ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน

อ่าน: 1203

เมื่อวานอ่านหนังสือ 9 พุทธ 9 เต๋า 9 เซ็น
อ่านเรื่องนี้ถูกใจจึงอยากเล่า เป็นเรื่องที่ 7ของเต๋า จากหนังสือดังกล่าว
“ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน”

เมื่อจัดลำดับเท่าเทียมกันหมด
ความแตกต่างก็ไม่มี
เมื่อสภาพเท่าเทียมกัน
เอกภาพก็ไม่มี
เมื่อประชาชนทั้งหมดเท่าเทียมกัน
ความเป็นระเบียบก็ไม่มี
ฟ้าและดินยังมีอยู่ตราบใด
ตราบนั้นย่อมต้องมีสูงมีต่ำอยู่
ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินเสมือนต้นน้ำ
ถ้าต้นน้ำใสสะอาด กระแสน้ำก็ใสสะอาด
ถ้าต้นน้ำเน่า กระแสน้ำก็เน่า
ผู้ใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเหมือนจานใส่น้ำ
ถ้าเป็นจานกลม น้ำในจานก็กลม
ถ้าจานสี่เหลี่ยม น้ำในจานก็เป็นรูปสี่เหลี่ยม
ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเหมือนลม
ประชาชนเปรียบเหมือนหญ้า
หญ้าต้องลู่ไปตามลม
และดูลมไหวที่ยอดหญ้า
ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินเปรียบเหมือนเรือ
ประชาชนเปรียบเหมือนน้ำ
น้ำพยุงเรือให้แล่นไปได้
และน้ำก็จมเรือได้เช่นกัน

 

อ่านเรื่องนี้สะท้อนให้คิดว่า ทุกอย่างเป็นสิ่งสมมุติ

ตำแหน่งหน้าที่การงานคือหัวโขน

ทุกคนคือปถุชน ธรรมดา มีศักดิ์และศรี เท่าเทียมกันในความเป็นมนุษย์

ให้ใช้ความเป็นมนุษย์ในการดำรงหน้าที่ด้วยอริยบทอันเบิกบาน

“บอกตัวเองค่ะ”

Post to Facebook


เรื่องของแม่เมื่อคืน

9 ความคิดเห็น โดย sompornp เมื่อ สิงหาคม 8, 2010 เวลา 18:33 ในหมวดหมู่ ตามจริต, เรื่องรื่นรมย์, เรื่องเล่า #
อ่าน: 1485

ไม่ใช่เป็นเรื่องดัดจริตที่ทำให้ต้องมาคิดถึง และฝันถึงแม่เหมือนบันทึกของน้อง freemind นะ (จะบอกไว้) อิอิอิ

เมื่อคืนฝันถึงแม่  และเคยฝันลักษณะนี้มาหลายครั้ง  เคยคิดเหมือนกันว่า เวลาเราเจอเหตุการณ์ใด แล้วไม่สามารถพาตัวเองออกมาจากเหตุการณ์นั้นได้  และมักจะคิด และฝันซ้ำ ๆ กันในลักษณะนี้ และยังนึกถึงต่อไปว่า ที่เราเคยว่าพวกฝรั่ง อะไรนิดหน่อยก็ต้องปรึกษาจิตแพทย์ ทำไมมันไม่คิดเอง และหาเหตุผลกับสิ่งที่เกิดว่าเป็นอย่างไร  และเคยคิดไปว่า ทำไมต้องไปหจิตแพทย์เพื่อบำบัด ให้ระลึกถึงเหตุการณ์ และพาเราออกจากเหตุการณ์นั้น  เพื่อไม่ให้เจอ/พบ ในสิ่งที่เราฝังใจในเหตุการณ์นั้น ๆ

…….

วันที่แม่จากไปนั้น เป็นช่วงเช้า ก่อนจะไปทำงาน และก่อนที่จะเตรียมอะไรให้ตอนเช้า ก็จะเข้าไปดูแม่ก่อน แต่เหตุต้องไปพบว่าแม่นอนเฉย ๆ ในท่าที่ไม่น่าจะอยู่ในลักษณะนั้นได้นาน จึงพังประตูเข้าไป จับตัวเแม่ยังนิ่มอยู่ พยายามปั๊มหัวใจ และเป่าลมที่ปาก ทำทุกวิธีที่จะสามารถทำได้ แม่ตัวใหญ่ ก็ขึ้นคร่อมปั๋ม ๆ เท่าที่จะทำได้  แต่ก็ไม่เป็นผล ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงฝังใจตัวเองมาเรื่อย ๆ และเห็นภาพแม่ทุกวัน ๆ ๆ ก่อนวันจะเผา เราก็เห็นร่างแม่นอนหลับตาพริ้ม ผิวเป็นสีชมพูสวยงาม ภาพที่โลงค่อยเลื่อนลงสู่เมรุเพื่อเตรียมเผา อยู่ในความทรงจำมาเสมอ…..

และหลายครั้งที่ฝันถึงแม่ในลักษณะนี้ ฝันว่าแม่ตาย แจะฝันเห็นแต่สิ่งสวยงามของแม่เสมอ ไม่เคยเจอแม่ทุกข์สักครั้ง ถึงแม้ว่าแม่จะตาย แต่ภาพของแม่ก็เป็นการตายที่มีความสุข

คิดเหมือนกันนะ ว่าต้องไปหาจิตแพทย์เพื่อปรึกษาและลบภาพนี้ออกไปจากความทรงจำหรือเปล่า  แต่มาคิดอีกที  เราคิดถึงแม่ก็ไม่เห็นทำให้เราทุกข์เลยนี่  เพียงแต่บางครั้งมันอาจจะทรมานนิด ๆ  เหมือนว่าเราทำอะไรในการช่วยท่านไม่ได้ ก็เท่านั้่นเอง

ช่วงนี้อาจจะเป็นเพราะว่าคิดถึงแม่มากไปหน่อย(ก็เท่านั้นเอง) แต่จริง ๆ แล้วก็เหมือนกับที่น้องบอกว่า เราไม่เคยไม่คิดถึงแม่เลย เป็นเช่นนั้นจริง ๆ

เช้านี้จึงเล่าให้พี่คนโตฟัง และชวนกันไปตลาด (แต่ไม่ทันตักบาตร..อิอิ) และซื้ออาหารไปถวายวัด พร้อมกับถวายปัจจัยค่าน้ำที่แม่ได้ตั้งใจถวายให้วัดทุกเดือน และเราลูก ๆ ก็ทำตามเจตนารมย์ของแม่มาตลอด  ทำบุญให้แม่ พ่อ และพี่ชาย 2 คน เราก็สุขใจแล้ว…..

ขอให้แม่และพ่อ พร้อมพี่ชาย มีสุขในสรวงสวรรค์ชั้นฟ้านะจ๊ะ

……….

อยากบอกว่า พวกเรา รักแม่ พ่อ และพี่ ๆ ทั้งสองเหมือนเดิมนะ

………

รักแม่ รักพ่อ รักพี่น้อง ก็อย่าลืมใส่ใจกันบ้างนะจ๊ะ ถึงจะมีโกรธมีเคืองกันบ้างก็เป็นธรรมดาของชีวิต

“อย่ารอให้ถึงวันนั้น” นะจ๊ะ

……..

อยู่ดีมีสุขจ้า

8 สค.53

Post to Facebook


เรื่องบ้า ๆ ของวันที่ไม่น่าจะบ้า

4 ความคิดเห็น โดย sompornp เมื่อ สิงหาคม 7, 2010 เวลา 18:11 ในหมวดหมู่ ตามจริต, เรื่องรื่นรมย์, เรื่องเล่า #
อ่าน: 1949

คนเรามักทำอะไรตามจริตตัวเอง ซึ่งบางครั้งก็ไม่ได้หันมองสิ่งรอบข้าง หวังเพียงทำในสิ่งที่ต้องเองปรารถนาและต้องการเท่านั้น

วันนี้ได้ลองถอดบทเรียนในวันหยุดของตัวเองว่า ได้อะไร และมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง

…..

วันนี้วันหยุด

ฝนตกตั้งแต่กลางคืนที่ผ่านมา ใกล้รุ่งสางกระหน่ำตกแบบประมาณว่าได้ระดมน้ำมาหมดโลกแล้ว

จึงแอบคิดต่อไปว่า   เอ…แล้วถ้าน้ำท่วมโลกจะเป็นอย่างไร

นี่เป็นความิดในช่วงตีสี่ของวันที่แอบละเมอตื่นขึ้นมา

มันเป็นความบ้าของความคิด….เป็นแว๊บแรกของการคิดที่ดึงเอา สัญญา และการปรุงมาจากความเดิม ๆ ทั้งนั้น แล้วมันก็ฟุ้ง ๆ ๆ ไปจนงีบหลับไปอีกครา  สะดุ้งอีกที “ตายละหว่า” ลูกฉัน เมืื่อวานป้านายมา ไม่ได้เอาลูกเข้ามานอนในห้องด้วย ไม่รู้จะเปียกมะล่อกมะแล่กซะหรือเปล่าก็ไม่รู้ กระโดดเด้งขึ้นจากเตียงรีบออกมาดู  อ้าว…คุณชายนอนสบายอุราบนผ้าห่มหน้าประตู  (อิอิ) แสดงว่าป้านายเปิดประตูให้เข้ามานอน ….. เหลือบดูนาฬิกา ตีห้ากว่า….. กลับเข้าไปนอนซุกใต้ผ้าห่มอุ่น ๆ ฟังเสียงฝนตก(หนัก ๆ )และหลับไปอีกครา

..@#^%## …เสียงโทรศัพทย์ปลุกตอนเช้า(6.30 น.) งัวเงียรับพร้อมกับคำถามมาตามสายว่า “วันนี้บ้าตื่นมาตี่สี่หรือเปล่า” (5555555) บอกไปว่าไม่ได้ตื่น วันนี้ฝนตก นอนสบาย ไม่รู้จะทำอะไร นอนอนอนดีกว่า  แต่มาคิดได้ตอนนี้ว่า อืม …. ก็ตื่นนี่หว่า….

จึงตื่นมาและอ่านหนังสือ แบบงัวเงีย และเคลิ้มไปบ้าง และคิดต่อว่าวันนี้ฉันจะทำอะไร  หอบงานสัญญามาตรวจแต่ชาติที่แล้ว ก็ไม่เสร็จ (เป็นเรื่องบ้าอีกเรื่องที่อยากจะว่าคนอื่นไม่ช่วย…แต่ก็ไม่น่าจะไปโทษคนอื่น  เพราะคนอื่นว่ามันคือหน้าที่เรา เราก็ต้องทำ ไม่เป็นไร น้ำใจมีไว้ให้คนอื่นเท่านั้น…อิอิอิ)

แล้วอาการบ้าทางความคิด ก็พาตัวเองเตลิดไปเรื่องเปื่อย ถึงเรื่องงาน ถึงเรื่องส่วนตัวที่ต้องทำ ทั้งเรื่องที่ผ่านมาและมาไม่ถึง มันวน ๆ  เข้ามาในระบบความคิด  เป็นที่สังเกตุว่า  เรื่องดังกล่าวเหล่าที่ จะระดมเข้ามาในวันหยุดที่เราได้มีเวลาคิด และมีเวลาทบทวนตัวเอง  หลาย ๆ ครั้งที่ใช้บทเรียนในวันหยุดนี้ มาเป็นแบบในการที่จะบริหารจัดการเรื่องการทำงานให้เป็นระบบ แต่มันก็ไม่สม่ำเสมอเลย  แต่สิ่งที่ได้ทำเสมอคือ  ถ้าต้องไปราชการ หรือลา จะต้องตรวจงานค้าง และเขียนเป็นข้อ ๆ พร้อมจัดแฟ้มบนโต๊ะที่มองหาง่าย เมื่อเจ้านายต้องการ  และจะมอบงานให้น้อง ๆ ทำ และตรวจเช็คงานที่ค้่างไว้เสมอ  และสิ่งสำคัญคือต้องจัดระบบเอกสารที่ต้องเก็บเข้าแฟ้มให้เป็นที่เรียบร้อย  และในวันก่อนวันหยุดก็จะเคียร์โต๊ะทำงานเช่นกัน ในเช้าวันนี้ความคิดมันก็วน ๆ เรื่องงานไป ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็จะไปทำงาน  แต่ปัจจุบัน วันหยุดก็ให้โอกาสและร่างกายในการทำกิจกรรมอย่างอื่นบ้าง จะได้ผ่อยคลายกายให้สบาย ๆ ด้วย

…@#^%#%$#%….เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น และมีคำถามว่า ที่ที่จะขายนั้นอยู่ตรงไหน ตอนนี้ยืนอยู่ไม่รู้ว่ามันคือจุดไหน

มองนาฬิกาน่าจะเก้าโมงกว่า ๆ จึงบอกไปว่า อยู่ตรงนั้นแหละจะซิ่งไปเดี๋ยวนี้

(งานนี้ถ้าที่(ป้านาย) ได้ขายอาจจะเป็นโชคดีของหลาย ๆ คน อิอิอิ)  จึงไม่เกี่ยงงอนที่จะตื่น และรีบไปในทันใด

สรุปว่า  เรื่องสุดท้ายนี้เป็นเรื่องไม่บ้าเรื่องเดียว

เรื่องอื่นที่กล่าวมาคือเรื่องที่ว่า “บ้า” และอยากเล่า

ก็(แค่อยาก)เท่านั้นเอง

อ่านจบแล้วก็ขอบคุณที่มาบ้าร่วมกันค่ะ

Post to Facebook


กฎ กติกา และมารยาท

อ่าน: 1168

กระบวนการจัดการความรู้ของคณะเภสัชศาสตร์ในปีนี้ ดำเนินการโดยผ่านทีมกระบวนกรหัดขับ(เคลื่อน)

และเนื่องจากในปีนี้ได้มีการเปลี่ยนผู้บริหารใหม่ ทำให้การทำงานเป็นแบบไม่ต่อเนื่อง  จึงได้มีปรับกระบวนการการจัดการความรู้ เป็นการถอดบทเรียนโดยทีมกระบวนกรได้เข้าไปเยี่ยมในแต่ละงาน และเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมโดยการเล่าเรื่องการทำงาน  และถอดบทเรียนในงานที่ตนเองเห็นว่ามีการพัฒนา และสามารถนำไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับหน่วยงานอื่นได้

วันนี้ได้โอกาสในการเข้าไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสายงานบริการการศึกษา มีผู้เข้าร่วม 12 คน เปิดโอกาสให้แต่ละคนได้เล่าในงานของตัวเอง  บรรยากาศเป็นกันเอง  แรก ๆ ก็อาจจะมีประหม่า และดูเหมือนว่าจะเล่าดีไม่เล่าดี  ในงานบริการการศึกษาได้มีน้องกระบวนกรอยู่ร่วมด้วย และเป็นน้องใหม่  เห็นบรรยากาศเงียบ จึงเป็นผู้อาสาเล่าเรื่องเป็นคนแรก  (น้องยะ เป็นกระบวนกรฝึกหัดที่มีโอกาสได้ร่วมเรียนรู้กับพี่ ๆ กระบวนกร  จึงมีวิทยายุทธที่จะเรียนรู้ว่า ช่วงเวลาใดที่จะเสริบรรยากาศให้เกิดการเรียนรู้อย่างเป็นธรรมชาติ จึงได้เปิดประเด็นก่อน) น้องได้เล่าถึงกระบวนการทำงานของตัวเอง และการนำ IT เข้ามาปรับใช้ในงาน เพื่อให้ค้นหาข้อมูลได้ง่าย และใช้ประโยชน์ของ IT ได้อย่างเต็มที่

หลังจากนั้น น้อง ๆ แต่ละคน ได้เปลี่ยนกันเล่าเรื่องงานที่ตัวเองทำ และมีงานเด่น ๆ ที่ได้มีการพัฒนา หรือกรณีมีปัญหา ได้ใช้กระบวนการในการแก้ไขอย่างไร  ทำให้มองเห็น มุมมอง และการเสริมจากเพื่อน ๆ ในกลุ่มอย่างเป็นธรรมชาติ 

ประเด็นที่ได้คุยของแต่ละคน จะพบว่าจากเรื่องราวที่เป็นความสำเร็จ หรือประเด็นปัญหา  หนีไม่พ้นเรื่อง กฎ ระเบียบ และกติตกาต่าง ๆ ที่เราได้ตกลงร่วมกัน  แต่ในการปฏิบัตินั้น ไม่เป็นไปตาม กฎ ระเบียบ และกติกาที่ตั้งไว้  ตัวอย่างเช่น  การขอข้อมูล และระบุว่าขอให้ส่งภายในวันที่ …..  เพื่อจะได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป  ซึ่งงานดังกล่าว เป็นเวลาที่ถูกกำหนดไว้  เพื่อให้งานดำเนินเป็นไปตามแผน  แต่เมื่อไม่ได้ข้อมูล  แผนการทำงานก็กระทบไปกับงานอื่น ๆ จึงทำให้เกิดการทำงานล่าช้า  บางครั้งถึงกับต้องเสียสิทธิ์ในงานนั้น ๆ ไป  จึงได้มีประเด็นตามมาว่า ถ้าคนเราทุกคน รู้จัก กฎ กติกา แต่ไม่มีมารยาทในการใช้ร่วมกัน กฎ กติกานั้นก็ไม่สร้างประโยชน์ที่จะใช้ร่วมกันได้ (อันนี้ตัวเองเป็นคนชูประเด็นเอง)  ทุกคนจึง ฮา ๆ ๆ และพูดพร้อม ๆ กันว่า น่าจะจริง  จึงถามต่อไปว่าแล้วทำอย่างไร (นอกจากทำใจ)  หัวหน้าได้ตอบแทนว่า นอกจากทำใจ แล้ว ยังต้อง ธรรมะด้วย  ดังนั้น ทุกวันนี้เราจึงอยู่ปฏิบัติงานด้วยหน้าที่ การทำใจ และใช้ธรรมะในการครองงานในภาระกิจของทุกคน

 

สรุปว่าวันนี้จึงเป็นวันนี้ที่ได้ย้อนมามองตัวเองว่า  เราได้ปฏิบัติงานทุกวันนี้ตามกฎ กติกา  แล้วเรายังมีมารยาทที่จะทำตามกฎ กติกานั้นด้วยหรือไม่  ก็เป็นประเด็นที่ต้องกลับมาย้อนมองตัวเอง

เป็นอีกวันหนึงที่สุขใจ หลังจากได้ทำความสะอาด Big Cleaning Day เมื่อเช้านี้

สบายใจวันหยุดนะคะ

Post to Facebook



Main: 0.21321392059326 sec
Sidebar: 0.040682077407837 sec