ฝ่ายค้าน
ไม่รู้ว่าเขาเริ่มต้นเรียกฉันว่าฝ่ายค้านเมื่อไร จริง ๆ ถึงระดับหัวหน้าฝ่ายค้านด้วยซ้ำ
ข้อความข้างบนเกิดจากการประชุม(ไม่)ลับ เกี่ยวกับการทำงานในหน้าที่หัวหน้าเป็นเวลา 1 ปี ได้มีการสะท้อนและแลกเปลี่ยนบทเรียน บทบาท และสิ่งที่หัวหน้าต้องพึงปฏิบัติ ประกอบกับเป็นการทบทวนตัวเองว่า พร้อมที่จะทำในตำแหน่งหน้าที่ดังกล่าวหรือไม่ ที่ประชุมฯ ได้มีการอภิปรายอย่างกว้างขวาง และมีมติให้เป็นอำนาจในการตัดสินใจของตัวเจ้าของ โดยให้คิดถึงเป้าหมายต่าง ๆ ทั้งของตัวเอง และระดับคณะ ดังนั้นจึงได้มีการทบทวนตัวเอง และกลับนำเข้าที่ประชุมใหม่ว่า ได้ตัดสินใจแล้วว่า ในการทำงานในหน้าที่ดังกล่าวนั้น ทำให้เกิดความไม่สบายใจ ไม่สะดวก และจริง ๆ ไม่ใช่จริต และการทำงานของเราถ้าจะทำในหน้าที่ที่ถนัด ก็ทำให้เป้าหมายคณะที่เราคาดหวังในหน้าที่ของเรา เป็นไปได้ ดังนั้นจึงเสนอที่ประชุมพิจารณาอีกครั้ง และมีมติยอมรับในการตัดสินของตัวเอง และให้นำเสนอผู้บริหาร(ด้วยตัวเอง)ต่อไป (งานเข้าอีกแล้ว)
หลังจากที่ได้สรุปกันเป็นที่เรียบร้อย ได้มีข่าวแพร่ออกไปอีกวงหนึ่ง ซึ่งทำให้เกิดประเด็นคำพูดที่ว่า เอ้ย “หัวหน้าออกไม่ได้ ถ้าออกก็ไม่มีฝ่ายค้านสิ ทีนี้ทางสะดวกแน่” อะไรวะ นี่เอาตรูไปเป็นฝ่ายค้านเมื่อไร และที่ผ่านมาพวกเองเอาตรูไปเป็นหนังหน้าไฟทุกทีสิเนี่ย “นี่คือคำสบถของฉัน” ก็คิดตลก ๆ ว่า เอาละสิ งานนี้ถ้าจะไม่ง่าย ทั้งฝ่ายที่อยู่ข้างหน้า และฝ่ายที่(เอาทีน)ยันหลังไว้ ก็อธิบายให้เข้าใจไป เราไม่เป็นแต่เราก็ทำงาน และร่วมงานกันเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่การบังคับบัญชาก็ไม่ได้ขึ้นกับเรา (เอ….แล้วจริง ๆ ที่ผ่านมาเราได้บังคับบัญชาเขาหรือเปล่าหนอ…หรือเป็นแค่หัวโขน อิอิอิ)
ที่เล่านี้ อยากสะท้อนตัวเองว่า การทำงานนั้นมีทั้งปัญหาอุปสรรคมากมาย หัวที่เขานำมาให้เราใส่ มันไม่ได้หมายความว่า เรามีค่า มีราคา หรือมีอำนาจ วาสนาอะไร ก็เป็นเพียงแต่หัวโขน และในเมื่อเราทำหน้าที่ตรงนั้นได้ไม่ดี ตามที่เราและบุคคลอื่นตั้งเป้าหมายไว้ เราก็พิจารณาตัวเอง การที่เรารู้ตัวเอง ก็ทำให้เราได้สังเคราะห์ และตัดสินใจ เพื่อให้คณะฯ ได้สรรหาบุคคลที่เหมาะสมต่อไป และเราก็ทำงานในหน้าที่เราในการสนับสนุนให้ดีที่สุด (นี่ต่างหากเป็นงานที่เราชอบ และภูมิใจในการทำตรงนี้)
และยังสะท้อนให้เห็นมุมมองของเพื่อนรอบข้างว่ามองเราในบทบาทอย่างไร หลาย ๆ เรื่องที่เราทำ และต่อสู้ร่วมกัน ช่วยเหลือ เกื้อกูลกัน ถึงแม้ว่าต่อไปจะไม่มีหัวโขนใส่ แต่เราก็ยังต้องช่วยเหลือเกื้อกูลกันต่อไป ด้วยเป็นเพื่อนร่วมงาน เป็นเพื่อนร่วมสังคม เป็นเพื่อนร่วมโลกที่อยู่ด้วยกันมากกว่าครอบครัวเสียอีก
บันทึกไว้เตือนตัวเอง ในการตัดสินใจ แม้จะประกอบด้วยอารมณ์ แต่ก็ยังเอาเหตุและผล เป็นที่ตั้งที่สำคัญที่สุดค่ะ
(แล้วรูปนี่เกี่ยวอะไรเนี่ย….จะบอกว่า ก็เพราะเป็นแบบนี้แหละ 555)
« « Prev : ทดสอบ(ใจ)
Next : ญาติดีดี » »
4 ความคิดเห็น
พี่ที่รัก
ฝ่ายค้านมีความสำคัญพอ ๆ กับฝ่ายรัฐ (ผู้ปฏิบัติ/ผู้วางนโยบาย)
หากไม่มีฝ่ายค้าน คนทำงานจะด้อยศักดิ์ศรีไปเยอะเลย
ความจริงเขาให้เราประเมินตัวเองนี่…ดีนะคะ อย่างน้อยทุกคนที่ประัเมินตัวเองก็ผ่านกระบวนการยอมรับและได้ตัดสินใจ ดีกว่า…ให้คนอื่นมาตัดสิน…เรา…
ชอบภาพประกอบบันทึกนี้จริง ๆ
ถ้าขยายความอีกนิดให้เต็มจอ น่าจะเอาเป็นบทความลงพิมพ์ในไผ เล่มต่อไปได้
ในชื่อเรื่อง “หัวหน้าสะอื้น” อ อ อิ
หรือไม่ก็ชื่อ “รองเท้าผิดข้าง” หรือไม่ก็ “ตัดเท้าให้พอดีกับเกือก”
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับหัวโขน แต่มันเกี่ยวกับรองเท้า ฮ่าๆ….