โอะโอ้ย กลายเป็น โอลีฟ

6 ความคิดเห็น โดย ป้าหวาน เมื่อ 28 กันยายน 2009 เวลา 6:40 (เย็น) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1330

และแล้ววันเข้าโรงเรียนก็มาถึง ไม่ต้องสงสัยเลยว่า โอะโอ้ยจะตื่นเต้นแค่ไหน  เพราะทุกอย่างได้ตระเตรียมล่วงหน้ามาหลายเดือนแล้ว แม่เตรียมให้ชุดนักเรียนอนุบาลกระโปรงสีแดง ติดกระดุมตรงเอว รองเท้านักเรียน กระเป๋า..เอ..สีแดงหรือเปล่านะ ไม่แน่ใจ จำไม่ได้ หัวใจหนูน้อยพองฟู  แม่ขี่จักรยานพาไปส่ง เวลาซ้อนจักรยานใครเป็นเด็กเคยถูกสั่งไหมว่า อย่าเอาเท้าไปใกล้ล้อรถ  เด็กหญิงโอะโอ้ยจึงนั่งกางขาไปตลอดทาง ….ถึง โรงเรียน  เดินเข้าไปกอดมือแม่แจ คุณครูคนสวยมารับ แต่จะเอาโอะโอ้ยไปจากแม่  เท่านั้นแหละ แรงมีเท่าไรก็ดิ้นสุดฤทธิ์  มือเท้าปัดพัลวัน  ไม่ไป ไม่ไป  …คงเหนื่อยทั้งแม่และคุณครู   ทำให้มาคิดได้ทีหลังว่า  จริงๆแล้วแม่ไม่ได้เตรียมเรื่องสำคัญคือ เตรียมให้ลูกอยู่กับคุณครู  แม้จะไป โรงเรียนเท่านั้นแต่มันเรื่องใหญ่สำหรับเด็กที่อยู่แต่ในบ้านไม่ค่อยพบใคร หลังจากวันนั้นเหตุการณ์แปรเปลี่ยนไป  โอะโอ้ย  เรียนดี จำเก่ง  สอบได้ที่ 1 ตอนอยุ่ ป.2  แล้วโอะโอ้ยก็ไม่เคยได้ที่ 1 อีกเลย …

ต่อมาเราย้ายบ้านไปอยู่โคราช พ่อแม่ส่งเข้า รร.เอกชนเพราะเราย้ายไปใหม่ พอขึ้น มัธยมจึงสอบเข้า โรงเรียนประจำจังหวัด สอบได้และมีการจัดห้องเรียนแบบแยกเด็กตามผลการเรียน  โอ๊ะโอ้ยอยู่ระดับปานกลาง ระยะนี้เองที่กลายเป็นโอลีฟ ของเพื่อนๆ ด้วยการติดพี่ชายตั้งแต่เด็ก เป็นผลให้ตามพี่ชายไปเล่นกีฬา เล่นอยู่ข้างสนาม  ตามเก็บลูก  จนกลายเป็นนักกีฬาของโรงเรียน  เป็นนักกีฬาจังหวัด เป็นตัวแทนเขต 3 คงเป็นเพราะเล่นอยู่ข้างสนามมาแต่เด็กนั่นเอง  กีฬาๆเป็นยาวิเศษ การเรียนก็ไปแบบเรื่อยๆ  จนสุดท้ายมาอยู่ห้องคิงส์เมื่อจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย

สมัยก่อน มีโควต้าพิเศษสำหรับนักเรียนที่คะแนนดี 20% แรกของจังหวัด  โอะโอ้ย ก็ติดกับเขาด้วย เลยได้ไปเรียนมหาวิทยาลัยขอนแก่นด้วยสิทธิพิเศษนั้น  เลือกเรียนคณะวิทยาศาสตร์  จบมาก็ลองสอบเข้าเรียนต่อ ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็บังเอิญสอบได้  ก็เลยได้เรียนต่อ  ระดับปริญญาโทที่นั่น  จบแล้วได้มีอาจารย์ที่เคารพยิ่งรับเข้าทำงานวิจัยที่ สภากาชาดไทย รพ.จุฬาลงกรณ์ เป็นลูกจ้างเงินทุนวิจัย แล้วชีวิตก็พลิกผัน  เมื่อเจอเนื้อคู่  ตัดสินใจย้ายตามสามีมาอยู่ ต่างจังหวัด  ระยะนั้นคิดว่าจะหางานได้ไม่ยาก  แต่ปรากฎว่า ชีวิตไม่เป็นดังฝัน มีอุปสรรคที่ไม่อยากจะเอ่ยว่าเป็นเพราะอะไร  สรุปว่า ผิดหวัง  ผิดหวังมากที่ไม่สามารถทำในเรื่องที่ตั้งใจมาแต่ไหนแต่ไร แต่ไม่เป็นไร ชีวิตต้องสู้  เราเปิดกิจการเล็กๆ เป็นของเราเอง ทำมาตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ เลี้ยงลูก ทำงานอิสระมาตลอด น่าจะเป็นตัวอย่างของความไม่สำเร็จ การหักมุม  จากวงการหนึ่งมาอีกวงการหนึ่ง


ความสุข..

7 ความคิดเห็น โดย ป้าหวาน เมื่อ 24 กรกฏาคม 2009 เวลา 10:13 (เช้า) ในหมวดหมู่ เล่าสู่กันฟัง #
อ่าน: 1517

http://www.johnmoranphoto.com/images/sky/img_sky_001.jpg

วันนี้มีความสุข…ที่หายไปนานค่ะ  ต้องมาเล่าให้เพื่อนฟัง  เพื่อต่อยอด เพื่อขยายผล  เรื่องดีๆจะได้มีมากๆนะคะ

หลายวันมาแล้ว  ไม่ใช่สิ  หลายเดือนมาแล้ว ที่แม่กับลูกไม่ค่อยมีเวลาให้กันแบบสบายๆเลย  เวลาที่เราพบกัน เราต่างเร่งรีบ หรือไม่ก็เหนื่อยอ่อนแล้ว ทั้ง 2 ฝ่าย เรื่องที่เราพูดจากัน ถูกย่อให้เหลือแต่ใจความสำคัญ ที่จำเป็นต้องสื่อให้กันทราบ แล้วต่างคนต่างทำภาระกิจของตนเอง จนเหนื่อยไปอีกวันหนึ่ง ทำไมชีวิต ต้องแห้งแล้งขนาดนั้น ต่างฝ่ายต่างเข้าใจว่าอีกฝ่ายหนึ่งกำลังยุ่ง และต้องการเวลาส่วนตัวไม่มีใครรู้ใจใครว่า  ต้องการอะไร

จนกระทั่ง วันนี้ เช้าที่แสนเร่งรีบ ดำเนินไปตามปกติ ลูกเอาเอกสารมาให้อ่าน เดินไป เดินมาสักครู่ ก่อนออกจากบ้านแต่เช้า  แม่ทำงานของแม่ที่ไม่เคยหมดจากโต๊ะสักที   หันไป เดินมา ทำงานๆ แล้วก็ อุ๊ย….จิ้งจก  ลูกจิ้งจก ตัวดำๆมีลายจุดๆด้วย อยู่บนโต๊ะทำงาน  ด้วยความที่เป็นคนไม่กลัว จิ้งจกเล็กๆ ( แต่กลัวตุ๊กแก ) จึงตกใจไม่มาก เอ..โต๊๊ะเราคงรกนิ  จิ้งจกมาเที่ยว  เข้าไปใกล้ๆ..ฮ่าๆๆๆๆๆๆ จิ้งจกปลอม   เจ้าตัวการนำมา เดินป้วนเปี้ยนรอชมผลงานว่าแม่จะตกใจไหมโดยทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้   ลูกเอ๋ย..แม่พึ่งจะได้ยิ้มวันนี้เอง ขอบคุณลูกที่มีน้ำใจหยอกแม่  ทั้งที่ 2 วันก่อนเพิ่งถูกดุไปเรื่องกลับบ้านดึก  เหมือนโลกนี้ สดชื่นขึ้นหลายเท่า

แม้จะรู้ว่า  อารมณ์ขันมีประโยชน์มาก แต่เราก็ละเลยที่จะมอบให้คนใกล้ชิด  วันนี้น่าจะมอบให้คนใกล้ชิดนะคะ


โอะ..โอ๊ย..บอกใครไม่ได้

11 ความคิดเห็น โดย ป้าหวาน เมื่อ 14 พฤษภาคม 2009 เวลา 6:47 (เย็น) ในหมวดหมู่ เล่าสู่กันฟัง #
อ่าน: 1954

ต่อจากตอนที่แล้ว

นอกจากนั้นยังมีการเล่นตี่จับ ลงทุนทางลูกคอนิดเดียวไม่เสียตังค์ ได้มิตรอีกมากมายเพราะต้องไปช่วยเพื่อนที่ตกเป็นเชลยของอีกฝ่าย  เล่น กระต่ายขาเดียว  กระโดดจนเก่งกาจ ขาเดียวเลี้ยวไปมาได้ ไม่ใช่การฝึกร่างกายหรอกหรือ เด็กได้ฝึกทักษะการใช้ สายตา ใช้ส่วนต่างๆของร่างกายให้ประสานสัมพันธ์กัน  ได้ออกกำลังกายแบบประหยัด และ ได้พัฒนาทางด้านสังคมด้วย เพราะไม่ได้เล่นคนเดียวเหมือนเล่นคอม  เราเรียนรู้ที่จะมีเพื่อน  เรียนรู้ที่จะตกลงกันเมื่อคิดไม่เหมือนกัน  เรียนรู้ที่จะเสียสละ อดทน รอคอย ทุกอย่างสะสมมาแต่เรื่องเล็กๆ ทำให้มีทักษะในการอยู่ร่วมกัน  น่าเสียดายที่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไป เด็กในเมืองใหญ่ๆ  ไม่ได้เล่นกับเพื่อนบ้าน ต่างคน ต่างอยู่ เรียนหนังสือ เรียนพิเศษ กลับบ้าน เล่นคอม คุยกันทางคอม  ไปเจอกันเพื่อไปศูนย์การค้า ตกเป็นเหยื่อสิ่งยั่วยุต่างๆ

โอะ..โอ๊ย บอกใครไม่ได้…

เรื่องโอะ..โอ๊ย..เป็นเรื่องประจำตัว ที่พี่น้องล้อกันมาอีกนานแสนนาน  เรื่องมีอยู่ว่า ปิดเทอม พี่ๆอยู่บ้าน  น้องคนนี้ก็เลยสนุกเป็นพิเศษ เพราะมีเพื่อนเล่น พี่ไม่ต้องไป โรงเรียน น้องยังไม่เข้า โรงเรียน  เราเล่นกันอยู่ที่บ้าน แน่ใจว่า แม่ไม่ต้องเสียสตางค์สักบาทเดียวจากการเล่นของเรา ยกเว้นเรื่อง โอะ..โอ๊ย

วันนั้น เราหาอะไรใหม่ๆเล่นกัน  พี่ชาย สองคนออกความเห็นว่าเล่นกระดานหกดีกว่า  ตกลงเป็นเอกฉันท์  เราเอากระดานมาวางพาด มีอิฐอยู่ตรงกลางต้องกองให้อิฐสูงหน่อยจะได้มีแรงถีบตัวขึ้น  มีเพียงเท่านั้นก็เล่นได้สนุก  เพราะมันอยู่ที่คนเล่น ไม่ใช่ของเล่น เราผลัดกันขึ้นไปนั่ง ขย่ม ร้องเพลง ดีดกัน สนุกสนาน เท่านั้น น่าจะพอแล้ว

แต่มันยังไม่พอ สำหรับ 3 พี่น้องวันนั้น  พี่ชายบอกให้ป้าหวานซึ่งตัวผอมๆ แขนเล็กๆ ขึ้นไปยืนบนกระดาน ผลก็คือ ป้าหวานตกลงมาค่ะ  แล้วไม้กระดานก็ตีแขน  พี่ชายก็รีบมาอุ้ม  น้ำตาหยด แต่ไม่กล้าร้องเสียงดัง เดี๋ยววันหลังเขาไม่ให้เล่นด้วย  จากการตรวจของพี่ชาย บอกว่า ไม่เป็นไร  ไม่มีแผล ไม่มีเลือดออก แต่อย่างใด  เราเล่นกันตั้งแต่กลางวันแล้ว  จนตกเย็น ป้าหวานยังกุมแขนร้อง โอะ..โอ๊ย..เบาๆ  พี่มาถามก็  โอะ..โอ๊ย..เท่านั้น  จนค่ำ ทานข้าวแล้ว ก็ยังโอะ…โอ๊ย..แม่ถามว่าเป็นอะไร   ก็โอะ..โอ้ย..แต่ไม่บอกอะไร เพราะกลัวถูกทำโทษยกแก๊งค์ คืนนั้นทั้งคืนก็ โอะ ..โอ๊ย  เช้ามา แม่จึงต้องเรียกมาซักไซ้ไล่เลียงว่าเกิดอะไร ปรากฎว่า แม่ต้องพาไปหาหมอ  อิอิอิ  …แขนหัก… ต้องเข้าเฝือกเลย

เรื่องนี้  ทำให้รู้จักพอ รู้จักประมาณ อย่าประมาท และ รู้ว่า ไม่ควรปิดบังผู้ใหญ่เมื่อมีอะไรผิดพลาด ซนจนได้เรื่อง


เด็กเมื่อวันก่อนนั้น..นานมาแล้ว

9 ความคิดเห็น โดย ป้าหวาน เมื่อ 12 พฤษภาคม 2009 เวลา 6:38 (เช้า) ในหมวดหมู่ เล่าสู่กันฟัง #
อ่าน: 1330

 

ตอนเป็นเด็กๆ  เริ่มจำความได้บ้านอยู่ฝั่งธนค่ะ  ตอนนั้น ยังไม่เข้า โรงเรียนเลย รู้จักคำว่า วงเวียนใหญ่  แต่ไม่รู้หรอกว่า  ไม่ใช่ วงเวียนที่เป็นวงกลมอยู่หน้าหมู่บ้าน  รู้จักคำว่า ดอนเมือง แต่สับสนกับคำว่า ลอนดอน  เอ..มันเหมือนกันไหม  ไม่กล้าถามใครเลย…นั่นคือ ความรู้รอบตัวก่อนไป ร.ร.ของเด็กหญิงคนหนึ่ง ตอนนั้น

หน้าที่ประจำ  คอยจัดรองเท้าให้เป็นระเบียบ    รู้สึกเป็นหน้าที่ ที่น่าภาคภูมิใจ  หน้าคงจะเพิ่มขนาดเมื่อมีแขกมาแล้ว เห็นว่า รองเท้าได้จัดเรียงเป็นระเบียบ  เข้าแถวตรงเรียบ  ไม่มีล้ำเส้นแม้แต่น้อย  มาคิดทีหลังว่า นั่นคือการฝึกนิสัยให้มีระเบียบเรียบร้อย

นอกเหนือจากนั้น คือ เล่น 

เล่นปากระป๋อง  ก็คือ การเอากระป๋องทุกชนิดที่หาได้  มาวางเรียงกัน  มีการเปลี่ยนวิธีวางบ้าง เช่น วางบนที่สูง วางสับหว่างเยื้องๆกัน บังกันบ้าง  สลับขนาดสูงต่ำบ้าง วางตะแคง วางซ้อนกัน เทคนิดเยอะทีเดียว  แล้วก็เก็บกระสุน ก็คือ ก้อนหิน แถวๆนั้นจากนั้นไปยังที่ตั้งฐาน ซึ่งคือ โรงเก็บของ มีเสา และมีหลังคาแต่ไม่มีข้างฝา  แล้วแสดงความสามารถเฉพาะตัว  ผลัดกันปากระป๋อง ด้วยลีลาต่างๆนาๆ ที่ประดิษฐ์ คิดค้นกันสุดฤทธิ์  พร้อมกับ จินตนาการอันล้ำเลิศว่า  นั่นคือ เรือรบบ้าง ข้าศึกบ้าง  แล้วแต่วันนั้นจะเล่นเรื่องอะไร

เล่นปล่อยต๊อก  เราผลิตและออกแบบเครื่องเล่นเอง  ใช้แผ่นไม้ วางพาดบนก้อนอิฐ  แล้วใช้เหรียญปล่อยให้กลิ้งไป  เราก็จะมีเส้นขีดไว้  ห่างจากที่ปล่อยสัก 1 เมตร  วัดว่าใครจะปล่อยได้ใกล้แต่เหนือเส้นมากกว่ากัน  ใครปล่อยได้ต่ำกว่าเส้น ไม่ถึงเส้น เรียกว่าตกน้ำ  แปลว่า ตกรอบ ส่วนคนที่ใกล้เส้นที่สุดชนะ  เลยออกไปเหนือเส้นก็วัดตามระยะใกล้กว่า ชนะ

ยังมีการเล่นอีกหลายอย่าง แล้ววันหลังมาเล่าให้ฟังอีกค่ะ


ที่จริงแล้ว…

7 ความคิดเห็น โดย ป้าหวาน เมื่อ 17 เมษายน 2009 เวลา 6:19 (เช้า) ในหมวดหมู่ ข้อคิด ชีวิต #
อ่าน: 1264

เรานั่งพิมพ์คอมพิวเตอร์ในลักษณะเดิมๆอย่างนี้ทุกวันหรือเปล่าคะ ถ้าวันนี้เราหยุดสักนิด  ยืดตัวขึ้นให้สุดตัว  ย่อตัวลงให้ต่ำสุด 

โดยที่ยังนั่งอยู่ ลองทำซ้ำหลายๆทีสิคะ  รู้สึกอย่างไรบ้าง  ….   

มองตรงไปที่จอเป็นประจำ  ถ้า .หยุด  ก้มหน้าลง ช้าๆ  แล้วค่อยๆเงยขึ้น ช้าๆ จน สุดกลายเป็น มองเพดานห้อง..ทำซ้ำสิคะ.ดีไหม

และอื่นๆอีกเหมือนกัน…ห่อไหล่เข้ามา..เอียงคอซ้าย กลับคืน ..เอียงคอขวา..กลับคืน..โอ้โห..สบายแฮะ…                           

ลองลงไปนอนค่ะ..บนที่นิ่มๆหน่อยนะคะ.ยกขาขึ้นมาเหยียดเท่าที่จะเหยียดได้..มันจะงอบ้างก็ช่างมันเถอะ.บิดปลายเท้าหน่อยค่ะ 

ทำเท่าที่อยากทำก็ได้นี่นา.. ลองนอนหงายแล้วกางขา  งอเข่าเข้าค่ะแบบกบ  เอามือจับเท้าไว้ สบายไหม..ขยับๆให้ขาให้ยืดแบบ

สบายๆ ยังนอนอยู่ ยกท่อนล่างตั้งแต่เอวขึ้นพร้อมๆกับงอขามาชิดหน้าอกค่ะ   สบายหลังไหม….                                         

ที่จริงแล้ว….ทุกสิ่งมีสิ่งตรงกันข้าม..และ เราควรยอมรับ..การเปลี่ยนแปลงบ้าง….                                                           



Main: 0.14284896850586 sec
Sidebar: 0.21296715736389 sec