มารุมมะรุมดีไหมครับ?

อ่าน: 21067

มะเอ๋ยมะรุม

เริ่มมะตุ้มตื่นเต้นตาโตใหญ่

สรรพคุณเหลือล้นล้วนโดนใจ

อยากสวยใสให้รีบกินมะรุม

ในวาระที่ไข้หวัด 2009 มาเยือนพลโลก

ไวรัสคนกำลังแข่งกับไวรัสคอมฯ

หน้าตา มีหน้ากาก ดูเหมือนมนุษย์ต่างดาว

ควรมีมาตรการอะไรหรือเปล่า

จะจุ๊บกัน ต้องถอดหน้ากากชั่วคราวหรือเปล่า

หมู่นี้กระแอมใกล้ใคร หัวใจเพื่อนหล่นไปอยู่ตาตุ่ม

จึงควรไอน้อยๆเบาๆ หรือไม่ก็หันไปไอเลิฟยู

คนที่ไอเป็นกิจวัตรประจำวันก็ต้องทำการบ้านสิครับ

มันมียามีสารอะไรนะที่มาช่วยสะกดสกัดการไอ

วานพี่น้องช่วยกันคิดหน่อยเถอะ

จะป้องกันระบบหายใจหายคอของชาวเราอย่างไร

ในหมู่การแพทย์แผนไทยตีปิ๊บเรื่องสมุนไพร บ้านเราเห่อเป็นยุคๆ..น้ำลูกยอ กระชายดำ ขมิ้นชัน กระวานฮ๊อก ฯลฯ ตอนนี้กำลังสนใจมะรุมกันใหญ่ มีการตีแผ่ข้อมูลดีๆ ครูปูอาการหนัก ได้กินยอดมะรุมไม่กี่ครั้ง ชอบมากสนใจที่ศึกษาและหาต้นไปปลูก

เรื่องที่ว่าด้วยมะรุม

มะรุมเป็นผักยืนต้นที่ปลูกง่าย กินง่าย อร่อยง่ายที่สุดในโลก เป็นผักที่เอาใจคนกิน ยามหน้าแล้งขาดแคลนผัก มะรุมก็จะผลิใบออกดอกมาให้เก็บ สรุปว่ากินได้ทั้งใบอ่อน ดอก ฝักอ่อน ฝักแก่ คนหนุ่มกินได้ คนแก่กินดี ยายชี พระสงฆ์ก็เหมาะนะ

: มาถึงยุคนี้ มีการศึกษาหาประโยชน์ได้อย่างกว้างขวาง

ทำชามะรุมไว้ชงดื่ม ทำมะรุมแคปซูลไว้กิน สกัดเป็นน้ำมันมะรุมไว้ทา เก็บเมล็ดแก่ไว้กินวันละเม็ดสองเม็ด ดอก ฝัก แกงส้ม ใบเอามานึ่ง-ลวก-จิ้มน้ำพริก จุดเด่นอยู่ที่การปลูกการกินสะดวกไปเสียทุกอย่าง ตัดกิ่งมาจิ้มลงดินหน้าฝนก็เกิดเป็นต้นใหญ่ ตัดกองทิ้งไว้เป็นเดือนยังแตกยอดออกมาโชว์อีกแน๊ะ

: ผมเคยไปเดินตลาดสดในฟิลิปปินส์ แม่ค้าจะเอาใบแก่มามัดเป็นกำๆวางขาย ยังแปลกใจว่าคนฟิลิปปินส์กินใบมะรุมแก่ทำไม ส่วนอินเดียจะมีฝักมะรุมงามมาก อ้วน-ยาวกว่าของเรา แสดงว่ามะรุมเป็นผักอินเตอร์ ที่บ้านสวนปลูกมะรุมไว้เป็นผักบรรเทาทุกข์ แก้ไขแก้ขัดได้ทุกสถานการณ์ บางช่วงออกดอกขาวเต็มต้น เก็บแจกคนกรุงเทพฯ แม้กระนั้นก็ยังมะรุมมะตุ้มติดฝักบางคราวถึงกับกิ่งหัก มะรุมเป็นผักยืนต้นที่ปลอดสารพิษแน่นอน ไม่มีโรคแมลงอะไรไปรบกวน เว้นแต่ฝักแก่ควรรีบเก็บ ไม่งั้นจะมีหนอนเจาะกินเมล็ด >> แสดงว่าหนอนมันรู้ดีกว่ามนุษย์เสียอีก รู้ว่าสารในเมล็ดมะรุมมีคุณค่า จึงเฮโลมากินตัดหน้าเรา

: เท่าที่สังเกตที่สวนมีมะรุม2พันธุ์ มะรุมกระดูก ฝักเล็กเนื้อน้อย มะรุมเนื้อฝักอ้วนเนื้อมาก แต่งานวิจัยบอกว่ามะรุมมีทั้งหมด 14 สายพันธุ์ แต่พันธุ์ที่นำมาทดลองใช้มากที่สุดคือสายพันธุ์ โอริเฟอร่า แต่สบายใจได้ มีผู้สันทัดกรณีบอกว่า มะรุมในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์โอริเฟอร่าอยู่แล้ว อิอิ.. มะรุมนี่นะ ปลูกปีเดียวก็ออกดอกแล้ว หมั่นตัดกิ่งบ่อยๆ จะแตกใบอ่อนตลอดปี ทำให้ต้นเตี้ยเก็บง่าย แม้แต่คนขาสั้นก็เก็บสะดวก ไม่ต้องง้อคนขายาวมาช่วยเก็บ

: มะรุมเป็นผักพื้นบ้าน ที่ควรมีไว้ประจำทุกครัวเรือน ในเมื่อมันดีไปเสียทุกอย่าง กินก็ได้ ทาก็ได้ จะเอายังไงอีก..มีผู้รวบรวมคุณประโยชน์ไว้บ้างแล้ว ดังจะขอยกมาพอสังเขป

ใบมะรุม

เปรียบเทียบคุณค่าสารอาหารในใบมะรุมจากน้ำหนักเท่า ๆ กันกรัม:กรัม ใบมะรุมมี>>

มีไวตามินซีมากกว่าส้ม 7 เท่า

มีแคลเซียมมากกว่านม 4 เท่า

มีไวตามินเอมากกว่าแครอท 4 เท่า

มีโปแตสเซียมมากกว่ากล้วย 3 เท่า

มีโปรตีนมากกว่านม 2 เท่า

เห็นไหมครับ กินใบมะรุมเหมือนกินผักผลไม้ทั้งตลาด อิ อิ ใครอยากสวยพริ้งเหมือนป้าจุ๋ม แข็งแรงเหมือนอาม่า ยิ้มเยือกเย็นเหมือนหนูเบิร์ด ว่องไวเหมือนครูปู กินใบมะรุมวันละ 4 ก้านก็เริ่ดแล้ว

: มะรุมเป็นยาที่ออกฤทธิ์ต้านอนูมูลอิสระ เพราะมีคาโรตินอยด์ในปริมาณสูง ใบสดจะมีรสเผ็ด แต่เมื่อนำมารับประทานกับข้าวหรือแซนวิชจะไม่รู้สึกเผ็ดเลย รูดใบสดๆโรยบนข้าวรับประทานง่ายดี หรือจะไปตั้งโต๊ะใต้ต้นแล้วโน้มกิ่งมะรุมลงมาเด็ดกินพร้อมกับข้าวก็ได้ ถ้าจะให้ได้ผลเร็วแนะนำให้คั้นน้ำ ถ้าคั้นเป็นน้ำควรใส่ 2-3หยดผสมอาหารหรือเครื่องดื่ม ยกเว้นเด็กขาดสารอาหารรุนแรงจึงควรเพิ่มขนาดตามสมควร ผู้ใหญ่ที่กินเพื่อการรักษาถ้าจะให้ได้ผลเร็วควรคั้นน้ำดื่มวันละ1 ช้อนโต๊ะ มีพระสงฆ์หลายรูปฉันประจำ 3-4 ปี ไม่เคยปวดศีรษะหรือเป็นไข้หวัด แม้แต่อาการปวดเมื่อยตามข้อกระดูก จะหายภาย 1 เดือนหลังจากรับประทานประจำ

น้ำมันมะรุม

เมล็ดมะรุมมีน้ำมันด้วยนะ แถมยังมีคุณสมบัติเป็นเลิศ ถูกค้นพบในคนอียิปต์โบราณ พระนางคลีโอพัตราสวยเช้งก็เพราะได้น้ำมันมะรุมนี่แหละบำรุงผิวพรรณ เห็นไหม..ครูปูโยนเครื่องสำอางค์ทิ้งไปเลย น้ำมันมะรุมยังชะลอความชราได้ด้วย ใช้ทาโดยตรงหรือผสมโลชั่นหรือน้ำมันอื่นที่ชอบ เมื่อทาแล้วผิวหน้าจะเนียน นุ่มนวลง่ายต่อการแต่งหน้า ทั้งยังทำให้เครื่องสำอางติดทน ดูดซึมง่ายไม่เหนียวเหนอะหนะ ..ไม่ว่าจะนานเท่าใดน้ำมันชนิดนี้จะไม่เปลี่ยนสภาพสีและกลิ่น คนโบราณเรียกน้ำมันมะรุมนี้ว่า Ben Oil ปัจจุบันนำไปใช้เป็นน้ำมันหล่อลื่นนาฬิกาชนิดดีที่สุดในโลก รวมทั้งใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางราคาแพง นำมันมะรุมยังใช้รักษาโรคน้ำกัดเท้า โรคผิวหนังอันเกิดจากเชื้อราต่าง ๆ รวมทั้งป้องกันโรคฉี่หนู ป้องกันพยาธิไชเท้า ถ้าทาก่อนย่ำน้ำ

สรรพคุณของน้ำมันมะรุม

· ใช้ปรุงอาหารได้ดีกว่าน้ำมันมะกอก เพราะไม่เหม็นหืนในภายหลัง

· ช่วยบำรุงรักษาผิวที่แห้งใช้ชุ่มชื่นอ่อนนุ่ม ชะลอความเหี่ยวย่นของผิว

· ช่วยรักษาเชื้อราตามผิวหนัง

· ช่วยรักษาแผลสด ถูกมีดบาด หรือแผลสดเล็ก ๆ น้อย ๆ

· ลดอาการผื่นคันตามผิวหนัง อาการแพ้ผ้าอ้อมในเด็ก

· ลดอาการปวดบวมของโรคไขข้ออักเสบ เก๊าส์

· รักษาแผลในปาก ปากนกกระจอกเทศ

· ใช้นวดกระชับกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ

· ช่วยบรรเทาอาการเกิดสิว

· ช่วยลดจุดด่างดำหลังจากโดนแดด หรือการเสื่อมตามวัย

· ใช้นวดศีรษะ รักษาราผิวหนังศีรษะ บรรเทาอาการผมร่วง คันศีรษะ

· ช่วยถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อยได้ผลดีมาก

· บรรเทาอาการปวดเมื่อยบั้นเอวและขา ปวดไหล่ ปวดศีรษะ

· ใช้เป็นน้ำมันหล่อลื่นต่างๆ ประจำบ้าน ป้องกันสนิม

วิธีทำน้ำมันมะรุม

นำเมล็ดมะรุมแห้งที่สุกคาต้นมาบดให้ละเอียด ใส่หม้อ เติมน้ำให้ท่วมเป็น 2 เท่า ตั้งไฟ เดือดแล้วหรี่ไฟลง เคี่ยวไฟอ่อนๆไปเรื่อยๆพอน้ำเริ่มงวด น้ำมันจะซึมขึ้นมา ไม่จำเป็นต้องรอจนน้ำแห้งสนิท ทิ้งให้เย็น นำมากรองด้วยผ้าขาวบาง บีบเอาน้ำมันให้มากที่สุด นำน้ำมันไปตั้งไฟอ่อนๆอีกครั้ง เพื่อให้น้ำระเหย ทิ้งให้เย็นแล้วกรอกใส่ขวด เก็บไว้ใช้ได้นานปี ไม่ต้องใส่ตู้เย็น กากยังนำไปกรองน้ำให้สะอาด หรือทำปุ๋ย

ดอกมะรุม

ควรรับประทานสุกเท่านั้น ใช้ต้มทำน้ำชา ได้กลิ่นชาที่หอมหวานจะช่วยให้นอนหลับสบาย นอกจากนั้นยังนำมาชุบไข่ทอดหรือทำแก้งส้มได้อร่อย

เปลือกจากลำต้น

เอาเปลือกมาสับเป็นชิ้นเล็ก ถ้ามีเปลือกต้นปีบก็นำมาผสมด้วยก็ได้ นำมาห่อผ้าขาวบางทำเป็นลูกประคบ แก้โรคปวดหลังหรือปวดขา ร้านขายยาจีนส่วนใหญ่ จะนำเข้าเครื่องยารักษาโรคหลายชนิด

ประโยชน์ด้านเภสัช

1. รักษาโรคขาดอาหารในเด็กแรกเกิดถึง 10 ขวบ ลดสถิติการเสียชีวิต พิการ และตาบอดจากการขาดสารอาหาร ทำได้ดีโดยผ่านทางน้ำนมมารดา ที่รับประทานมะรุมอย่างสม่ำเสมอ จะเป็นการเพิ่มภูมิต้านทานและเพิ่มแคลเซียมไปเสริมกระดูก

2. ช่วยผู้ป่วยเบาหวานให้อยู่ในภาวะที่คุมได้ สามารถลดการใช้ยาลงโดยความเห็นชอบของแพทย์ คณะแพทย์และนักวิจัยทั่วโลกกำลังให้ความสนใจอย่างสูง

3. ใช้ควบคุมความดันโลหิตสูงให้อยู่ในภาวะที่คุมได้ แต่ทั้งนี้ต้องช่วยตัวเองด้วยการคุมอาหาร บริหารร่างกายง่าย ๆ ประกอบด้วย

4. ช่วยเพิ่มและเสริมภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย รับประทานในระหว่างตั้งครรภ์ มารดาจะสุขภาพสมบูรณ์แล้ว มีผลต่อทารกด้วย ลดโอกาสที่เด็กจะติดเชื้อ HIV ถ้าคุณแม่รับประทานใบมะรุมอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง

5. ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานต่ำของผู้ป่วยโรคเอดส์ ให้อยู่ในภาวะที่ควบคุมได้ มีการรักษาที่ประสบผลสำเร็จกว้างขวางในกลุ่มประเทศอาฟริกา

6. ถ้ารับประทานสม่ำเสมอช่วยป้องกันโรคมะเร็ง และถ้าหากเป็นอยู่แล้วจะช่วยให้รักษาพยาบาลได้ง่ายขึ้น บางกรณีสามารถหยุดการเจริญเติบโตของเนื้อร้ายได้ หากผู้ป่วยได้รับการรักษาด้วยรังสี การดื่มน้ำมะรุมช่วยให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น ขณะนี้มหาวิทยาลัยจอนฮอพกินส์และสถาบันวิจัยอื่นๆกำลังเร่งค้นคว้าเรื่องนี้อย่างจริงจัง ติดตามรายละเอียดที่ WWW.PUBMED.GOV พิมพ์คำว่า MORINGA

7. ช่วยบรรเทาอาการปวดบวมของโรคเก๊าส์ โรคไขข้อและกระดูกอักเสบ โรคมะเร็งในกระดูก โรครูมาติซั่ม

8. ช่วยรักษาโรคตาเกือบทุกชนิด เช่น โรคตามืดมัว โรคตาต้อ อาการสายตาสั้นดีขึ้นกว่าเดิม

9. รักษาโรคลำไส้อักเสบ โรคเกี่ยวกับท้อง โรคพยาธิลำไส้

10. รักษาปอดให้แข็งแรง และช่วยรักษาปอดอักเสบ

11. รักษาโรคทางเดินหายใจอักเสบ โรคโพรงจมูกอักเสบ หอบหืด และโรคภูมิแพ้ ช่วยลดอาการไอ

12. ช่วยเชื่อมต่อกระดูกที่หักได้ผลรวดเร็ว

13. ช่วยรักษาโรคคอหอยพอกชนิดเป็นพิษ งานวิจัยด้านโรคมะเร็ง เบาหวาน ความดัน คอหอยพอก โรคตับ และโรคตา

ชาวเฮเป็นพวกเฮไหนเฮด้วยอยู่แล้ว ถ้าใครมาสวนป่า จะได้ชิมยอดมะรุมผัดไข่ ดอก/ฝักมะรุมแกงส้ม ได้ปลูกต้นมะรุม ต่อไปก็จะชวนทำใบมะรุมอบแห้ง มะรุมแคปซูล หรือน้ำมันมะรุม ดูตามรายการต่างๆแล้ว ตรงกับอาการขี้โรคของผมทั้งนั้นเลย จึงคิดว่าจะเอาตัวเองเป็นหนูลองยา เริ่มกินใบมะรุม น้ำใบมะรุมคั้น แกงมะรุม และฝันหวานถึงมะรุมทุกคืน ๆ

อยากจะตั้งเป็นโครงการวิจัยแบบไทบ้าน

เรื่องมะรุมมะตุ้มกับวิถีไท ดู ๆไปแล้วมีผู้สันทัดกรณีในหมู่เฮาหลายท่าน หมอเจ๊ อาม่า ป้าจุ๋ม อุ๊ย อาราม ครูอึ่ง น้าอึ่ง ตาหวาน รอกอด ท่านบางทรายฯลฯ เป็นคณะวิจัย หาข้อมูลและคอยตรวจสอบข้อมูล วิเคราะห์สังเคราะห์รายละเอียดต่าง ๆ ในขณะเดียวกันเราก็เพาะต้นมะรุมขนานใหญ่ ชวนกันกินมะรุมให้เป็นเรื่องเป็นราว เพราะเรื่องมะรุมมันน่าระดมความรู้กันจริง ๆ นะขอรับ

· เป็นงานวิจัยที่อร่อย ชิมได้

· เป็นงานวิจัยที่สนุก จัดลำดับได้เองทุกขั้นตอน

· เป็นงานวิจัยที่เกิดประโยชน์ง่าย  ๆโดยตรง

· เป็นงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับคนทุกเพศทุกวัย

· เป็นงานวิจัยที่ลงทุนต่ำแต่ประโยชน์มหาศาล

· เป็นงานวิจัยที่เหมาะกับสุขภาวะของชาติในขณะนี้

· เป็นงานวิจัยที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลกับทั่วโลก

· เป็นงานวิจัยที่ช่วยให้คนวิจัยสวยคงทนแข็งแรงเหมือนแรด

ใครจะช่วย ยกมือขึ้น

เอามือลง !! อิอิ

นับไว้แล้วนะ

หมายเหตุ : เนื้อหาเอามาจากหนังสือเรื่อง มะรุม ต้นไม้เพื่อชีวิต โดย.วิไลวรรณ อนุสารสุนทร

>> วันนี้ ทดลองวิจัยกแรก ให้แม่บ้านเด็ดยอดมะรุมกับยอดมะกล่ำมาลวกจิ้มน้ำพริก ยอดผัดสดๆหวานอร่อย โดยเฉพาะยอดมะกล่ำหวานกรอบ ส่วนยอดมะรุมก็ไม่ธรรมดา หลังจากรับประทานไปประมาณ 4 ชั่วโมง รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ ปกติผมเป็นคนท้องผูกอยู่บ้าง แต่วันนี้สงสัยจะเป็นฤทธิ์ของยอดมะรุมเป็นยาระบาย

: มีข้อสังเกตว่า ถ้าท่านใดท้องปกติลองทานปริมาณน้อยๆก่อนนะครับ ไม่งั้นจู๊ดๆอุตหลุด จะหาว่าหล่อไม่เตือน อิอิ

« « Prev : ความรู้เพื่อชีวิตชุมชน

Next : H1N1 เจ้าเอย จะหลบไปที่ไหนดี » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

28 ความคิดเห็น

  • #1 จันทรรัตน์ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 กรกฏาคม 2009 เวลา 11:15

    มะมารุมกอด

    เคยมีคนถูกกอดจนเอวคดหายไปหนึ่งนิ้วเพราะต้นมะรุมของป้าจุ๋มมาแล้ว …ไม่เชื่อลองถามอาตี๋ใหญ๋ของอาม่าดูค่ะ…
    ถ้าได้กินมะรุมอีก…เอวคงคอดสวยแน่ๆ…อิอิ

  • #2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 กรกฏาคม 2009 เวลา 11:37

    คุณสมบัติใหม่ กินแล้วเอวหวาน ได้รูปทรง 55555

  • #3 Lin Hui ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 กรกฏาคม 2009 เวลา 12:06

    ไม่ขอยกมือ แต่ขอลงมือทำค่ะ เห็นทีควรชวนป้าจุ๋มหลังเกษียณ มามะรุมมะตุ้มเสียที

  • #4 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 กรกฏาคม 2009 เวลา 12:10

    รับสมัครนักวิจัยด่วน ด่วน ด่วน

  • #5 Panda ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 กรกฏาคม 2009 เวลา 12:24

    คุณสายน้ำ ให้ข้อมูลไว้ ที่นี่ ครับ

  • #6 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 กรกฏาคม 2009 เวลา 13:02

    เล่มเดียวกันครับอาจารย์

  • #7 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 กรกฏาคม 2009 เวลา 16:15

    เอาด้วยครับ

  • #8 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 กรกฏาคม 2009 เวลา 16:24

    ในพื้นที่มีผู้นำเกษตรกรที่อยู่ในเครือข่ายนับสิบคน จะเอาข้อมูลนี้ไปปรึกษากันครับ

  • #9 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 กรกฏาคม 2009 เวลา 16:31

    เยี่ยมเลยท่านบางทราย

  • #10 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 กรกฏาคม 2009 เวลา 17:22

    จ๊ากกกกกกกกก
    สมใจนึก บางลำพูจริง ๆ ค่ะพ่อ
    ขอบคุณค่ะ
    ขอ print บันทึกพ่อไปแจกพรรคพวกเลยแล้วกันนะคะ
    เผลอ ๆ อาจได้อานิสงมีคนตามเข้ามาในลานปัญญาเพิ่มอีกก็ได้ อิอิ
    ตอนนี้หลายบ้านไปหาต้นมะรุมมาปลูกกันเรียบร้อยแล้วค่ะ
    หนูว่าจะตระเวณหลอกกินข้าวบ้านนู้นทีบ้านนี้ที
    แล้วชวนบ้านนี้ทำชา ชวนบ้านนั้นทำน้ำมัน
    ท่าจะดี เนอะ พ่อ เนอะ
    อิอิ

  • #11 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 กรกฏาคม 2009 เวลา 17:35

    http://lanpanya.com/krupu/files/2009/07/00749_0.jpg
    เอารูปมาฝากครับผม  ^_^

  • #12 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 กรกฏาคม 2009 เวลา 18:17

    จากข้อมูลในเว็บ http://www.treesforlife.org/ (powerpoint, pdf)

    • หน้า 10 บอกว่าใบมะรุม มีสารอาหารในปริมาณมหาศาล; วิตามินซีเป็น 7 เท่าของส้ม, วิตามินเอ เป็น 4 เท่าของแครอต, แคลเซียมเป็น 4 เท่าของนม, โปแตสเซียมเป็น 3 เท่าของกล้วย และโปรตีนเป็น 2 เท่าของโยเกิร์ต
    • หน้า 11 ว่ามี วิตามิน A B1 B2 B3 C แคลเซียม โครเมียม ทองแดง เหล็ก แมกนิเซียม แมงกานีส ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม โปรตีน และสังกะสี
    • ปริมาณสารอาหารในใบมะรุม เทียบระหว่าอบแห้งกับใบสด ในหน้า 14-15
    • หน้า 35 ใช้เลี้ยงสัตว์ น้ำหนักวัวเพิ่มจนถึง 32% ให้น้ำนมเพิ่มขึ้น 43-65%
    • หน้า 37-45 บดก่อนเอาไปผสมกับน้ำอีก 36 เท่าโดยน้ำหนัก แล้วสเปรย์เป็นปุ๋ยอินทรีย์ ให้ผลดังรูป
    • หน้า 47 เป็นภาพหอกลั่นมีเทน ผู้ศึกษาประมาณการว่าผลิตมีเทนได้ 4,400 ลบ.ม. ต่อพื้นที่ 6.25 ไร่ ต่อปี ซึ่งมากกว่าการผลิตมีเทนจากใบ “บีทหวาน” ที่เคยใช้อยู่หนึ่งเท่าตัว

    ข้อมูลทางเคมีของมะรุม ปรากฏอยู่ที่เว็บไซต์ของมหาวิทยาลัย Purdue

    • ฝัก น้ำหนัก 100 กรัม ประกอบไปด้วย น้ำ 86.9 กรัม โปรตีน 2.5 กรัม ไขมัน 0.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 8.5 กรัม ไฟเบอร์ 4.8 กรัม เถ้าถ่าน 2 กรัม แคลเซียม 30 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 110 มิลลิกรัม เหล็ก 5.3 มิลลิกรัม วิตามินเอ 184 หน่วยบริโภคสากล ไนอาซีน 0.2 มิลลิกรัม กรดแอสคอบิค 120 มิลลิกรัม ทองแดง 310 มิลลิกรัม และไอโอดีน 1.8 มิลลิกรัม
    • ในใบ 100 กรัม ประกอบไปด้วย น้ำ 7.5 กรัม โปรตีน 6.7 กรัม ไขมัน 1.7 กรัม คาร์โบไฮเดรต 14.3 กรัม ไฟเบอร์ 0.9 กรัม เถ้าถ่าน 2.3 กรัม แคลเซียม 440 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 70 มิลลิกรัม เหล็ก 7 มิลลิกรัม ทองแดง 110 มิลลิกรัม ไอโอดีน 5.1 มิลลิกรัม วิตามินเอ 11,300 หน่วยบริโภคสากล วิตามินบี 120 มิลลิกรัม กรดนิโคติน 0.8 มิลลิกรัม วิตามินซี (กรดแอสคอบิค) 220 มิลลิกรัม และกรดโทโคเฟอรอล (อะไรก็ไม่รู้) 7.4 มิลลิกรัม; พบสารกลุ่มเอสโตรเจนซึ่งรวมถึง b-sitosterol และ pectinesterase
    • กรดอะมิโนที่พบในใบ 100 กรัม แยกเป็น arginine 6 กรัม ไนโตรเจน 16 กรัม histidine 2.1 กรัม lysine 4.3 กรัม tryptophane 1.9 กรัม phenylalanine 6.4 กรัม methionine 2 กรัม threonine 4.9 กรัม lucine 9.3 กรัม isoleucine 6.3 กรัม และ valine 7.1 กรัม
    • ส่วนกรดอะมิโนที่พบในฝัก หนัก 100 กรัม ประกอบได้ด้วย arginine 3.6 กรัม ไนโตรเจน 16 กรัม histidine 1.1 กรัม lysine 1.5 กรัม tryptophane 0.8 กรัม phenylalanine 4.3 กรัม methionine 1.4 กรัม threonine 3.9 กรัม leucine 6.5 กรัม isoleucine 4.4 กรัม และ valine 5.4กรัม
  • #13 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 กรกฏาคม 2009 เวลา 19:02

    โห แบบนี้ละครับ อย่างที่รอกอดค้นมา
    คิดว่ายังมีอีกเยอะ
    ตัวเลขการวิจัยเกี่ยวกับเอดส์น่าสนใจมาก

  • #14 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 กรกฏาคม 2009 เวลา 19:03

    งานนี้โดนใจแห้วศรีเป็นพิเศษ  จึงลุยเต็มที่

  • #15 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 กรกฏาคม 2009 เวลา 19:09

    วันนี้เริ่มงานวิจัยแบบอร่อยครั้งแรก
    >> ทดลองเอายอดมะรุม+ยอดผักมะกล่ำมาลวกจิ้มน้ำพริก
    ผลหรือครับ ช่วยแก้ท้องผูกได้เป็นปลิดทิ้ง
    ช่วงบ่ายเข้าห้องน้ำระบายของเสียออกมาจนท้องยุบ
    สบายท้อง โล่งโจ่ง

    >>  ท่านใดท้องผูกลองดูนะครับ อร่อยด้วย เอาอาหารเป็นยา สบายเสบยทุกอย่าง

  • #16 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 กรกฏาคม 2009 เวลา 19:37

    ขอเป็นหนูทดลองเกี่ยวกับเครื่องสำอางค์ได้มั้ยคะ แบบครีมทาผิวอะไรอย่างเงี้ย ^ ^

  • #17 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 กรกฏาคม 2009 เวลา 19:38

    ในกรณีของผู้ติดเชื้อ HIV สถาบัน NIH (คงคล้ายกับ สวรส. ของเรา) มีบทคัดย่อสั้นๆ จากการประชุมนานาชาติเรื่องเอดส์อยู่บทความเดียวครับ เสนอโดยมหาวิทยาลัย Stellenbosch ในอัฟริกาใต้ เมื่อปี 2545 [บทคัดย่อ] ซึ่งสรุปโดยย่อได้ว่า “เพราะว่ามะรุม มีสารอาหารที่ร่างกายต้องการครบถ้วน จึงมีการทดลองที่คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัย Stellenbosch โดยการให้ผงใบมะรุมอบแห้ง เป็นอาหารเสริมแก่ผู้ป่วย HIV”

    ผมไม่พบบทความทางวิชาการอื่นนอกจากข่าวที่อ้างไปมานะครับ

  • #18 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 กรกฏาคม 2009 เวลา 21:21

    เราจะทำน้ำมันพรายผสมน้ำมันมะรุม จำหน่าย อิอิ
    รับรองดังระเบิด นะเบิร์ด

  • #19 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 11 กรกฏาคม 2009 เวลา 21:23

    ดูซีดี แล้ว ตัดสินใจทำแปลงปลูกเพื่อเก็บใบ คนกินก็ได้ วัวกินก็ได้

  • #20 nuaor ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 กรกฏาคม 2009 เวลา 17:47

    พ่อครูขา คนเจียงใหม่ ฮ้องว่า “บะข้อนก้อม” เจ้า ปกติจะยะแกงกินเจ้า อะย่อยค่ะ ก็บ่นึกว่ามีประโยชน์ขนาดนี้เลย ขอบคุณสำหรับข้อมูลใหม่เน้อเจ้า จะได๋ปิ๊กไปบอกญาติ ๆ ตี้บ้านเจ้า

  • #21 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 กรกฏาคม 2009 เวลา 21:20

    จะทำวิจัยมะข้อนก้อม นี่แหละ ท่าจะอร่อยและสนุก อิอิ

  • #22 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 กรกฏาคม 2009 เวลา 22:37

    มะรุม พืชมหัศจรรย์

    เมื่อเพื่อนบ้านแห่มาขอมะรุม …เจ้าของสวน..เลยถึงบางอ้อ …ทำไม ใครๆ ก็กินมะรุม

  • #23 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 31 กรกฏาคม 2009 เวลา 18:15

    มีอยู่โจทย์หนึ่งที่ยังไม่ได้ทดลอง  คือการปลูกด้วยเหง้า

  • #24 handyman ให้ความคิดเห็นเมื่อ 6 สิงหาคม 2009 เวลา 8:44

    สุดยอด และเต็มอิ่มเลยครับ
    จากประสบการณ์แรกที่สวนป่า ในการวิจัยไข่เจียวยอด+ดอกมะรุม ลองอมเม็ดมะรุมครั้งแรก ก็ประทับใจและไปไหนก็มักเล็งหาแต่ต้นมะรุม เจอแถวชุมชนรถไฟ กม.11 ใกล้ขนส่งหมอชิด ตอนนั้นเก็บฝักแห้งได้มาไม่น้อย เพิ่งจะหมดสต็อคไป
    เมื่อไม่นานมานี้ ได้รับใบมะรุมผงมาจากลำพูน กำลังมีอาการไอเลิฟยูอยู่ และเรื่องปวดเมื่อยข้อ เข่า หลัง ก็ยังไม่หมดไป ลองชงดื่มคล้ายกับการกินยาหอม .. กลิ่นและรสชาติดี และดูเหมือนจะหลับสบาย บรรเทาอาการไอได้จริง ส่วนอาการปวดเมื่อยที่ดีขึ้น สรุปไม่ได้ เพราะมีสมุนไพรตัวอื่นที่กินติดต่อกันมา ร่วมสองเดือน และ ค่อยๆเห็นผลมาโดยลำดับ อาจเป็นการสนธิพลังของมะรุม กับสมุนไพรเหล่านั้นก็ได้ ใครจะรู้
    กำลังสนใจว่าน่าจะไปลงไว้สักแปลง ในที่สวนใกล้สวนโมกข์นานาชาติที่ไชยา .. ที่ของน้าที่เป็นเหมือนพ่อคนที่สอง และเขายินดีให้ไป “ทำอะไรก็ได้” ในสวนมะพร้าวที่มีน้ำพุร้อนอยู่ด้วย ติดเขาน้ำร้อน ที่ซึ่งผมเคยลุยน้ำข้ามพรุไปกับน้าเพื่อเริ่มทำสวน ปลูกมะพร้าวมาตั้งแต่สมัยเรียน ม.ต้น และยังไม่มีถนนตัดผ่านในขณะนั้น
    สถานการณ์ในชีวิตกำลังเสริมส่งให้น่าจะต้องกลับไป Start อะไรใหม่ๆที่บ้านพอดีครับ .. ไม่แน่ อาจได้มะรุมเป็นวิชาหลัก วิชาเอกทางเกษตรกรรม ในมหาวิทยาลัยชีวิตก็ได้ครับ .. ใครไปสวนโมกข์ จะได้เจียวไข่ใส่มะรุมต้อนรับ ให้ดื่มชามะรุม และแจกจ่ายน้ำมันมะรุม ก่อนให้ไปลงสระอาบน้ำร้อน น้ำแร่ธรรมชาติในสวนแห่งนั้น
    พูดเป็นเล่นไป .. น้าบอกผมมาหลายปีแล้วว่า อยากให้ไปคิดทำอะไรบนที่แห่งนั้น ให้คนมาพัก มาอาศัยปลีกวิเวกอยู่ใกล้ๆวัด ทั้งไทย ทั้งเทศอะไรทำนองนั้น .. ผมคิดได้ แต่ความรู้น้อย ด้อยประสบการณ์ จึงไม่อาจก่อการอะไรใหญ่ได้
    จะไม่มีอะไรเป็นคำแนะนำกันบ้างหรือครับ … ใจดำจัง
    อิ อิ อิ

  • #25 krupu ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 สิงหาคม 2009 เวลา 8:54

    หลังจากโม้เรื่องมะรุมกับชาวบ้านอยู่ตั้งนานสองนาน เมื่อวันหยุดที่ผ่านมาก็ได้ฤกษ์ลงมะรุมของตัวเองแล้วค่ะ จิ๊กชาวบ้านเขามา 2 ต้นเล็ก ๆ ปักปุ๊บ พอวันรุ่งขึ้นยอดอ่อนแตกทันที
    โอย เห็นแล้วกระปรี้กระเปร่าดีพิลึก
    ถ้าปลูกจนสามารถเด็ดมาทำกับข้าวกินได้ นี่จะเป็นครั้งที่ 2 ของชีวิตที่สามารถปลูกอะไรกินเองได้ ต่อจากการเพาะเห็ดถุงค่ะ
    ปลื้ม ๆๆ
    ^_______^

  • #26 tata ให้ความคิดเห็นเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2009 เวลา 1:37

    เปลือกที่ฝักมะรุม มาต้มทำชาได้ใหมคะ อยู่ปารีสหาใบไม่มี มีแต่ฟังแบบไว้แกง

  • #27 ไม่ลองไม่รู้ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 4 สิงหาคม 2010 เวลา 14:31

    มะรุม สัมนามะรุมครั้งแรกในประเทศ
    “สื่อเกษตรฯ จับมือ ม.เกษตร จัดงานสัมมนาครั้งใหญ่ เรื่อง “มะรุม” พืชมหัศจรรย์… จริงหรือ ? ระดมวิทยากรระดับกูรูไขข้อข้องใจทุกประเด็น ณ ม.เกษตร ศุกร์ 20 ส.ค. นี้ ติดตามด้วยการดูงานนอกสถานที่แหล่งผลิตและแปรรูปอย่างครบวงจร”

    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองที่นั่งเพื่อเข้าร่วมการสัมมนาได้ที่ สมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย และ นิตยสารไม่ลองไม่รู้ โทรศัพท์ 0-2809-4211-3 โทรสาร 0-2809-4213 หรือ 08-6319-6638 , 08-1497-7680
    หรือที่www.nakaintermedia.com

  • #28 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 เมษายน 2011 เวลา 2:55

    ขอบคุณทุกความเห็นครับ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.13890814781189 sec
Sidebar: 0.078332901000977 sec