จากอุบล

โดย sutthinun เมื่อ 14 พฤศจิกายน 2009 เวลา 20:49 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 4154

..วันนี้ฟ้ากรุงเทพกระจ่างแจ้งแดดเปรี้ยงเลยนะครับ

เพิ่งกลับจากอุบลเมื่อคืนนี้

อากาศหัวเมืองชายแดนอีสานตอนใต้กำลังสบาย

ได้เห็นเรื่องดีๆที่อุบลมาเล่าเยอะแยะ

วันที่12 ตื่นตั้งแต่ตี4 บึ่งไปสุวรรณภูมิ นั่งสะลึมสะลืองีบหนึ่งก็ถึงแล้ว ..วรรณวไล อภิวาสน์พงศ์มารับไปประชุมโครงการปลูกป่าร่วมกับมูลนิธิโตโยต้า เป็นกิจการเพื่อสังคมที่ทางมูลนิธิให้การสนับสนุนมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ปลูกไม้พื้นเมืองจำนวน 30,000ต้น ใช้งบประมาณล้านเศษ ปลูกในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยบนสภาพพื้นที่เรียกว่าน้ำไหลทรายมูล เป็นดินที่เกิดจากการพัดพาทรายจากแม่น้ำมาทับถมกัน ความอุดมสมบูรณ์ต่ำมาก ขุดลงไปเป็นเมตรจะเจอแต่ทรายกับทราย ดังนั้นวิธีการปลูกจึงใช้เทคนิคผู้เชี่ยวชาญป่าไม้ญี่ปุ่นผนวกกับนักวิชาการของไทย บรรยากาศการประชุมดีมาก พิจารณาเฉลี่ยความรับผิดชอบที่จะเป็นเจ้าภาพร่วมกันอย่างลงตัว ผมให้Key Word ไปว่า วันที่6ธันวา..ปลูกป่ากับโตโยต้า กินข้าวป่าที่...อุบลฯ ในวันดังกล่าวนอกชาวนักศึกษา-คณาจารย์ของม.อุบลแล้ว อ.วรรณวไล ยังชวนเด็กนักเรียนในเครือข่ายมาร่วมด้วย คาดว่าจะมีผู้มาร่วมปลูกประมาณ 2,000 คน

กิจกรรมนี้พิเศษตรงที่ว่า สามารถเอาเป็นกรณีศึกษาเรื่องการปลูกป่าเพื่อฟื้นฟูสภาพแวดล้อมธรรมชาติในพื้นที่ ที่เรียกว่าดินไหลทรายมูล การเตรียมหลุม เตรียมปุ๋ย รดน้ำดูแล จึงค่อนข้างพิถีพิถัน เพราะต้นธันวาคมฝนอีสานคงไม่มีมาอีกแล้ว

คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ ในข้อแนะนำว่า ..เราควรเอาพื้นที่ใกล้เคียงกัน ทำเป็นเขตแนวไว้เปรียบเทียบดูว่า พื้นที่ๆมนุษย์ปลูกกับพื้นที่ๆปล่อยให้ธรรมชาติเสริมสร้างการฟื้นฟูพื้นที่ตามธรรมชาติ จะมีความแตกต่างกันอย่างไร และความเก็บบันทึกข้อมูลไว้เป็นระยะๆ

หลังจากนั้นผมไปทำการบ้าน ต้องไปพบปะกับคณาจารย์คณะบริหารศาสตร์ ซึ่งยังหาคณบดีตัวจริงไม่ได้ จึงมีเรื่องไม่สะดวกในการจัดการเรียนการสอนและการบริหารกลไกภายในที่ยังขาดๆเกินๆ คณบดีรักษาการขอให้ไปช่วยรับฟังข้อคิดเห็นของชาวคณะดังกล่าว ในฐานะนักศึกษาหลักสูตรเสริมสร้างสังคมสันติสุขรุ่นที่1 ของสถาบันพระปกเกล้า เพิ่งจะได้งัดวิชาความรู้มาแสดงคราวนี้เอง..สไตล์ผมก็ไม่มีอะไรมาก บอกกับคณาจารย์ที่มาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นประมาณ80%ของบุคลากรของคณะฯ ถือเป็นเวทีประชาคมเสียงข้างมากได้ใช่ไหมครับ บอกไปว่าวันนี้จะมารับฟังเรื่องดีๆเรื่องที่มีความสุข ความหวัง ความงาม ส่วนจะมีเรื่องหนักอกหนักใจผสมมาบ้างก็ยินดีรับฟัง บ่นมาเถอะ ไม่มีผิดมีถูก พร้อมรับฟังเรื่องทุกข์สุขของอาจารย์..ถ้าอาจารย์ไม่มีความสุข อาจารย์จะสอนหรือทำงานให้สนุกได้อย่างไร? อยู่คณะบริหารศาสตร์ ต้องบริหารความทุกข์ให้มีความปกติได้ใช่ไหมละครับ บรรยากาศเป็นกันเองมาก มีอาจารย์ยกมือเล่าเรื่องดีให้ฟังมากพอสมควร ตอนแรกกะว่าจะคุย1ชั่วโมง แต่ล่อไป2ชั่วโมงได้ สรุปเรื่องที่คุยกันวันนี้ ขอให้ตัวแทนคณะฯ เก็บประเด็นแล้วบันทึกส่งขึ้นมา ผมจะรับเป็นองคตสื่อสารเรื่องนี้ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ต่อไป

หลังจากนั้นก็วิ่งรอกไปประชุมแผนโครงการวิจัยของมหาวิทยาลัยอุบล กว่าจะเลิกล่อไปบ่าย5โมง นั่งรถมาถึงโรงแรมก็โพล้เพล้แล้ว อาจารย์ผู้ใหญ่ชวนคุยเรื่องหัวข้อที่จะเสวนาพรุ่งนี้ระหว่างอาหารมื้อเย็น ผมอิ่มกับการประชุมพอแล้ว จึงแวบออกมากับอาจารย์และนักศึกษาลาวที่มารับออกไปกินข้าวปลาข้างนอก กลับมาถึงโรงแรมตาแทบปิด แต่ใจจำเป็นต้องเปิด เพราะPower Point ที่จะนำเสนอยังไม่ทำสักกะนิดเดี๋ยว ตอนแรกกะว่าจะอาศัยบล็อกลานปัญญาประกอบการเสนอ บล็อกก็มาเดี้ยงอีก จึงต้องเตรียมตัวช่วย กว่าจะได้สื่อสาระบ้างก็เลยเที่ยงคืนไปแล้ว..


วันที่13 ต้องตื่นแต่เช้า เพราะมีนัดที่จะไปดูอาคารโบราณที่สร้างด้วยไม้ตะเคียนหินหลังใหญ่ที่สุดในโลก ใหญ่จริงๆนะครับ สูง2ชั้นมี32ห้อง เดิมเป็นที่ตั้งของโรงเรียนประจำจังหวัด.. หลังจากนั้นก็ถูกทิ้งร้างไว้ มะรำมะร่อจะถูกพวกตาต่ำรื้อทิ้งหลายครั้ง คุณนิกร วีสเพ็ญ ผู้ทรงคุณวุฒิสภาฯ ได้ดำเนินเรื่องปกป้องไว้หลายครั้ง สุดท้ายทำเรื่องเสนอเข้าเป็นโบราณสถานสำเร็จ กรมศิลปากรกำลังซ่อมแซมในวงเงินงบประมาณ15ล้านบาท แล้วยกให้มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีเป็นผู้ดูแล ผมในฐานะประธานด้านศิลปวัฒนธรรมจึงต้องเข้ามาเกี่ยวข้องในส่วนนี้

ผมขอแนะนำเลยนะครับ

ใครมาอุบลแล้วไม่ได้ไปแวะชมความอลังการของอาคารหลังนี้ถือว่ามาไม่ถึงอุบล ถึงอาคารจะสร้างมา8-90ปีแล้ว ท่านมาดูเถิดว่าต้นตะเคียนที่ไปตัดล่องแม่น้ำมูลจากป่าดงพญาเย็นสมัยโน้น ลำบากยากเย็นขนาดไหน ได้ไม้แล้วก็มาออกแบบก่อสร้างอย่างบรรจงแน่นหนาถาวรมาก ไม้พื้นแผ่นหนาเป็นนิ้ว หลังจากบูรณะแล้วจะเป็นสมบัติล้ำค่าให้ชาวอุบลภาคภูมิใจ เราคิดกันคร่าวๆว่าจะจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงมูลมังของชาติพันธุ์ลุ่มแม่น้ำโขง จะชวนคณะศิลปประยุกต์มาเรียนและดูแลที่นี่

รายการที่2ของวันนี้

เป็นการเสวนาวิชาการระดับภูมิภาคในหัวข้อ

การจัดการเรียนรู้สู่การปฏิบัติจริงในระดับอุดมศึกษาครั้งที่ 1

การเปลี่ยนผลการเรียนรู้

ยกแรกประกอบด้วย กรรมการสภาผู้ทรงคุณวุฒิมหาวิทยาลัยอุบล

· รศ.คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ

· .นายแพทย์วราวุธ สุมาวงศ์

· นายสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์

· ผศ.อินทิรา ซาฮีร์ เป็นผู้ดำเนินรายการ

ตอนแรกตกลงกันว่าจะนั่งสนทนากันเฉยๆไม่ใช่สื่ออะไร แต่ผมขออนุญาต เกรงว่าจะเอามะพร้าวห้าวมาขายสวนไม่ออก จึงขอฉายPower Point ประกอบเรื่องเล่าเร้าฮา เวทีนี้มีคณาจารย์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว และมหาวิทยาลัยจำปาสักยกทีมานำเสนอผลงานร่วมกับคณาจารย์มหาวิทยาลัยในไทย หลังจากลงเวที ผมได้รู้จักคณาจารย์หลายท่าน เช่น ..ปริญญา อรุณวิสุทธิ์ รองคณบดีฝ่ายวิชาการและพัฒนานักศึกษา จากมหาวิทยาลัยสงขลานัครินทร์ ท่านเหล่านี้จดเว็ปไซด์ไว้ติดต่อกันในโอกาสต่อไป..เสียดายถ้าบล็อกไม่เดี๊ยง  เราคงได้สมาชิกหน้าใหม่ในหลายมหาวิทยาลัยมาเป็นชาวเฮ

ก่อนบ่ายเป็นรายการของอาจารย์วรรณวไล ร่วมกับอาจารย์ตัวแทนจากมหาวิทยาลัยของลาว นำเสนอเรื่องราวที่น่าประทับใจมาก โดยเฉพาะภาษาลาว-ไทยสื่อสารกันได้สบายๆ..ในงานนี้ นอกจากมีการแสดงผลงานทางวิชาการ 30 กว่าโครงการ ยังมีบริษัทTCS มาแสดงเครื่องมือการเรียนการสอนการสื่อสารทางไกล คล้ายๆกับการส่งภาพและเสียงแบบคอมเฟอเร็นท์นั่นแหละครับ แต่ระบบใหม่นี้พัฒนาให้สะดวกและมีประสิทธิภาพสูง ผมก็รู้งูๆปลานะครับ เขาเห็นมีหน้าที่เกี่ยวข้องอยู่บ้าง เจ้าหน้าที่ได้ลงโปรแกรมให้สามารถใช้งานได้1หน่วย เพื่อที่จะติดต่อกับคณะและคณาจารย์ต่างๆ ในการที่จะทดลองแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบบคนสอนอยู่ที่ไหนก็ได้ เช่นผมอยู่สวนป่า ก็สามารถส่งภาพ-เสียง-เอกสารหรือ power point ฯลฯ ..

· ผมนึกถึงเล่าฮูแสวง ที่เคยใช้ให้ผมคุยกับนักศึกษาในระหว่างที่เล่าฮูสอนนักศึกษาอยู่ที่มอดินแดง ส่วนผมอยู่สวนป่า ก็ได้แต่ฟังคำถาม-และตอบนักศึกษาแบบกระท่อนกระแท่น แต่คราวนี้จ๊าบส์มากขึ้นแล้วนะครับ ผมคิดว่ามหาวิทยาลัยชั้นนำอย่างขอนแก่นอาจจะมีระบบนี้แล้วก็ได้

· ต่อมาคิดถึงรอกอด เจ้าพ่อไอที.แห่งเอเชีย ที่เคยปรารภม์ด้วยความห่วงใย ที่เห็นผมเต็ดไปเต็ดมาโน่นนี่อยู่เนื่องๆ บอกว่าครูบาควรจะอยู่กับที่ได้แล้ว..ใครอยากคุยก็ให้เขาเข้ามาเอง แหมถ้ามีเครื่องมือสื่อสารครบเครื่องอย่างนี้ ผมก็จะนอนเกาพุงอยู่บ้านได้สบายๆ ใครอยากฝากความคิดถึงก็ไปหาอุปกรณ์มาเชื่อมต่อกันซะ โดนใจจริงๆครับงานนี้ ว่าแต่อีตอนที่ยังใช้งานไม่คล่องนี่สิ จะต้องอาศัยท่านรอกอดช่วยพยุงปีก ไม่ทราบว่าฟื้นจากการบุกงานหนักแล้วหรือยัง ผมอยากจะให้มาดู..A PREMIER NETWORK COMMUNICATION INTEGRATOR ผมไม่ทราบว่ามันเป็นอิหยัง แล้วเราจะใช้ระบบนี้อย่างไร อิ อิ..

ก๊อกสุดท้าย ประชุมสภามหาวิทยาลัยวาระพิเศษ มีเรื่องพิจารณามากเหมือนทุกครั้งนั่นและ กว่าจะเสร็จก็จวน5-6โมงเย็น เจ้าหน้าที่พาบึ่งรถเข้าตัวเมือง ซื้อของฝาก-กินข้าว แล้วก็กลับกรุงเทพฯ คณะเรามีท่านอาจารย์ ศ.จอมจินทร์ จันทรสุกล นายกสภาฯ คุณโสภณ สุภาพงษ์ คุณหญิงสุมณฑา พรหมบุญ ศ.อมร จันทรสมบูรณ์.นพ.วราวุธ สุมาวงศ์ รศ.ปภัสวดี วีรกิตติ รศ.นพ.ป่วน สุทธิพินิจธรรม เรียงล่ายซ่ายยกทีมกลับมาด้วยกัน ผมมาถึงห้อง814 จวนจะ2ทุ่ม

เมื่อคืนเพลียจนลืมฝันหวาน

ตื่นขึ้นมานั่งปั่นบันทึกนี่แหละครับ

ค่อนข้างยาวหน่อยเพราะรวมเรื่องไว้หลายวัน

บ่ายๆไปดูภาพยนตร์เรื่องโลกวิกฤติในปี2012

สนุกมากขอบอก..

มีฉากหวาดเสียวขนาดคนนั่งใกล้แทบฉี่ราด..

ได้แง่คิดว่าโลกนี้ไม่แน่ไม่นอน

ในขณะที่ยังหายใจสบายๆก็รักกันไว้เถิด

ถ้าเป็นตัวคูณตัวบวกให้กันและกันจะมีความเจริญและผาสุก

ถ้าเป็นตัวลบ ตัวหาร ของกันและกัน

ก็ไม่ต่างกับคนมีหัวใจเป็นพลาสติก

จบข่าว

อิ อิ..

« « Prev : ร่าง-แผนสุขภาวะชุมชนเชิงลุก

Next : วิชาตะบี้ตะบันศาสตร์ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

9 ความคิดเห็น

  • #1 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2009 เวลา 23:04

    “…เป็นกิจการเพื่อสังคมที่ทางมูลนิธิให้การสนับสนุนมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ปลูกไม้พื้นเมืองจำนวน 30,000ต้น ใช้งบประมาณล้านเศษ ปลูกในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยบนสภาพพื้นที่เรียกว่าน้ำไหลทรายมูล เป็นดินที่เกิดจากการพัดพาทรายจากแม่น้ำมาทับถมกัน ความอุดมสมบูรณ์ต่ำมาก ขุดลงไปเป็นเมตรจะเจอแต่ทรายกับทราย ดังนั้นวิธีการปลูกจึงใช้เทคนิคผู้เชี่ยวชาญป่าไม้ญี่ปุ่นผนวกกับนักวิชาการ ของไทย…”

    ฝรั่งถามปัญหาคล้ายกันครับ ว่าจะเปลี่ยนทรายในฟลอริด้าเป็นดินได้อย่างไร มลรัฐฟลอริด้าเป็นพื้นที่ต่ำมาก (ในอดีตคงเคยเป็นทะเลมาก่อน) สภาพดินมีทรายเยอะ ซึ่งในคำถามก็บอกว่าปลูกอะไรก็ไม่ขึ้น เก็บน้ำไม่ได้ เอาซากพืชซากสัตว์ใส่ลงไปก็อยู่ได้ประมาณปีเดียว แล้วก็กลับเป็นทรายดังเดิม

    คำตอบมีหลายแนว แต่อ่านดูแล้ว ไม่แน่ใจสักแนวครับ
    @ ปลูกพืชท้องถิ่น (เพราะมันอยู่ได้มาตั้งนานแล้ว)
    @ พืชตระกูลถั่ว
    @ รดน้ำเยอะๆ
    @ พืชเล็ก ปลูกในกระถางโดย “ดินถุงที่ซื้อมา”

    ถ้าดินมีทรายปนอยู่เยอะ เอาดินทรายนี้ไปทำเครื่องปั้นดินเผา หรือกระจกได้ไหมครับ

  • #2 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2009 เวลา 23:33

    พ่อครูบาครับ คุณนิกร วีสเพ็ญนั้นไม่ได้พบกันนานมากเลย เป็นชาวอุบลที่มีบทบาททางสังคมสูงคนหนึ่ง เคนร่วมงานกันครับ

  • #3 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2009 เวลา 0:36

    ดินไหลทรายมูล ลักษณะคล้ายทรายขี้เป็ดในภาคกลาง
    เหมาะที่จะเอาไปถมพื้น
    ทำเครื่องปั้นดินเผา เอาไปทำกระจกไม่ได้ คุณสมบัติไม่ดีหรือเหมาะขนาดนั้น
    หน้าทรายคงลึกไม่เกิน 2 เมตร
    ดังนั้นเมื่อปลูกต้นไม้ โดยการขุดหลุมใหญ่ ใส่ปุ๋ยช่วยมาก ๆ
    เมื่อต้นไม้โตเท่าไหร่ รากก็จะยั่งลงพื้นล่างได้เร็วได้ลึกมากขึ้นเท่านั้น
    มีการคัดเลือกไม้พื้นเมืองปลูกประมาณ 30 ชนิด
    ผมเสนอญี่ปุ่น ให้เป็นการทดลองปลูกไม้ ลักษณะที่พิเศษ
    ถ้าสนใจ วันที่ 6 ธันวาคม ไปร่วมก็ได้นะครับ
    ใช้เวลาปลูกไม่นาo คนเยอะ เช้าถึงเที่ยงก็เสร็จ
    หัวใจอยู่ที่อยากให้ไปเห็็นอาคารไม้ตะเคียนหลังใหญ่ที่สุดในโลก สวย มหึมามาก
    ทราบประวัติแล้วทึ่่งๆๆๆ
    ผมคงต้องไป เพราะมีหัวโขนเป็นประธานที่ปรึกษาโครงการฯ (อย่างเป็นทางการ)
    อิอิ  อยากรู้เหมือนกันว่าผู้เชี่ยวชาญญึ่ปุ่นมีเทคนิคพิเศษ ที่ดีๆอะไรบ้าง

  • #4 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2009 เวลา 0:40

    นิกร น่ารักมาก อยากมาสวนดิ้นปัดๆ
    ปี้นี้ลงมือทำนาเอง ปีแรก มีความสุขมากที่ได้เป็นชาวนา
    ปัจจุบันเป็นกรรมการสภา ผู้ทรงคุณวุฒิด้วยกัน
    คุยกันถูกคอ วันหลังจะบอกว่าท่านบางทรายคึดฮอด
    อ่านหนังสือเจ้าเป็นไผ1 ไผ2
    แล้วบอกว่า ผมจะหัดใช้คอมพิวเตอร์
    เพื่อจะมาเจ๊าแจ๊ะกับชาวลานได้

    อิ อิ ครับ

  • #5 Panda ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2009 เวลา 10:53

    vbvb 8iy[

  • #6 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2009 เวลา 11:13

    อ่านอิ่มๆเต็มๆ ..ขอบคุณค่ะครูบา

    เห็นอาคารแล้วนึกถึงศาลากลางเก่าของจังหวัดนนทบุรี ที่เคยไปกับครูบาและแม่หวีนะคะ….

  • #7 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2009 เวลา 19:07

    อาคารศาลากลางจังหวัดนนทบุรี น่าจะมีคนบูรณะ
    ของที่อุบลสวยอลังการมาก
    ใหญ่โตกว่าตำหนักเจ้าดารารัศมี ที่เราไปชมกัน
    แต่้ผมก็ได้แนวคิดที่จะวางแผนการใช้งานตามอย่างที่จุฬาฯจัดการกับตำหนักเจ้าดาราฯ
    เอาไว้เสร็จเรียบร้อยจะชวนลุยอุบลนะครับ อิอิ

  • #8 ลูกหว้า ให้ความคิดเห็นเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2009 เวลา 21:16
    • พ่อทันสมัยจริงๆเลยไปดูหนังมาแล้ว  หว้าเพิ่งกลับจากประชุมของสภาวิจัยแห่งชาติที่กทม.ค่ะ
    • นัดกับเพื่อนว่าจะไปดูหนังเหมือนกันค่ะ  ถ้าอีกสามปีจะเกิดเหตุการณ์จริงๆคงหาแฟนไม่ทันแล้วหล่ะ อิอิ
    • คิดฮอดนะคะพ่อขา  รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
  • #9 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2009 เวลา 12:19

    อิอิ  ฟงแฟน อย่าไปสรรหาเลย
    ถึงเวลาก็มีมาเองแหละ
    เอาใจช่วยเสมอนะ คิคิ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.38079500198364 sec
Sidebar: 0.56481599807739 sec