ดูหนัง ฟังเพลง เล่าสู่กันฟัง(กับเขาบ้าง) A walk to remember

4 ความคิดเห็น โดย sompornp เมื่อ กันยายน 25, 2010 เวลา 15:44 ในหมวดหมู่ เรื่องรื่นรมย์, เรื่องเล่า #
อ่าน: 3464

A walk to remember

ก้าวสู่ฝัน วันหัวใจพบรัก

เมื่อคืนได้มีโอกาสดูหนังเรื่องนี้  A walk to remember เป็นผลงานของ Nicholas Sparks นักเขียนนวนิยายโรแมนติกที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุด และผลงานของเขาถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตรหลายต่อหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น Message in a bottle , Notebook รวมถึง A walk to remember ที่ล้วนแต่ถ่ายทอดเรื่องราวของความรักในหลากหลายมุมให้ได้ชมและสัมผัสถึงความรู้สึกของคำว่า “รัก” อย่างนุ่มนวล

เป็นเรื่องราวของพระเอกหนุ่มหน้าตาดี นิสัยมุทะลุไม่สนใจสิ่งใดนอกจากสมาชิกในกลุ่ม เป็นเด็กเกเร มักทำเรื่องไม่ดีแก่ผู้อื่นเสมอ วันหนึ่งเขาเกือบทำให้เพื่อนซึ่งเป็นน้องใหม่อยากเข้ากลุ่มต้องบาดเจ็บกลายเป็นอัมพาต และเกือบโดนไล่ออกจากโรงเรียน แต่ครูใหญ่ได้คาดโทษ และมอบหมายให้เขาบำเพ็ญประโยชน์เพื่อโรงเรียน โดยการทำงานทำความสะอาดอทนภารโรง และเพื่อสังคม โดยการไปสอนหนังสือเด็กด้อยโอกาสในวันหยุด และให้ร่วมแสดงละครในวันงานโรงเรียน  ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องที่ทำให้เขารู้สึกแย่ การเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวทำให้ได้รู้จักกับนางเอกลูกสาวบาทหลวง ที่มีจิตใจงดงาม และสนใจในดาราศาสตร์ มีบุคลาลิกที่ตรงข้ามกับพระเอกอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้พระเอกจะไม่ชอบนางเอกซึ่งมีนิสัยเฉิ่ม ๆ แต่สุดท้ายก็ค้องพึ่งพาในการทำงานร่วมกัน จึงทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เริ่มเข้าใจกัน และปรับทัศนคติให้พระเอกกลับมาเป็นคนดี โดยฝช้ความเชื่อ และความศรัทธาเป็นตัวเหนี่ยวนำให้เกิดการทำดี แต่กระนั้นการคบกันของทั้งคุ่ก็ทำให้ความไม่พอใจกับพรอของนางเอกและเพื่อน ๆ ของพระเอก แต่ทั้งคู่ก็ช่วยกันให้ผ่านพ้นอุปสรรคนั้นมาได้  แต่แล้วหนังก็เข้าสู่บรรยากาศแห่งอารมณ์เศร้าโศก (เกอืบเสียศูนย์ อิอิ เพราะมันกำลังโรแมนติก) พลิกผัน ระหว่างที่พระเอกหลงรักนางเอกอย่างจับใจ และตั้งเป้าหมายชีวิตตัวเองอย่างสวยงาม โดยไปถึงเป้าหมายที่เป็นหมอ (เหมือนอย่างพ่อของตัวเอง) แต่แล้วนางเอกก็บอกว่าตัวเองเป็นลูคีเมีย มีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน แต่ก็ไม่เป็นการละความพยายามของพระเอกที่จะทำให้ทุกวิถีทางที่จะทำให้นางเอกมีชีวิตอยู่ได้  และเมื่อไม่สามารถยื้อชีวิต เขาจึงทำทุกวิถีทางให้นางเอกมีความสุข จนสิ้นลมหายใจ

ถึงแม้เรื่องจะจบลงอย่างเศร้า แต่ได้เรียนรู้ว่า การมีความเชื่อ ความศรัทธาจะนำพาซึ่งสิ่งที่งามเข้ามาในชีวิต หรือแม้กระทั่งความรักของพ่อ แม่ เป็นรักที่บริสุทธิ์ ถึงแม้จะมีอุปสรรคหรือสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ แต่พ่อแม่ก็ทำทุกวิถีทางที่จะให้ลูกมีความสุข และหากเรามีเป้าหมายในชีวิตแล้ว และเราค่อย ๆ ก้าวเดินไปตามที่เราตั้งเป้าหมายไว้ ด้วยความศรัทธา ที่สิ่งสมปรารถนาก็จะเกิดขึ้นได้

“จำคำพูดของพระเอกที่พูดกับพ่อนางเอกตอนที่เขาไปเยี่ยมหลังจากนางเอกตายไปแล้วว่า

…..

ไม่มี miracle สำหรับนางเอก
พ่อนางเอกบอกว่า มีสิพระเอกไงเป็น miracle ของนางเอก (WoW) อิอิอิ
….

ว่าง ๆ และชอบหนังแนวนี้ก็หาดูได้นะคะ

นักแสดง
พระเอก  Shane West Landon Rollins Carter
นางเอก  Mandy Moore เป็น Jamie Elizabeth Sullivan

อีกอย่าง เพลงเพราะมา “Cry” ร้องโดย Mandy Moore

รูป 2 รูปจากเวบ http://movie.sanook.com/movie/movie_05497.php

Post to Facebook


ชีวิต

อ่าน: 1967

ภาพจาก : น้องบ้านมกรา

คำคมจาก : กัลยาณมิตร

Post to Facebook


3 เหตุผล ที่รักษา ‘คนเก่ง’ ไม่ได้

อ่าน: 1948

การมี “คนที่มีศักยภาพ” อยู่ในองค์กรโดยเฉพาะ ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง ถือว่าเป็นเรื่องไม่ง่ายอยู่แล้ว แต่การ รักษาคนที่มีศักยภาพ อยู่กับองค์กรเป็นเรื่องที่ยากยิ่งกว่า

ปัญหาในเรื่องนี้ถึงแม้จะไม่ใช่ปัญหาเรื่องใหญ่ของ ธุรกิจ/องค์กรขนาดใหญ่ เพราะมีทั้งงบประมาณ ศักยภาพ และระบบในการสร้างและรักษาคนที่มีศักยภาพ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เกิดขึ้น เพียงแต่องค์กรขนาดเล็กและขนาดกลางจะเจอปัญหานี้มากกว่า

“คน” ที่องค์กรขนาดเล็กและขนาดกลางมี มักจะเป็นพนักงานใหม่…ที่เข้ามาอยู่ไม่นาน ก็ออกไป ส่วนที่อยู่ได้นานจนเข้าขั้นอาวุโส ก็เป็นอาวุโสแบบหมดไฟซะส่วนมาก ไม่ใช่ “ขิงแก่” ที่เข้มข้นด้วยประสบการณ์และความสามารถ ส่วนประเภทกลางเก่า กลางใหม่ ก็ไม่มีอะไรที่โดดเด่น
เหตุผลอะไรที่ธุรกิจขนาดเล็กจนถึงขนาดกลาง ไม่สามารถ “สร้างและรักษา คนที่มีศักยภาพไว้ได้?” อ่านต่อ »

Post to Facebook


ฟัง

2 ความคิดเห็น โดย sompornp เมื่อ กันยายน 2, 2010 เวลา 11:43 ในหมวดหมู่ การจัดการความไม่รู้, ตามจริต, เรื่องรื่นรมย์, เรื่องเล่า #
อ่าน: 1481

เรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิต

สอนให้เราได้เลียนรู้ —> เรียนรู้

Post to Facebook


ญาติดีดี

ไม่มีความคิดเห็น โดย sompornp เมื่อ กันยายน 1, 2010 เวลา 16:23 ในหมวดหมู่ คนดี, ตามจริต, เรื่องรื่นรมย์, เรื่องเล่า #
อ่าน: 1443

ญาติดีดีให้มาอ่านค่ะ

18 ข้อดีของความทุกข์

รูปภาพ “ตอ” จากสวนป่าค่ะ

Post to Facebook


ฝ่ายค้าน

4 ความคิดเห็น โดย sompornp เมื่อ กันยายน 1, 2010 เวลา 11:51 ในหมวดหมู่ การจัดการความไม่รู้, ตามจริต, เรื่องรื่นรมย์, เรื่องเล่า #
อ่าน: 2489

ไม่รู้ว่าเขาเริ่มต้นเรียกฉันว่าฝ่ายค้านเมื่อไร  จริง ๆ ถึงระดับหัวหน้าฝ่ายค้านด้วยซ้ำ

ข้อความข้างบนเกิดจากการประชุม(ไม่)ลับ เกี่ยวกับการทำงานในหน้าที่หัวหน้าเป็นเวลา 1 ปี ได้มีการสะท้อนและแลกเปลี่ยนบทเรียน บทบาท และสิ่งที่หัวหน้าต้องพึงปฏิบัติ  ประกอบกับเป็นการทบทวนตัวเองว่า พร้อมที่จะทำในตำแหน่งหน้าที่ดังกล่าวหรือไม่  ที่ประชุมฯ ได้มีการอภิปรายอย่างกว้างขวาง และมีมติให้เป็นอำนาจในการตัดสินใจของตัวเจ้าของ โดยให้คิดถึงเป้าหมายต่าง ๆ ทั้งของตัวเอง และระดับคณะ  ดังนั้นจึงได้มีการทบทวนตัวเอง  และกลับนำเข้าที่ประชุมใหม่ว่า ได้ตัดสินใจแล้วว่า ในการทำงานในหน้าที่ดังกล่าวนั้น ทำให้เกิดความไม่สบายใจ ไม่สะดวก และจริง ๆ ไม่ใช่จริต  และการทำงานของเราถ้าจะทำในหน้าที่ที่ถนัด ก็ทำให้เป้าหมายคณะที่เราคาดหวังในหน้าที่ของเรา เป็นไปได้  ดังนั้นจึงเสนอที่ประชุมพิจารณาอีกครั้ง  และมีมติยอมรับในการตัดสินของตัวเอง  และให้นำเสนอผู้บริหาร(ด้วยตัวเอง)ต่อไป (งานเข้าอีกแล้ว) อ่านต่อ »

Post to Facebook


“ฟาด” และ “ฟัน”

อ่าน: 1245

เย็นนี้พี่พี่บอกว่าฉันอารมณ์ดี  หลังจากที่ยืนปาฐกถาเป็นเวลาประมาณครึ่งชั่วโมง และเปิดโอกาสให้ซักถาม โดยเปิดใจไม่มีแม้มเลย  ซึ่งจริง ๆ แล้ว ฉันเรียนรู้ที่จะไม่แบกมันมาตั้งนานแล้ว  แต่บางครั้งใจมันตามไม่ทันก็เตลิดไปบ้าง  แต่ก็ไม่ได้เก็บมาคิดจนคนอื่นบอกว่ามันทำให้ผมขาวบนหัวฉันเพิ่มขึ้น…

การที่เราเรียนรู้ที่จะฟาดฟันกันด้วยเพราะตัวเราคิด ใส่ความรู้สึก ใส่อารมณ์ วิ่งตามกิเลส และความคาดหวังไป  สุดท้ายแล้ว  มันไม่ได้อะไรที่เราอยากให้ไปถึงเป้าหมายเลย  ทุกอย่างมันเป็น อนิจจัง ทุกขขัง อนัตตา ทั้งสิ้น 

เอาให้ง่าย ๆ เช่น คิดว่าเมื่อมีเงินแล้วมีความสุข เสพสุขจากเงินได้ตลอดไป ซึ่งก็ไม่จริง  ได้เงินมามีสุข ใช้เงินไป เงินหมด ก็อาจทุกข์ได้  ทุกสิ่งผ่านมาแล้วก็ผ่านไปเสมอ  ไม่มีสิ่งใดที่คงที่คงทนหรอก  หรือเช่น ไปทำบุญตักบาตร ฟังพระ ฟังเทศน์ แล้วมีความสุข  สุขก็เกิดขึ้น ณ ปัจจุบันนั้น  พอเรามาพบมาเจอสิ่งอื่น ก็อาจทำให้เกิดสภาวะอีกแบบก็เป็นได้  ฉะนั้น เราจะมาฟาดฟันให้ได้สิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืน (ทำไมกันหนอ) ….บอกตัวเอง….

อ่านข้อความที่มีคนเขาเขียนไว้ว่า

บางครั้ง สิ่งที่ดีที่สุด…ก็ไม่ใช่…สิ่งที่ถูกต้องที่สุด…

บางครั้ง สิ่งที่ถูกต้องที่สุด …ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด…

บางครั้งสิ่ง ที่เราคิดว่าไว้ใจได้มากที่สุด…แต่กลับทำลายเราได้มากที่สุด

บางครั้ง สิ่งที่คิดว่าทำลายเรามากที่สุด…กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เราไว้ใจได้มากที่ สุด…

ทุกอย่างไม่ใช้ของแท้ และแน่นอน

แล้วเราจะฟาด และ ฟัน กันทำไม

สุขใจดีค่ะ

 

 

 

 

 

 

เตรียมตัวไปเที่ยวยุโรปดีกว่า อิอิอิ

Post to Facebook


เศษผมในแก้วน้ำ

อ่าน: 1209

“น้ำใสในแก้วฉ่ำเย็น น่าดื่มกินเพียงใด

หากแม้นมีเพียงเส้นผมเส้นเดียว หย่อนลงไปปนอยู่ในน้ำในแก้วนั้น

น้ำที่ว่าใส เย็นฉ่ำ น่าดื่มกิน ก็หมดซึ่งคุณค่าไป

เป็นที่น่ารังเกียจ ไม่อาจดื่มกินลงไปได้

น้ำใสนี้ กลายเป็นน้ำที่ไม่น่าดูไม่น่าดื่ม

ก็ด้วยความน่ารังเกียจ ของสิ่งที่ปนเปื้อน ที่ใส่เข้าไป”

 
“ความดี” ก็เป็นดั่งนี้ ทำความดีทำไว้มากเพียงใดก็เหมือนดังเติมน้ำลงไปใส่น้ำลงไปในแก้ว ความดีเปรียบดังน้ำที่ใสสะอาด ฉ่ำเย็น น่าดื่ม น่ากิน แต่เมื่อใดที่ผิดพลาดพลั้งเผลอนำความชั่ว แม้เพียงครั้งเดียว ด้วยความไม่รู้ด้วยความไม่ตั้งใจหรือด้วยเหตุใดๆ ก็เปรียบเหมือนดั่งหย่อนเส้นผมลงไปในน้ำในแก้วนั้น ความดีที่สร้างที่ประจักษ์อยู่ก็จะทำให้ผู้ที่เป็นเจ้าของความดีนั้นมัวหมอง ลงไปด้วยความไม่ดี ด้วยความชั่วที่ตนกระทำ

นี้เป็นการมอง…นี่เป็นการมองของคนในโลกมนุษย์ทั้งหลาย ชอบที่จะมอง “ความเลว” ของผู้อื่น แทนที่จะมองซึ่ง “ความใสสะอาด” อันเป็นเหมือนดั่ง “ความดี”ของผู้นั้น “น้ำ ในแก้วใสสะอาดแต่ไม่มีใครมอง กลับมัวแต่มองเส้นผมเส้นเดียวที่อยู่ในแก้วนั้น”นี่เป็นการมอง…นี่เป็นการ มองที่เป็นของคนทั้งหลาย เป็นการมองของปุถุชนผู้ยังมีกิเลสอยู่…………

เรียนรู้เรื่องดีดีเพื่อให้มองเข้าไปในใจตน

คิดเช่นไร เมื่อเห็นด้วยตา

วางอย่างไร เมื่อฟังด้วยหู

รู้อย่างไร เมื่อได้ปฏิบัติ “ทำ” และ “ธรรม”

 

ธรรมะสวัสดี

ไปสวดมนต์กันนะคะ

 

 

 

 

Post to Facebook


เสียงสะท้อนของชีวิต

อ่าน: 1242

“เสียงสะท้อนของชีวิต” 

 


พ่อและลูกชาย… กำลังเดินอยู่ในป่า ทันใดนั้น ลูกชายเดินไปเหยียบหนามแหลมทำให้เขาเจ็บปวดเลยร้องตะโกนลั่น”โอ๊ย” เด็กชายเกิดความประหลาดใจ เมื่อมีเสียงสะท้อนกลับมาจากภูเขา “โอ๊ย” เด็กชายโกรธมาก เหมือนภูเขามาล้อเลียนเขา เลยตะโกนออกไปว่า “คุณเป็นใครทำไมมาล้อเลียนผม”

แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาจากภูเขา คือเสียง “คุณเป็นใคร ทำไมมาล้อเลียนผม” เด็กชายหัวเสียมาก “คุณขี้ขลาด” ภูเขาไม่ยอมลดละด่ากลับมาว่า “คุณขี้ขลาด”

เด็กชายหงุดหงิดมาก เลยหันไปถามพ่อของเขาว่า นั่นมันเสียงอะไร พ่อบอกว่า “ตั้งใจฟังนะ”

แล้วตะโกน ก้องว่า “ผมชื่นชอบคุณ” ภูเขาตอบกลับมาว่า “ผมชื่นชอบคุณ” พ่อยังตะโกน อีกว่า”คุณเป็นคนพิเศษ” ภูเขาตอบกลับมาว่า “คุณเป็นคนพิเศษ” แตเด็กชายยังไม่เข้าใจ

พ่ออธิบายว่า… คนเราเรียกเสียงนี้ว่าเสียงสะท้อน แต่จริงๆ แล้ว นี่คือชีวิต ชีวิตที่คุณจะได้รับอะไร ก็ต้องดูว่าเราได้ให้อะไรไปบ้าง ชีวิตก็เหมือนกับกระจกที่สะท้อนออกมา

เมื่อเราต้องการความรักมากๆ เราก็ต้องรักคนอื่นมากๆ หากเราต้องการความเมตากรุณา เราต้องให้สิ่งเหล่านั้นไปก่อน

ถ้าลูกต้องการให้คนอดทนและนับถือเรา ลูกก็ต้องอดทนและนับถือคนอื่นก่อนนี่เป็นกฎเกณฑ์ของธรรมชาติของทุกสรรพสิ่งในโลกนี้

 

 

ชีวิตที่เลือกได้

เราสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นอะไร เราจะทำดีอะไร

เราจะ…..อย่างไร 

เราจะได้สิ่งนั้นตอบแทน

เชื่อนเช่นนั้นค่ะ

วันนี้ฉันอยากตะโกนว่า”ฉันรักทุกคน”

 

 

เรื่องดีดีจากเพื่อน

ธรรมะสวัสดีนะ

 

Post to Facebook


พลิกมุมคิด ชีวิตเปลี่ยน

2 ความคิดเห็น โดย sompornp เมื่อ สิงหาคม 17, 2010 เวลา 19:58 ในหมวดหมู่ การจัดการความไม่รู้, คนดี, ตามจริต, เรื่องเล่า #
อ่าน: 1097

พลิกมุมคิด ชีวิตเปลี่ยน

ความจริงของชีวิตคือทุกข์ ชีวิตของเราทุกคนกำลังเดินทางอยู่ท่ามกลางทุกข์โทษภัยนานาชนิด ภัยธรรมชาติอุบัติเหตุ ไฟไหม้ โจรผู้ร้าย โรคภัยไข้เจ็บ

กล่าวได้ว่า ชีวิตของคนเราโดยทั่วไปแล้วก็มีเหตุการณ์ต่างๆ ที่ไม่น่าปรารถนา มากดดัน บีบบังคับชีวิตของเรามากมาย หมายถึง โลกธรรมแปดฝ่ายที่ไม่น่าปรารถนา คือ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์

พระพุทธเจ้า จึงตรัสไว้ว่า ชีวิตคือทุกข์ ความจริงของชีวิตคือทุกข์ หมายความว่า ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตายเป็นทุกข์ การประสบกับสิ่งที่ไม่รัก การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ปรารถนาสิ่งใด ไม่ได้สิ่งนั้นเป็นทุกข์ ความเศร้าโศกร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ ก็เป็นทุกข์

สมมติว่า เรากำลังอิจฉาใครคนใดคนหนึ่งอยู่เป็นอย่างมาก เพราะเห็นเขามีแต่สุขสมหวัง หรือนึกๆ ดูว่าในโลกนี้มีชีวิตใครที่น่าอิจฉาบ้าง

แต่จริงๆ แล้วไม่ว่าใครจะน่าอิจฉาขนาดไหนก็ตาม เขาเหล่านั้นต่างก็กำลังยืนอยู่ท่ามกลางภัยอันตรายในวัฏสงสารเหมือนๆ กันทุกคน

เรา ทุกคนในโลกนี้ต่างอยู่ท่ามกลางโทษภัยอันตรายที่น่ากลัวในวัฏสงสารกันทั้ง นั้น เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องไปคิดน้อยใจอะไร ไม่ต้องไปคิดอิจฉาใคร ไม่ต้องรู้สึกว่า เรามีปมด้อย

ไม่ว่าเราจะเกิดมาในตระกูลดี มีฐานะร่ำรวยขนาดไหน พ่อแม่พี่น้องทุ่มเทความรักความเมตตาให้เรามากแค่ไหน ไม่ว่าเราจะมีกำลังกาย กำลังใจ กำลังทรัพย์ กำลังสติปัญญามากเพียงไรก็ตาม ชีวิตทุกชีวิตย่อมต้องมีอุปสรรคที่ทำให้เราต้องเจ็บกาย เจ็บใจอยู่ไม่มากก็น้อย

พระพุทธเจ้าจึงสอนให้เราต้องสร้างกำลังใจให้หนักแน่น ให้พร้อม ถ้าเราประมาท ชีวิตก็จะพังทลายได้ง่ายๆ

อย่างที่เราก็มองเห็นตัวอย่างอยู่บ่อยๆ เมื่อผิดหวังในชีวิตแล้วก็ทำใจไม่ได้ ทุกข์ทรมานใจจนถึงกับฆ่าตัวตายก็มี

ถ้าเราเปิดตาเปิดใจกว้างแล้ว เราก็จะเห็นว่าโลกนี้มีคำสอนดีๆ ที่มีคุณค่ามากมาย

เรา สามารถเรียนรู้ได้จากประสบการณ์ชีวิตคนอื่น คำสอนต่างๆ จากนักปราชญ์ นักบุญ ครูบาอาจารย์ มีมาตั้งแต่โบราณกาล มีอยู่ทั่วทุกมุมโลก จากฮีบรู อาหรับ จีน ทิเบต อินเดีย ฯลฯ

คำสอนต่างๆ มีความเป็นสากลที่เราสามารถนำมาใช้ในการดำเนินชีวิต เมื่อเกิดทุกข์ มีปัญหาชีวิต กุญแจหรือเคล็ดลับที่จะไขปัญหาก็มีอยู่เสมอ

เมื่อมี ทุกข์เปรียบเหมือนเราตกลงจากที่สูง แต่ถ้ามีปัญญาแล้วก็เหมือนกับว่าเรามีลวดสปริงติดอยู่ที่เท้า พร้อมที่จะกระโดดหนีขึ้นมาได้ทันที

เมื่อตกลงไปข้างล่างพาตัวเองก้าวพ้นจากอุปสรรค พร้อมที่จะก้าวไปข้างหน้าได้เสมอ

หากมีปัญญาแล้ว ไม่ว่าจะมีทุกข์ มีวิกฤตในชีวิต ก็สามารถหาทางออกได้ในทุกสถานการณ์


ที่มา: หนังสือ โชคดี พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก

 

ธรรมะดีดีในวันนี้ อ่านซ้ำให้เห็นถึงกาย ถึงใจตัวเอง

สติไม่มี ปัญญาก็ไม่เกิด เหตุแห่งทุกข์ก็เพิ่มพูน เพราะการคิดของเรานั่นเอง

Post to Facebook



Main: 0.88874912261963 sec
Sidebar: 0.23842096328735 sec