เนื้อเพลง หนุ่มขอนแจ่น
ศิลปิน พี สะเดิด
เป็นหนุ่มแจ่นขอน ขะหยอนเว้าไทย บ่ แฉ็ง
กกลิ้น บ่ ค่อยมีแฮง พอเว้าไทยแฉ่งกับหนุ่มเมืองไกล
พ้อหน้าผู้สาว อ้ายแคดแลดลาวจนเป็นนิสัย
เหลือโตนชาติอ้ายแหน่สาวไทย ผู้แก้มแดงใสคือบักเฉียเชีย
คึดพ้อหน้าครู ผู้สอนตอนเฮียนประถม
จับอ้ายออกไปอบรม ยืนหน้าซั่นหันลิ้นรอเรีย
จนฮอดมื้อนี้ อ้ายยังท่อง บ่ ได้จักเที่ย
เห็นสาวไทยอ้ายใจละเหี่ย สิได้เมียกับเขา บ่ น้อ
หลงฮักเจ้าหลาย ฝึกเว้าไทยจนเจ็บโผ่งแก้ม
หางตาเจ้ากะ บ่ แนม ตะแหล่มแต่มแตมสาว กทม.
บันทึกเปิดศักราช ๒๕๕๕ สอง ฮ่า ๆๆ ด้วยเพลงหนุ่มขอนแจ่นของพี สะเดิด
ต้อนรับปี พูดภาษาอังกฤษ ของ ศอ ธอ ท่านด้วย
โดยส่วนตัวผมไม่มีความเห็น ไม่สนับสนุน ไม่เห็นแย้ง ก็แล้วแต่ว่าท่านใดจะมองมุมไหน จะว่าภาษาสากลไม่สำคัญก็ไม่ถูก นึกถึงตอนที่ต้องนั่งตรวจรายงาน นั่งเขียน นั่งแก้งานที่น้องๆส่งมาแล้วก็อดที่จะอิจฉาคนรุ่นใหม่ไม่ได้ อีกหน่อยคงไม่ต้องมีการตรวจการแก้กันอีก เพราะคนไทยจะเก่งภาษากันหมดแล้ว ถึงตอนนั้นคนเรียนภาษาอังกฤษโรงเรียนภาคค่ำอย่างผมคงสบายขึ้นเยอะ
แต่มองอีกทางหนึ่ง ชักจะเห็นดีกับฝ่ายที่คัดค้าน ไม่ใช่อะไรหรอก ลองฟังเพลงหนุ่มขอนแจ่นข้างบนนี่สิครับ สะท้อนได้ว่าการใช้ภาษาไทยกลางในโรงเรียนนั้นเริ่มมาตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว จนบัดนี้คนเมืองก็ยังพูดภาษาไทยกลาง “ปะแลดคำเมือง” หรือมีสำเนียงข้าวนึ่ง(ไม่อยากยกตัวอย่าง…..ออกทีวีที่นักข่าวรุมเอาไมค์จ่อปากทุกวันๆนั่นก็คนหนึ่ง) (แต่ผมว่า…เน้นที่สาระที่ท่านท่องมาดีกว่าเนาะ จะสำเนียงไหนก็ช่างเหอะ) คนอีสานก็”แพดแลด”ความเว้าอีสานอย่างที่เพลงเขาว่า ส่วนคนทางด้ามขวานทองก็สำเนียงปนทองแดง อย่างนี้เป็นต้น
ต่อไปคนไทยก็จะพูดอังกฤษสำเนียง คนเมือง คนอีสาน คนใต้ กันบ้างละ
ทุกวันนี้ผมอยู่เมืองลาว ฟังภาษาลาวมากกว่าคำไทย พอมาอยู่ที่นี่ได้สองสามปี สามารถแยกสำเนียงภาษาเว้าของพี่น้องลาวได้ พบคนลาวส่วนใหญ่ใช้ภาษาถิ่นของตัวเองกัน มีส่วนน้อยมากที่พูดสำเนียงเวียงจันทน์ แม้กระทั่งในทีวี ข่าววิทยุ ในมหาวิทยาลัย หรือการอภิปรายในรัฐสภา เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นดี อยากเห็นละครทีวีเอาอย่างบ้างจัง
อยากให้คนไทยเอาอย่างบ้างจัง
ผมจะได้ไม่ต้องฝึกเว้าไทยจนเจ็บโพงแก้ม