ผุกร่อนไปตามกาลเวลา
ความผุกร่อนเป็นไปตามกาลเวลา
กาลเวลา…กลืนกินทุกสิ่งในพิภพ
ในพิภพ…แดนดินที่ไร้ความเที่ยง
ความเที่ยง…แท้จริงคือความไม่เที่ยง
ยามบ่ายวันหนึ่งในเดือนเมษายน ปีพุทธศักราช ๒๕๔๗
ผมปลีกตัวจากวงเสวนาเรื่องผักหวานป่า ในวัดป่าบ้านสานคาม สกลนคร
แหล่งเรียนรู้ด้านการจัดการป่าผักหวานป่า ที่ใช้มีวัดเป็นองค์ประกอบ จัดการกันได้อย่างเยี่ยมยอด
นำพาพี่น้องมาพบกันแล้ว ปล่อยให้พ่อๆท่านพูดคุยกันเอง แลกเปลี่ยนกันเอง
ผมถูกดึงดูดด้วยความวิเวก จากต้นไม้พุ่มไม้หนาทึบรอบๆศาลา
มีเส้นทางเดินสายน้อย ปัดกวาดอย่างสะอาดเอี่ยม ทอดนำเข้าดงไม้ เชิญชวนให้เดินเข้าไปยิ่งนัก
ผมเดินอย่างสำรวมเต็มที่ ท่ามกลางเสียงของธรรมชาติ เสียงจักจั่นดังขึ้นเป็นครั้งคราว เสียงใบไม้ส่ายเสียดยามลมพัดต้อง
เสียงใบไม้แห้งร่วงหล่นระกิ่งค่าคบ เดินผ่านกุฏิหลังน้อยหลายหลังที่สร้างแฝงกับป่าไม้อย่างกลมกลืน
ยกมือวันทาเจ้าของกุฏิที่มีวัตรปฏิบัติน่าเลื่อมใสแต่ไม่ได้หยุดรบกวนเวลาปฏิบัติของท่าน
เกือบสุดทางเดิน ตรงโคนต้นไม้ใหญ่ที่มีใบไม้แห้งหล่นทับถมจนเต็มพื้น ผมเห็นตอไม้ผุที่มีเห็ดสีขาวขึ้นโดยรอบ มีเถาวัลย์ทอดพาด
และมีขอนไม้ขนาดย่อมประดับด้วยเห็ดดอกโตสีเหลืองอ่อนวางก่ายอยู่ จัดตำแหน่งขอนไม้เล็กน้อย แล้วบรรจงถ่ายรูป ได้มาอย่างที่เห็น
ถือเป็นรูปถ่ายที่ผมบันทึกภาพในขณะที่จิตโปร่งที่สุด จิตนิ่งที่สุด
หากได้อยู่ใกล้ชิด…กับธรรม(ชาติ)
อยู่กับตัวเองอย่างรู้จักตัวตน
มีสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจ มีสิ่งอันควรสักการะให้ยึดมั่น
ชีวิตนี้…ก็น่าอยู่ขึ้นอย่างมาก
จะมัวเมาลาภยศชื่อเสียงไปใย
จะเมามัวกับเกรียติศักดิ์ศรีไปถึงไหน
จะมุ่งชนะระรานกันไปทำไม
อีกไม่เท่าไรก็ต้องดับไปกับกาลเวลา
« « Prev : แม้นว่า ที่นี่ไม่มีพลุสีสวย
2 ความคิดเห็น
อีกไม่เท่าไหร่ก็ต้องดับไปกับกาลเวลา..
เป็นสัจจะที่เที่ยงแท้ และทำให้นิ่งเย็นได้ทันตา
ธรรมชาติสอนชีวิต และกัลยาณมิตรสอนธรรม..ขอบคุณค่ะเจ้าเมืองหงสา อิอิอิ
สาธุค่ะ อ้ายเปลี่ยน
มาแอบดูเผื่อว่า อ้ายไปกระบี่ จะพาไปเที่ยวไหนดีค่า