ใต้ร่มเงามหาชีวาลัยอีสาน ตอนที่ 7

โดย dd_l เมื่อ 19 มิถุนายน 2010 เวลา 10:31 (เย็น) ในหมวดหมู่ ศึกษาเรียนรู้ #
อ่าน: 1761

        “อาจารย์ นี่ระนะ ตอนนี้อาจารย์อยู่ไหน?”

        “เออ! ระ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะ ว่าฉันอยู่ไหน”

        เสียงสาระหันไปบอกกับพรรคพวกว่าฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ไหน ตามมาด้วยเสียงหัวเราะโห่ฮา บันเทิงเริงใจกันดีนักบนความทุกข์ยากลำบากของคนอื่น

        การเดินอย่างเงียบๆ ตามลำพังในพื้นที่กว้างๆ และสงบ เพื่อสดับตรับฟังจังหวะของการเดิน จังหวะของสายลม สัมผัสกับความงดงามรอบๆ ตัว และใส่ใจกับเสียงแมลงรอบล้อมรอบตัว มันเป็นช่วงดีๆ ของการได้อยู่กับตนเองตามลำพัง เพื่อการเปิดใจกว้างกับทุกๆ อย่างได้อย่างกว้างขวางและอิสระ การอยู่กับคนอื่นก็เป็นเรื่องที่เป็นสุข แต่การอยู่กับ “ผู้คน” จะจำกัดเราให้อยู่ใน “ข้อจำกัด” ของปฏิสัมพันธ์แห่งการพูดคุย การนึกใคร่ครวญไตร่ตรองในสิ่งที่สนทนากัน จำกัดใจของเราให้อยู่ในกรอบบางกรอบ แต่การเดินกับตนเองตามลำพัง ให้โอกาสเราได้รับรู้กว้างขึ้น และโอบเอาความจริงรอบๆ ตัวมาสู่การรับรู้ของเราได้กว้างและลึกซึ้งเสมอ และมันจะเป็นช่วงของใจอันสงบพิเศษซึ่งสำหรับข้าพเจ้าเป็นช่วงที่มีความสุขอย่างสงบอ่อนโยน

        และความพิเศษก็ทำให้เดินเข้าไปในป่ากว้าง จนไม่แน่ใจว่าในช่วงเวลาก่อนมืดนั้นจะมุ่งสู่ที่พักโดยเร็วได้อย่างไร ข้าพเจ้าเชื่อว่าหากเดินไปตามถนน และไปตามทิศที่กำหนดไว้ไม่มีทางจะหลงทางแน่ๆ แต่เมื่อจวนมืดแล้ว ทางใกล้ที่สุดจะเป็นทางไหนข้าพเจ้าไม่แน่ใจ

        ข้าพเจ้านั่งคอยอยู่กับที่ข้างถนนดินแดง มองยอดยูคาลิปตัสยามเย็นอ่อนไหวไปตามลมอ่อนๆ ทุกอย่างเงียบสงัด พี่อึ่งและอารามและพ่อครูบากำลังออกมาตาม เพื่อจะได้เป็นเป้าที่อยู่กับที่ ข้าพเจ้านั่งคอยอย่างสงบ ณ ที่นั้น

        อึ่งบอกให้ฟังเสียงแตรรถ กว่า 20 นาทีมั้งไม่มีเสียงแตรรถเลย แสดงถึงความกว้างของป่า และความทึบของต้นไม้ที่กั้นเสียง และเมื่อได้ยินเสียงแตร ข้าพเจ้าก็ลุกขึ้นเดินไปทางนั้น มันไม่ใช่ถนนดินแดงเส้นใหญ่ แต่เป็นทิศของเสียงที่พาข้าพเจ้าเดินไป พอเห็นทางเดินเล็กๆตรงไปท่ามกลางความมืดขมุกขมัวโรยตัวมาครอบคลุมทุกๆ แห่ง

        เท่าที่สายตามองเห็น ข้าพเจ้าเพ่งสายตาเดินไปในทิศของเสียงแตร และแล้วเสียงนกยูงก็ร้องสนั่นมาจากทิศทางเดียวกัน ข้าพเจ้าแน่ใจในทิศทางมากขึ้น และเดินตัดกอหญ้าที่คลุมทางเล็กๆ ไม่นานนักก็เห็นแสงไฟวับแวม ข้าพเจ้าตะโกนส่งเสียงกับอารามกับอึ่ง (อย่างสนุก) และแล้วทางก็โผล่เจอกับเตาเผาถ่าน ที่ข้าพเจ้าตั้งใจแต่แรกเดินว่าจะเดินอ้อมที่อันกว้างมาทะลุตรงนี้เพื่อถ่ายรูป เพราะคิดว่าในตอนเย็นแสงแดดจะเข้ามาทางด้านที่ช่วยให้เตาเผาถ่านดูชัดเจน ไม่เหมือนตอนเช้าที่ต้องถ่ายย้อนแสง

        และเมื่อเดินเร็วๆ ก่อนฝนจะตก ผ่านกองฝางยักษ์ไปที่ถนน แสงไฟหน้ารถของพี่อึ่งก็ฉายสว่างมาพร้อมๆ กับฝนหยดแรกๆที่ตกลงมาพอดี

        ข้าพเจ้ารับรู้ถึงคลื่นของความห่วงใยที่มากระทบจิตใจของตัวเอง ข้าพเจ้าพบว่านอกจากรถอึ่งและอาราม รถตาหวานของน้องตฤณก็ขับออกมาตามข้าพเจ้าด้วย ยังมีทีมคนงานอีกที่ไปมอเตอร์ไซค์ไปตาม และที่เป็นพิเศษคือแม่หวีกับป้าจุ๋มที่จุดธูปเก้าดอก ขอให้เจ้าที่เปิดทางให้ข้าพเจ้ากลับมาได้อย่างปลอดภัย

        เย็นวันนั้น ลูกศิษย์ของข้าพเจ้าเป็นพ่อครัว มีเจ้าเต๊ เจ้าเอ็กซ์ ดา นนท์ เนท เหมียว นัฐ กับพี่ๆ พี่ปูน พี่เอก พี่เจ พี่แอ พี่วรา พี่นี้ พี่ระ พี่มืด (จอมป่วน) เป็นผู้เตรียมอาหารเย็น กว่าข้าพเจ้าจะทานก็หลังโซโล่สิบกว่าเพลงคาราโอเกะ มีหมอป่วน (หมอสุธี ฮั่นตระกูล) ผู้มีอัธยาศัยเป็น DJ ทั้งร้องทั้งหาเพลง สนุกสนานบันเทิงใจอย่างมาก

 

โสรีช์ โพธิแก้ว

« « Prev : ใต้ร่มเงามหาชีวาลัยอีสาน ตอนที่ 6

Next : ใต้ร่มเงามหาชีวาลัยอีสาน ตอนที่ 8 » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "ใต้ร่มเงามหาชีวาลัยอีสาน ตอนที่ 7"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.43933296203613 sec
Sidebar: 0.26891207695007 sec