เศษผมในแก้วน้ำ

อ่าน: 1265

“น้ำใสในแก้วฉ่ำเย็น น่าดื่มกินเพียงใด

หากแม้นมีเพียงเส้นผมเส้นเดียว หย่อนลงไปปนอยู่ในน้ำในแก้วนั้น

น้ำที่ว่าใส เย็นฉ่ำ น่าดื่มกิน ก็หมดซึ่งคุณค่าไป

เป็นที่น่ารังเกียจ ไม่อาจดื่มกินลงไปได้

น้ำใสนี้ กลายเป็นน้ำที่ไม่น่าดูไม่น่าดื่ม

ก็ด้วยความน่ารังเกียจ ของสิ่งที่ปนเปื้อน ที่ใส่เข้าไป”

 
“ความดี” ก็เป็นดั่งนี้ ทำความดีทำไว้มากเพียงใดก็เหมือนดังเติมน้ำลงไปใส่น้ำลงไปในแก้ว ความดีเปรียบดังน้ำที่ใสสะอาด ฉ่ำเย็น น่าดื่ม น่ากิน แต่เมื่อใดที่ผิดพลาดพลั้งเผลอนำความชั่ว แม้เพียงครั้งเดียว ด้วยความไม่รู้ด้วยความไม่ตั้งใจหรือด้วยเหตุใดๆ ก็เปรียบเหมือนดั่งหย่อนเส้นผมลงไปในน้ำในแก้วนั้น ความดีที่สร้างที่ประจักษ์อยู่ก็จะทำให้ผู้ที่เป็นเจ้าของความดีนั้นมัวหมอง ลงไปด้วยความไม่ดี ด้วยความชั่วที่ตนกระทำ

นี้เป็นการมอง…นี่เป็นการมองของคนในโลกมนุษย์ทั้งหลาย ชอบที่จะมอง “ความเลว” ของผู้อื่น แทนที่จะมองซึ่ง “ความใสสะอาด” อันเป็นเหมือนดั่ง “ความดี”ของผู้นั้น “น้ำ ในแก้วใสสะอาดแต่ไม่มีใครมอง กลับมัวแต่มองเส้นผมเส้นเดียวที่อยู่ในแก้วนั้น”นี่เป็นการมอง…นี่เป็นการ มองที่เป็นของคนทั้งหลาย เป็นการมองของปุถุชนผู้ยังมีกิเลสอยู่…………

เรียนรู้เรื่องดีดีเพื่อให้มองเข้าไปในใจตน

คิดเช่นไร เมื่อเห็นด้วยตา

วางอย่างไร เมื่อฟังด้วยหู

รู้อย่างไร เมื่อได้ปฏิบัติ “ทำ” และ “ธรรม”

 

ธรรมะสวัสดี

ไปสวดมนต์กันนะคะ

 

 

 

 

Post to Facebook


เสียงสะท้อนของชีวิต

อ่าน: 1305

“เสียงสะท้อนของชีวิต” 

 


พ่อและลูกชาย… กำลังเดินอยู่ในป่า ทันใดนั้น ลูกชายเดินไปเหยียบหนามแหลมทำให้เขาเจ็บปวดเลยร้องตะโกนลั่น”โอ๊ย” เด็กชายเกิดความประหลาดใจ เมื่อมีเสียงสะท้อนกลับมาจากภูเขา “โอ๊ย” เด็กชายโกรธมาก เหมือนภูเขามาล้อเลียนเขา เลยตะโกนออกไปว่า “คุณเป็นใครทำไมมาล้อเลียนผม”

แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาจากภูเขา คือเสียง “คุณเป็นใคร ทำไมมาล้อเลียนผม” เด็กชายหัวเสียมาก “คุณขี้ขลาด” ภูเขาไม่ยอมลดละด่ากลับมาว่า “คุณขี้ขลาด”

เด็กชายหงุดหงิดมาก เลยหันไปถามพ่อของเขาว่า นั่นมันเสียงอะไร พ่อบอกว่า “ตั้งใจฟังนะ”

แล้วตะโกน ก้องว่า “ผมชื่นชอบคุณ” ภูเขาตอบกลับมาว่า “ผมชื่นชอบคุณ” พ่อยังตะโกน อีกว่า”คุณเป็นคนพิเศษ” ภูเขาตอบกลับมาว่า “คุณเป็นคนพิเศษ” แตเด็กชายยังไม่เข้าใจ

พ่ออธิบายว่า… คนเราเรียกเสียงนี้ว่าเสียงสะท้อน แต่จริงๆ แล้ว นี่คือชีวิต ชีวิตที่คุณจะได้รับอะไร ก็ต้องดูว่าเราได้ให้อะไรไปบ้าง ชีวิตก็เหมือนกับกระจกที่สะท้อนออกมา

เมื่อเราต้องการความรักมากๆ เราก็ต้องรักคนอื่นมากๆ หากเราต้องการความเมตากรุณา เราต้องให้สิ่งเหล่านั้นไปก่อน

ถ้าลูกต้องการให้คนอดทนและนับถือเรา ลูกก็ต้องอดทนและนับถือคนอื่นก่อนนี่เป็นกฎเกณฑ์ของธรรมชาติของทุกสรรพสิ่งในโลกนี้

 

 

ชีวิตที่เลือกได้

เราสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นอะไร เราจะทำดีอะไร

เราจะ…..อย่างไร 

เราจะได้สิ่งนั้นตอบแทน

เชื่อนเช่นนั้นค่ะ

วันนี้ฉันอยากตะโกนว่า”ฉันรักทุกคน”

 

 

เรื่องดีดีจากเพื่อน

ธรรมะสวัสดีนะ

 

Post to Facebook



Main: 0.037491083145142 sec
Sidebar: 0.15777492523193 sec