ทำการบ้านหมู่บ้านเฮ

โดย sutthinun เมื่อ 29 พฤษภาคม 2009 เวลา 0:57 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 7388

: การบ้านเรื่องหมู่บ้านเฮ

ยังเคลียไม่ลงตัวว่าควรจะมีองค์ประกอบอะไรบ้าง

หมู่นี้ถ้ามีเวลาบ้าง

ผมจะตระเวนดูแล้วเก็บตัวอย่างดีๆมาเล่าให้ฟัง

เมื่อวานนี้ชวนแม่บ้านไปเที่ยวชุมชนศีรษะอโศก ซึ่งเป็นชุมชนพึ่งตัวเองที่ถูกชวนแล้วหลายครั้ง เป็นแต่ว่ายังอี๋อ๋อรีรอด้วยจังหวะเวลา เมื่อมีสิ่งเร้าว่าจะออกแบบหมู่บ้านแซ่เฮอย่างไร จึงตัดสินใจใหม่ ตราบใดที่ยังเดินได้ควรรีบไป ดีกว่ารอให้ถึงเวลาที่งกๆเงิ่นไป คิดได้ จึงทำตามที่คิด ยกโทรศัพท์ไปถามคุณขวัญดิน วันนี้อยู่ไหมครับ ท่านแก่นอยู่ไหม ถ้าว่างจะไปคารวะ

ผมทราบดีว่านักปฏิบัตินั้นไม่มีวันไหนหรอกที่เขาจะว่าง แต่เมื่อเห็นว่าเราจะไปเยี่ยมก็เมตตาสละงานรอคอย ผมออกจากสวนป่า ผ่านอำเภอจอมพระ-อำเภอรัตนะบุรี-อำเภอราศีไสล-เข้าตัวจังหวัดศรีษะเกษ-ต่อไปอำเภอกันทรลักษณ์ อยู่ห่างจากเขาพระวิหารประมาณ 30 กม.

ก่อนถึงตัวอำเภอกันทรลักษณ์8กม.มีป้ายศรีษะอโศกต้อนรับอาคันตุกะ เราเลี้ยวแว๊บเข้าไปประมาณ 200 เมตร ก็ถึงจุดศึกษาดูงานเฉพาะกิจในครั้งนี้ คุณเปิ้นกรุณาถีบจักรยานมารอรับที่ปากทาง ชวนกันเข้าไปอีก 100 เมตรก็ถึงที่พำนัก ทักทายกันแล้วก็เปิดฝาชี น้ำปั่นสมุนไพรสดถูกนำมาเสิร์ฟ เมนูมังสะวิรัตที่ปรุงด้วยผู้ที่อยู่กับสิ่งนี้มาค่อนชีวิต ผักลวกจิ้มนานาชนิด น้ำพริก ซุปเต้าหู้ผสมเห็ด ผัดแบบขลุกคลิก ผลไม้ปลอดสารนับเป็นมื้อหนึ่งที่เราได้รับประทานอาหารที่อร่อยจนลืมเนื้อสัตว์ กินไปคุยไปในบรรยากาศกันเอง ช่วยเติมชูรสสติที่ภัตตาคารไหนๆก็จัดให้เราไม่ได้

: การพึ่งพาตนเองด้านอาหารนั้นกระทำได้ไม่ยากนัก

สุขภาพดีมีค่ากว่าทองคำ

ดูแลสุขภาพด้วยอาหาร อารมณ์ ออกกำลัง และสมุนไพร

เราเน้นการป้องกันมากกว่าการรักษา

จึงประหยัดตัดค่ายาแผนปัจจุบันได้อย่างเบ็ดเสร็จ

กินเป็น อยู่เป็น คิดเป็น คำตอบก็ผุดพรายขึ้นมา

หลังจากนั้น น้าแก่นได้นำเราออกไปสัมผัสกับกระบวนการเศรษฐกิจพอเพียงที่เกิดจากการเหนี่ยวนำอย่างสุดฤทธิ์สุดเดช ในการที่จะหาวิธีพึ่งพากันเอง พึ่งพาตนเองให้ครบวงจร เราเดินออกไปทางทิศเหนือ มีแปลงนาข้าว อ้อย ไม้ไผ่ และกล้วย ที่แซมด้วยไม้ยางนาเป็นแถว ทุกพื้นที่กำลังบ่มเพาะธรรมชาติให้ฟื้นคืนสภาพอย่างมุ่งมั่น

: น้าแก่นเล่าว่าหลังคณะกลับจากมหาชีวาลัยอีสาน

ทีมงานตระหนักเรื่องการปลูกไม้ยืนต้นกันคึกคัก

ต้นไม้ที่ปลูกไปแล้วปีนี้เราจะให้ปุ๋ยเต็มที่

> เราปลูกเงาะ ทุเรียน ทำไมเราดูแลใส่ปุ๋ยดีนัก

> เราปลูกไม้ยืนต้น ทำไมเราไม่ดูแลใส่ปุ๋ยให้เต็มที่บ้าง

เราเดินผ่านสระน้ำขนาดใหญ่ แท็งค์น้ำสูง ปัมน้ำส่งกระจายให้ตามแปลงเพาะปลูก แล้วพาไปชมโรงงานผลิตปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ มีทั้งแบบอัดเม็ดและเป็นผง วัตถุดิบกองเป็นภูเขา ประกอบด้วยแกลบเผา โมลาสจากโรงงาน หินภูเขาไฟบด ถ้ามีมูลคนด้วยน้าแก่นบอกว่ายิ่งยอดเยี่ยม เอามาผ่านกระบวนการหมักแล้วจะไม่มีกลิ่นใดๆ ฝ่ายผลิตก็ผลิตไป ฝ่ายบรรจุ ช่างเย็บปากกระสอบ แบกขึ้นรถ 10 ล้อ ทำหมุนเวียนกันไม่ให้ขาดตอน เอาไปใช้เอง และจำหน่ายให้พี่น้องเอาไปทดลองใช้ เป็นกิจการที่ให้คำตอบในเชิงนโยบายว่า  ถ้าจะลดปุ๋ยเคมี จะเอาปุ๋ยอะไรมาทดแทน ที่นี่มีคำตอบ>>

: ปุ๋ยเป็นปัจจัยการผลิตที่นับวันจะเป็นตัวแปรต้นทุนสูงขึ้นๆ

ถ้าเราเอาของเสียโรงงานมาผลิตปุ๋ยจะประหยัดได้มาก

ทดลองผลิต ทดลองใช้ ได้ผลดีมาก

เครือข่ายไหนสนใจจะผลิตเองก็จะสอนให้

ประเทศนี้ยังต้องการปุ๋ยมาบำรุงดินอีกหลายแสนหลายล้านตัน/ปี

น้าแก่นพาไปยังโรงครัว ที่นี่มีการหมักเศษอาหารทำแก๊สใช้หุงต้ม มีมาตรวัดปริมาณแก๊ส มีถังเก็บแก๊สขนาดใหญ่ จุดหมักแก๊สอยู่ติดกับโรงครัว ที่มีเตากระทะใบบัวเรียงอยู่ 5-6 เตา กิจการนี้อธิบายการพึ่งตนเองด้านเชื้อเพลิงหุงต้มได้อย่างเบ็ดเสร็จ

: เศษอาหารเปลี่ยนมาเป็นสิ่งที่มีค่าด้วยกระบวนการหมัก

น้ำหมักที่ได้เอาไปรดผักงามกว่าปุ๋ยชนิดใด

เรื่องเชื้อเพลิงหุงต้มสามารถจัดการได้อย่างพอเพียง

ปิดบัญชีค่าเชื้อเพลิงได้แล้ว เดินหน้าไปปิดเรื่องอื่นๆต่อไป

น้าแก่นพาเราเดินเข้าไปในหมู่บ้าน ทุกหลังซ่อนตัวอยู่ใต้ต้นไม้ที่ร่มรื่น นอกจากนั้นยังมีศาลาหลังเล็กๆเรียงแถวสำหรับผู้ที่อยู่อย่างเจียมใจ แบบนกน้อยทำรังแต่พอตัว

: บ้านหลังใหญ่เท่าใด ค่าใช้จ่ายดูแลก็มากขึ้นเท่านั้น

เป็นภาระให้ต้องเสียเวลามาจัดการทุกวัน

บ้านแบบพอเพียงจึงมีความหมายต่อคำว่าพอดีพอใช้

กินอิ่มนอนอุ่นก็พอแล้ว

เราเดินไปชมโรงสีขนาดใหญ่ ที่น้าแก่นชวนลูกหลานก่อสร้างเองด้วยน้ำพักน้ำแรง ข้าวสารที่ผลิตได้นอกจากบริโภคภายในแล้ว ยังส่งออกไปจำหน่ายให้กับเครือข่ายในต่างประเทศ ในส่วนของชาวอโศกเอง จะรับประทานข้าวกล้องที่ทำเป็นข้าวงอกวันต่อวัน เราเดินต่อไปยังโรงงานผลิตเครื่องมือทำการเกษตร โรงงานผลิตสมุนไพรสำเร็จรูป จุดสุดท้ายเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยสินค้าที่จำเป็นสำหรับชาวบ้านทั่วไป ใครใคร่มาซื้อแบบขายส่งขายปลีกก็ได้ ใครมีสินค้ามาฝากขายก็ได้ เป็นการจัดการที่แม็คโคโลตัสต้องสะดุ้ง

: น้าแก่นเล่าว่า จุดแข็งอยู่ที่ราคาสินค้าเราถูกกว่าที่อื่น

ชาวบ้านไม่โง่งมงายกันทั้งหมดหรอก

ทุกคนเริ่มคิดถึงข้อเท็จจริงของประโยชน์ที่ได้รับ

เป็นการจัดการพึ่งตนเองด้านการตลาดได้อย่างน่าทึ่ง

เลิกเดินขบวนต่อต้านกันตั้งห้างพวกนั้น

หันมาตั้งห้างแข่งแบบนี้ สู้ได้สบายมาก

รายได้หมุนเวียนตกอยู่กับชาวบ้านหลายสิบล้าน

เรานั่งลงคุยกันเรื่องปัญหาสุขภาพชุมชน เห็นตรงกันว่าควรจะเน้นป้องกันจะง่ายกว่าการรักษา จากการค้นคว้าวิจัย ทำให้ได้ความรู้ด้านการป้องกันรักษาโรคในระดับดีมาก มีใครต่อใครเดินทางมาเข้าครอส์สุขภาพคิวไม่ว่างทั้งปี ตามเมนูฟื้นฟูสุขภาพจะใช้เวลา 5วัน 4คืน ยาสมุนไพรที่ผลิตได้ช่วยลดปัญหาค่าใช้จ่ายเรื่องยารักษาโรคได้มาก เป็นการพึ่งตนเองด้านสุขภาวะที่น่าสนใจมาก

: เรื่องรักษาโรคที่เกิดขึ้นแล้วยกให้โรงพยาบาล

เรื่องป้องกันการเจ็บป่วยเราจะหาทางช่วยเหลือกัน

ชวนชาวบ้านปลูกและใช้สมุนไพร

นำวัตถุดิบไปผลิตเป็นเภสัชชุมชนจำหน่ายราคาเยา

เราจะไม่เอากำไรจากคนเจ็บป่วยเป็นอันขาด

ใครอยากเรียนรู้เรื่องการผลิตสมุนไพรก็จะสอนให้

คุยกันเพลินจนบ่ายคล้อย น้าเปิ้นขนของใส่รถให้สารพัดของฝาก ต้นไม้ สมุนไพร มีข้อตกลงกันว่า ทั้ง 2 ฝ่ายจะจัดทีมไปเย้าเยือนกันเป็นครั้งคราวระหว่างปี จึงขอเล่าท้าวความให้ฟังว่า ตอนนี้คนสกุลเฮมีเพื่อนอยู่ที่ศีรษะอโศกแล้วเน้อ ใครอยากหุ่นดีเช้งวับ ก็รอฟังข่าวดีว่าเราจะนัดไปเข้าคร๊อสสุขภาพกันวันไหน อิอิ

« « Prev : เพื่อนดีมีค่าอนันต์

Next : เบ่งเต็มที่ คลี่ฝันให้บรรเจิด » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

3 ความคิดเห็น

  • #1 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 29 พฤษภาคม 2009 เวลา 8:11

    คนข้างกายเคยทำการศึกษาบทบาทศาสนากับการพึีงตนเอง ตระเวนไปทั้ง พุทธ คริส อิสลาม และก็มาลงที่ เครืออโศกทั้งหมด ทึ่งในอุดมการณ์และการทำได้จริง  สมัยก่อนเราโจมตี ระบบคอมมูน จริงๆแล้ว ศีรษะอโศกและเครือข่ายอโศกนี่แหละคือ คอมมูน ในมุม การพึ่งตนเอง

    รูปธรรมทั้งหมด วิถีทั้งหมด นั้นขับเคลื่อนภายใต้ สำนึก อุดมการณ์ หรือการพัฒนาจิตเข้าสู่ขั้น ลดละเลิกจนถึงขั้นแล้ว 
    สมาชิกของอโศกมิใช่คนธรรมดา เพราะท่านเหล่านั้นพัฒนาจิตสำนึกไปถึงขั้นสูงแล้ว

    แนวคิดนี้คล้ายๆ กิบบุช และ โมชาร์ปในประเทศอิสราเอลที่โ่งดังมานาน อดีต ข้าราชการไทยเราไปดูงานมานับไม่ถ้วน  กลับมาก็ส่ายหน้าว่า บ้านเราทำไม่ได้เพราะเรายังเวียนว่ายตายนเกิดอยู่ในระบบทุนนิยม อยากได้ ใคร่มี  แต่ที่นั่นไม่ใช่ เขาเอาระบบกองกลาง ส่วนกลาง นี่คือพื้นของระบบพอเพียงจริงๆ

    ไอ้ที่เราว่าชุมชนพึ่งตนเอง รวมทั้งของผมด้วยนั้น มันของปลอม เพราะเราด้อยเรื่องการพัฒนาสำนึก ยิ่งราชการขึ้นป้ายชุมชนพอเพียง ยิ่งของปลอม ก็แค่ขึ้นป้ายอย่างเคยชินนั่นเอง

    ผมสรุปมานานแล้วว่า การพัฒนาสำนึกนั้นคือสุดยอดของการพัฒนาชุมชน  แต่เราทำได้เพียงปัจเจกบุคคลเท่านั้น เราสร้างเป็นกลุ่มไม่ได้ เพราะเราใช้ชีวิตในสิ่งแวดล้อมแบบทุนนิยม หากจิตใจไม่เข้มแข็งจริง ไม่เกาะหลักคิด แนวทางที่ถูกต้องได้จริงๆแล้ว การเดินทางของชีวิตก็มักจะออกนอกลู่นอกทางตามการกระเพื่อมของจิต

    เรื่องนี้คุยกันสามวันไม่จบนะครับ..

  • #2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 29 พฤษภาคม 2009 เวลา 9:23

    มีแง่คิดให้ต้องใคร่ครวญอย่างมาก
    จุดพอดีพอเพียงฉบับของแท้ ของจริงนั้น
    มีกี่รูปแบบ กระบวนการจุดระเบิดให้สติเป็นอย่างไร
    ปัญหาอยู่ที่ว่า..เราคิดจะทำกับสิ่งที่ถูกต้องเพื่อตนเองและสังคมเพียงใด
    เครือข่ายสกุลเฮ  คงจะต้องลงมือช่วยกันค้นหาคำตอบ

  • #3 handyman ให้ความคิดเห็นเมื่อ 30 พฤษภาคม 2009 เวลา 17:10
    • ตามติดด้วยความสนใจครับ
    • สำนึกที่เกิดจากภายใน และด้วยใจศรัทธาจริงๆนั้น เป็นสิ่งกำหนดความสำเร็จ 
    • เรื่องสำคัญคือจะปลูกสำนึกและสร้างศรัทธาด้วยวิธีการ กระบวนการอะไร จึงจะได้ของแท้และยั่งยืน 
    • ที่แน่ๆ  ต้องไม่ใช่อย่างที่ทำๆกันทั่วไป  ในวงการการศึกษาในระบบครับ

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 1.1432449817657 sec
Sidebar: 1.2629511356354 sec