ว่าด้วยเรื่องจรรยาบรรณ

โดย silt เมื่อ 13 สิงหาคม 2011 เวลา 1:13 (เช้า) ในหมวดหมู่ ไม่ได้จัดหมวดหมู่ #
อ่าน: 1800

 

เสียงเรียกเข้าของมือถือที่ตั้งเป็น “เพลงกาสะลอง” ที่มักถูกแซวว่า “เพลงคนเฒ่า”ดังขึ้นในขณะที่กำลังคุยกับทีมงานเรื่องการจัดฝึกอบรมการเฮดตัวหนอนปูทางเดินเป็นอาชีพเสริมให้พี่น้อง

“อาจานเปลี่ยน มีเซรุ่มแก้งูกะปะบ่ นี่โทรจากโฮงหมอเด้อ ที่นี่ยังแต่แก้งูแมวเซา ไทบ้านนาหนองคำถูกงูกะปะโตบักใหญ่ตอดตอนนี้มาอยู่โรงหมอนี่แล้ว” รีบโทรไปหน่วยพยาบาลขอเบิกด่วน ขอรถวิ่งเอาไปให้โรงหมอทันที อืมม…กลายเป็นศูนย์รวมเรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วยไปซะแล้วเรา

คิดอยู่นานว่าจะจั่วหัวเรื่องของบันทึกนี้ว่าอย่างไรดี “เห่อฝรั่ง” รึก็กลัวไปกระเทือนซางใครบางคนโดยเฉพาะนายจ้าง หรือจะเอา”ฝรั่งขี้เท่อ”ก็จะกลายพวกเป็นขี้แพ้จอมโวย อย่ากระนั้นเลยเอาชื่อกลางๆ “ว่าด้วยจรรยาบรรณ”นี่น่าจะเข้าท่าที่สุด

เวียกงานด้านสุขภาพอนามัยของโครงการฯ มีหลายงานที่ต้องปฎิบัติ เช่น การตรวจสุขภาพชาวบ้านกลุ่มเป้าหมายที่๑ การติดตามเฝ้าระวังเรื่องสุขภาพอนามัยของชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่ง งานด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยของพนักงาน งานปรับปรุงโรงหมอเมือง งานซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ งานสร้างหน่วยฉุกเฉินในแคมป์ทำงาน งานประสานความสัมพันธ์แพทย์สองประเทศว่าด้วยการส่งต่อผู้ป่วย ฯลฯ ซึ่งกระโถนอย่างไอ้กระผม ที่เขาเรียกแบบหลอกใช้งานว่า Resource Person (แปลว่าอะไรก็ไม่รู้….) ก็ต้องเข้าไปยุ่งด้วยมากบ้างน้อยบ้างตามที่เขาใช้สอย ประมาณว่าหาใครทำไม่ได้ เอ้าจานเปลี่ยนช่วยเป็นธุระที อะไรประมาณนั้น

แต่ก็ใช่ว่าเขาจะปล่อยให้จานเปลี่ยน ทำทุกอย่างแต่เพียงผู้เดียวหรอก เขาก็มีหมอ มีพยาบาล มีฝ่ายเซฟตี้ทีมใหญ่ บางงานเขาก็จ้างที่ปรึกษา หรือที่เรียกหรูๆว่า Consults ซึ่งไม่นับรวมลุงเปลี่ยน (ฟามจริงไอแอมก็คอนเซาท์คนหนึ่งเหมียนกันนะ) ทางโครงการได้จ้างที่ปรึกษาทั้งไทย จีน เมกา ออสซี่ เดินกันขวักไขว่ ดังเช่นเวียกงานวางแผนรวมด้านการป้องกันสุขภาพอนามัยของพนักงานและชาวบ้านที่อยู่รอบๆโครงการ ทางเจ้าของงานก็ส่งเทียบเชิญบริษัทที่ปรึกษาหลายเจ้า ที่ยื่นข้อเสนอมา รวมถึงบริษัทในเครือของผมด้วย (แต่อ่านดูยังไงก็ขาดๆเกินๆ ตรงไปตรงมาก็คือหากให้ผมเป็นกรรมการคัดเลือกก็คงทำใจลำบากที่จะให้งานชิ้นนี้) สรุปแล้วด้วยความโดดเด่น ด้านประสบการณ์และคุณวุฒิของบุคลากรหลัก ทางโครงการจึงตกลงเลือก ทีมงานที่ปรึกษาด้านสุขภาพจากเมกา เห็นว่าท่านเคยมาทำงานที่น้ำเทินของลาว และอีกสามสิบกว่าประเทศส่วนใหญ่จะดูแลด้านอาชีวอนามัยของแหล่งขุดเจาะน้ำมัน

แล้วคณะเชี่ยวชาญท่านก็มาดูพื้นที่ครั้งแรก มีสามท่านเป็นฝาหรั่งเมกาชายหญิงดูตามนามบัตรเห็นมีวุฒิการศึกษาห้อยหลังชื่อยาวเหยียดว่า MD, MPH, DABT, DTM&H แล้วก็มีสุภาพสตรีชาวไทยหนึ่งท่าน สำหรับชาวไทยท่านนี้มีพื้นเพ รากฐานใกล้กับลุงเปลี่ยน คือเป็นคนอู้กำเมืองและเริ่มอาชีพที่พยาบาลเหมือนกัน แต่ท่านไปจบโทและเอกที่ออสเตรเลีย ปัจจุบันทำงานด้านการป้องกันวัณโรคให้รัฐบาลปาปัวนิวกินี ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นคนที่รู้จักกันมาก่อน ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกันหลายเรื่องโดยเฉพาะ วิทยาการวิจัย ทางสาธารณสุขที่ทันสมัย เช่นการตรวจมะเร็งปากมดลูกจากตัวอย่างปัสสาวะ ซึ่งสมัยก่อนต้องขึ้นขาหยั่งลูกเดียว อิอิ ถือเป็นโอกาสดีที่ได้เปิดรับข้อมูลใหม่ๆ

ผมเข้าร่วมทีมกับคณะนี้ตั้งแต่การถ่ายทอดเรื่องราวข้อมูลด้านสา-สุขของชาวเมืองหงสา งานที่ต้องทำตามสัญญาสัมปทาน พาไปเยี่ยมชมโรงหมอเมือง พบปะพูดคุยกับคีย์อินฟอร์แม้นท์ต่างๆ อยากให้เขาเห็นภาพรวมของโครงการให้มากๆ อีกทั้งจะหาโอกาส”ครูพักลักจำ”เรียนรู้อะไรจากเขาบ้าง อันที่จริงก็แอบลักจำมาได้หลายกระบวนท่า เช่น เรื่องการเฝ้าระวังวัณโรคเชื้อดื้อยาที่อาจติดมากับแรงงานอพยพชาวจีน เรื่องการใช้เครื่องอัลตร้าซาวด์ทำงานเหมือนเครื่องเอ็กเรย์ เรื่องวิธีการป้องกันโรคที่จะเกิดจากการรักสนุกของพวกกลัดมันทั้งหลาย รวมถึงการวัดฝุ่นขนาดเล็กมากๆ (พีเอ็มสอง พีเอ็มสี่) แถมโฆษณาขายเครื่องวัดแบบพกพาไปในตัวด้วย

แต่ธรรมเนียมฝาหรั่ง ก็ชวนให้ปวดหัวกับการไม่รู้จักเกรงใจคนลาว ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัว การไม่รู้จักแสร้งฟังเรื่องที่ท่านอยากเล่า แม้ไม่ตรงกับคำตอบที่เราอยากได้ บางที่นัดไว้แล้วก็เปลี่ยนใจไม่อยากไป บางเรื่องก็ถามตรงๆเกินไป (ดีที่เราไม่ต้องเป็นนายภาษาแปลให้คนลาวฟัง….สุภาพสตรีชาวไทยท่านที่ร่วมคณะมาก็เหนื่อยหน่อย)

ก่อนกลับ ทางเราขอฟังสรุปว่าท่านได้อะไรไปบ้าง ยังจะมาทำอะไรอีกเมื่อไหร่ และมีประเด็นเร่งด่วนใดบ้างที่เราต้องรีบแก้ไข พี่ท่านสองฝาหรั่งก็เปิดเลกเชอร์สอนวิชาหลักการป้องกันสุขอาชีวอนามัยเบื้องต้นให้ฟัง ทำเอาในที่ประชุมเอ๋อว่าทำไมไม่เข้าประเด็นซะที (ก็ทนๆฟังกันไป ฝาหรั่งพูดต้องฟังไว้)

สุดท้าย ผมขอฟังความเห็นเกี่ยวกับรูปแบบและรายการตรวจสุขภาพ (ที่ผมรับผิดชอบอยู่) ก็เห็นท่านเป็นฝาหรั่ง มีปริญญาหมอพ่วงหลายใบ และโฆษณาว่าเป็นคนทำที่น้ำเทิน (อันที่จริงผมก็แอบไปเลียนแบบมาจากน้ำเทินนั่นแหละ พร้อมกับแอบถามหมอเจ๊บ้าง) ที่ขึ้นจอขอความเห็นพี่ท่านคือร่าง หน้าเวียกหรือ ทีโออาร์ที่เรากำลังประกาศจ้างใหม่ที่ผมยกร่างไปประชุมกับคณะท่านหมอจากแขวงที่กำกับโครงการปรับแก้กันมาหลายรอบแล้ว

ความเห็นที่ได้เปิดเผยธาตุแท้ก็คือ มันว่าพวกเราตรวจเยอะเกินไป หากภาษาอังกฤษโรงเรียนภาคค่ำผมแปลไม่ผิดได้ยินว่า “ตรวจเยอะก็เจอปัญหาเยอะต้องแก้ไขเยอะ” ไรฟ่ะเอ้ย นี่ตรูก็ไปเอามารตฐานที่เอ็งสร้างไว้ที่น้ำเทินมานะ แล้วกรรมการในลาวก็ถือเป็นคัมภีร์อ้างอิง(เพราะมีโครงการเดียวที่ทำในลาว) พี่แกรบอกว่า ที่น้ำเทินเขียนไว้เยอะแต่ทำจริงๆไม่หมดหรอก นั่นฟังมันพูดเข้า หรือว่ามันมาหลอกว่าไปทำที่น้ำเทินมาก็ไม่อาจทราบได้ บอกมันไปว่างั้นขออัดเทปที่พูดเมื่อกี้ไปให้กรรมการฟังละกัน เผื่อจะได้ลดรายการตรวจโรคชาวบ้าน งานจะได้ง่ายเข้า เผื่อจะมีใครหลงเชื่อฝรั่งอีก

« « Prev : ผมจะพาชาวหงสา “ปลูกเร่ว”

Next : ทิศทั้งแปด บทท่องจำตามโคลงบุราณลาว » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

1 ความคิดเห็น

  • #1 withwit ให้ความคิดเห็นเมื่อ 13 สิงหาคม 2011 เวลา 1:49 (เช้า)

    ฮ่า ฮ่า ที่ปรึกษาฝาหรั่ง ควังแล้วขนลุก ก็ดูไทยเป็นตัวอย่างสิครับ แผนพัฒนาบ้าบอคอแตก
    ลาว พม่า ยังแก้ตัวพอทัน ถ้าหมั่นคิดนะผมว่า
    ส่วนเขมร กู่ไม่กลับยิ่งกว่าไทยเสียอีก

    คิดฮอดแกงป่าที่เคยผัดให้กินเด๊อ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.060478925704956 sec
Sidebar: 0.014837980270386 sec